เขียนชื่อไทยให้เป็นอังกฤษอย่างไรไม่ให้ฝรั่งหัวเราะ


ตอนนี้เป็นช่วงกำลังจะปิดเทอมของมหาวิทยาลัยและกำลังจะเข้าสู่ช่วงเปิดเทอมของนักเรียนประถมและมัธยมครับ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาต่อจากนี้ก็คือจะมีเยาวชนไทยมากมายที่จะต้องสะกดชื่อภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษเพื่อกรอกแบบฟอร์มต่างๆ ที่ต้องการให้มีการเขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษด้วย และสิ่งที่เด็กๆ เขียนด้วยพื้นภาษาอังกฤษที่ยังไม่แน่นตอนนี้จะกลายเป็นสิ่งติดตัวไปตลอดชีวิตทีเดียวครับ

ดังนั้นการเขียนชื่อตัวเองเป็นภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ผมเคยเห็นครูบาอาจารย์อาวุโสหลายต่อหลายคนที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติจำเป็นต้องใช้ชื่อตัวเองในภาษาอังกฤษที่สะกดผิดๆ ถูกๆ ตอนเด็กๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าผิดพลาดแต่ก็แก้ไขไม่ได้แล้ว ก็ต้องใช้ไปอย่างเจื่อนๆ เวลาฝรั่งแขกจีนอ่านชื่อแล้วก็อมยิ้ม

ที่จริงประเทศไทยควรมีบริการในการสะกดชื่อภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษโดยผู้ที่มีความรู้ภาษาอังกฤษดีให้แก่เยาวชนไทย จะได้ไม่เป็นเรื่องที่กลายเป็นเรื่องเขินอายกันไปตลอดชีวิต แต่ก็นั่นละครับ จะไปหาหน่วยงานไหนองค์กรใดที่จะมีความพร้อมให้บริการเช่นนี้ได้

ที่จริงแล้วหลักการสะกดชื่อภาษาไทยให้เป็นภาษาอังกฤษมีวิธีอยู่สองแบบ

แบบที่หนึ่งคือการสะกดแบบผู้รู้ทางภาษาศาสตร์อย่างเข้มข้น นั่นคือภาษาไทยมีรากฐานมาจากภาษาบาลีและภาษาสันสกฤต แล้วภาษาพวกนี้มีวิธีในการเทียบตัวอักษรและเสียงให้กลายเป็นภาษาอังกฤษที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนวุ่นวายซึ่งผมไม่มีความรู้เพราะผมไม่ใช่นักภาษาศาสตร์ ผมรู้แต่ว่าผลลัพธ์จากการสะกดเช่นนี้จะได้ชื่อออกมาที่ฝรั่งอ่านไม่ออก เผลอๆ เจ้าของชื่ออาจจะอ่านไม่ออกด้วย อาทิเช่นชื่อผม "ธวัชชัย" ถ้าจะสะกดให้ถูกต้องตามหลักภาษาข้ามไปถึงภาษาฮินดิรู้สึกจะเขียนว่า Dhavajjay ซึ่งจะกลายเป็นชื่อแขกไปทันที

วิธีแบบนี้ผมไม่แนะนำเพราะโดยส่วนใหญ่จะได้ผลลัพธ์ที่ยาวและอ่านยาก โดยเฉพาะยุคหลังๆ ชื่อคนไทยมีการใช้ตัวอักษรที่หลากหลายมากขึ้น ตัวอักษรไทยหนึ่งตัวจะมีหลักการเทียบกับตัวอักษรภาษาอังกฤษหนึ่งถึงสองตัว ยิ่งตัวอักษรที่ไม่ค่อยใช้กันโดยปกติก็ยิ่งเทียบยาว แล้วตัวที่มีการันต์ในชื่อที่แม้จะไม่ออกเสียง แต่ตามหลักการเทียบชื่อที่ผมเคยรู้มาผ่านๆ จากการฟังนักภาษาศาสตร์เขาเล่า เขาว่าต้องเขียนให้หมดเลย ดังนั้นยาวครับ ได้ชื่อมายาวเฟื้อยแน่นอน วิธีนี้อย่าทำ

ส่วนวิธีในการสะกดชื่อในแบบที่สองคือการสะกดตามการออกเสียง อันนี้ตรงไปตรงมา ออกเสียงอย่างไรก็พยายามเขียนด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษให้ออกเสียงให้ได้อย่างนั้น วิธีนี้ที่จริงแล้วเป็นวิธีที่คนไทยใช้กันโดยส่วนใหญ่อยู่แล้ว เพราะจะได้ชื่อออกมาสั้นกว่าและมักจะอ่านง่าย แต่วิธีนี้ก็มีปัญหาอยู่ว่าเรามักจะเผลอไปสะกดด้วยคำที่มันมีความหมายไม่ค่อยดีในภาษาอังกฤษแล้วกลายเป็นเหตุให้ฝรั่งมังค่าหัวเราะเวลาเห็นชื่อเรา

ในชื่อภาษาไทยที่สะกดเป็นภาษาอังกฤษนั้นคำที่สร้างความขบขันให้แก่ชาวต่างชาติมากที่สุดคงไม่พ้นคำว่า "พร" ซึ่งมีอยู่ในชื่อคนไทยจำนวนมากโดยเฉพาะผู้หญิง คำนี้คนไทยมักสะกดว่า "porn" ซึ่งแปลว่า "สื่อลามกอนาจาร" เพราะเป็นคำย่อจาก pornography