พ่อผมเป็น 007


สมัยมีบล็อกแรกๆ ผมเคยถามพ่อว่า “ถ้าจะเขียนเรื่องพ่อให้คนอื่นอ่านได้ไหม?”

“เฮ้ย!! อย่าเที่ยวเขียนไป” พ่อตอบมาอย่างดุๆ ด้วยนัยยะที่รู้กันว่าทำไมไม่ควรเขียน และผมก็ไม่เคยเขียนเรื่องพ่อชัดๆ เลย

แต่ในวันนี้ที่เหตุการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไปมากมายอย่างที่เราเห็นกันในข่าว ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผมจะเขียนเรื่องพ่อได้แล้ว เพราะสิ่งที่พ่อทำมันเป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับโลกในปัจจุบัน เป็นประวัติศาสตร์ที่ควรบอกเล่าและบันทึกไว้ ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป

ตอนนี้ประเทศคอมมิวนิสต์อย่างจีนเขาทำโทรศัพท์มือถือขายไปทั่วโลก ชาวพม่าก็มาเป็นแรงงานก่อสร้างเต็มเมืองไทย ป่าดงดิบแหล่ง ผกค. ในภาคใต้กลายเป็นสวนยางกับสวนปาล์มจนไม่เหลือต้นไม้ท้องถิ่นให้ดู เรื่องของพ่อมันเก่าแล้ว ผมว่าเล่าได้แล้วนะพ่อ

ตอนเด็กๆ ผมโตมาเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ที่จะเจอคำถามว่า “พ่อทำงานอะไร?” และผมก็จะตอบด้วยความภาคภูมิใจว่า

“เคยเป็นทหารครับ ตอนนี้ขับรถสองแถวครับ”

ในเมืองเล็กๆ อย่างชุมพรในอดีตนั้น “จ่าหนั่น” ที่ขับรถสองแถวเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี

ยศทหารนั้นติดตัว ปกติทหารลาออกแล้วก็ยังใช้ยศนำหน้าได้ คนที่ไม่แต่งชุดทหารแล้วขับรถสองแถวนั้นใครๆ ก็เข้าใจว่าคงจะลาออกมาแล้ว หรือไม่ก็ถูกไล่ออก

คนคงคิดว่าน่าเสียดายที่คนที่เคยเรียนดีอันดับหนึ่งตอนจบมัธยมที่โรงเรียนศรียาภัยแล้วไปเรียนโรงเรียนนายสิบไม่น่าจะมาลงท้ายด้วยการทำอาชีพขับรถสองแถวเลย ผมไม่รู้แต่ผมเดาว่าพ่อผมคงถูกดูถูกดูหมิ่นพอประมาณทีเดียว เพราะเพื่อนฝูงรุ่นราวคราวเดียวกันเป็นข้าราชการใหญ่โตกันทั้งนั้น

มานึกตอนนี้แล้วรู้เลยว่าพ่อเก่งจริงๆ ที่ไม่หวั่นไหวต่อสังคม

พ่อไม่เคยให้ใครรู้ว่า “จ่าหนั่น” จะหายจากบ้านไปครั้งละหลายวัน พอกลับมาแล้วก็มานั่งเขียนจดหมายยาวหลายหน้าเพื่อส่งให้ “นาย”

พ่อผมทำอยู่อย่างนี้ตั้งแต่ผมจำความได้จนกระทั่งผมเริ่มเรียนมัธยมปลายพ่อก็เลิกทำ รวมทั้งเลิกขับรถสองแถวอาชีพบังหน้าด้วย แล้วก็กลับไปใส่ชุดทหารย้ายมาประจำจังหวัดทหารบกชุมพรติดยศนายร้อยนั่งโต๊ะทำงานด้วยเหตุผลว่า

“พอแล้ว”

ผมเชื่อว่าพ่อมีเหตุผลมากกว่าสองคำนี้ แต่พ่อผมพูดน้อยเวลาถามเรื่องงาน แม้แต่กับลูกตัวเอง เวลาถามเมื่อไหร่ก็จะมองไปไกลๆ เหม่อลอยจมอยู่ในความคิดส่วนตัว

แต่ผมก็พอถามมาได้ไม่น้อย ว่างๆ จะทยอยเขียนมาเป็นบันทึก เรียกว่าผมไม่ต้องดูหนัง 007 เพราะผมมี 007 ประจำบ้าน ถ้าตะล่อมให้ยอมเล่าได้เท่านั้นเอง

พ่อผมมีหัวกระสุนยังฝังอยู่ในตัวสองเม็ดที่ผ่าออกไม่ได้ ตอนถูกยิงมารักษาตัวนั่นคือช่วงที่ได้เจอกับแม่ผมที่เป็นพยาบาลนั่นเอง เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย ถ้าพ่อไม่ถูกยิง พ่อไม่ได้เจอแม่ ผมไม่ได้เกิด

ในช่วงประเทศไทยอยู่ในยุคสงครามเย็นนั้นมีรั้วของชาติทำหน้าที่เสียสละเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยโดยไม่มีใครรู้ใครเห็นอย่างเช่นพ่อผมนี้ไม่รู้กี่คน

ผมไม่รู้ และคนไทยโดยทั่วไปก็ไม่มีโอกาสรู้ มันเป็นความลับทางทหาร

บางทีเวลาเราร้องตะโกนว่า “รักชาติ” เราควรนึกถึงคนที่ไม่พูดคำนี้ เขาไม่พูดเพราะปฎิญาณต่อหน้าธงชัยเฉลิมพลไว้ว่าจะไม่พูด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

หมายเลขบันทึก: 555435เขียนเมื่อ 5 ธันวาคม 2013 11:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 ธันวาคม 2013 14:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

สุขสันต์วันพ่อค่ะอาจารย์ รวมทั้งพ่อ007ด้วยค่ะ

เรียนอาจารย์ นี้คือ ประวัต์ศาสตร์ อีกด้าน ที่ยังอยากเรียนรู้.อยากได้ยิน...."เสียงของคนที่ไม่พูด"

ยินดีด้วยนะครับที่ท่านมีพ่อเป็นนายทหารที่จงรักภักดี มีความกตัญญูเป็นอันดับหนึ่ง อ่านแล้วภูมิใจแทนจริงๆ

อ่านแล้ว...ชื่นชมและภูมิใจใน 007 ประจำบ้านค่ะ
อยากฟังเรื่องราวของท่านค่ะ

ดีใจ และภูมิใจกับลูกชาย 007 จ้ะ

เท่าที่ทราบ

คนสมัยก่อนเก็บความลับเก่งมาก

เสียดายเรื่องดีๆหายไปกับการเวลา

ขอชื่นชมกับ 007 ประจำบ้านด้วยครับอาจารย์

-สวัสดีครับอาจารย์

-ตามมาร่วมระลึกถึงพระคุณพ่อครับ

-ขอบคุณที่บันทึกเรื่องราวของพ่อให้ผมได้อ่านนะครับ

-ประทับใจในหน้าที่ของพ่อมาก ๆ ครับ

-ขอบคุณครับ

ภูมิใจในตัวท่านค่ะ

อาจารย์ก็เป็น 007 จูเนียร์ เจาะข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ได้

GD ก้อเป็นลูกทหารเหมือนกันน้า พ่อเล่าว่าถูกระดมพลถึง 3 ครั้ง ในสงครามอินโดจีนอยู่ในหน่วยเสนารักษ์ มีบันทึกเก่าตัวหนังสือจางจนบางช่วงอ่านไม่ออก มีรูปสวนสนามด้วย แอบภูมิใจอยู่คนเดียวมานานแล้ว ตอนพ่อยังอยู่ใครอย่าวิจารณ์รัฐบาลทหารให้ได้ยินนะ เป็นเรื่องเลย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เหนือสิ่งอื่นใด

เขียนเยอะๆนะครับ อุทิศให้เรื่องนี้สักสามเดือนก็ดีนะครับ ผมชอบเรื่องแบบนี้แหละครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท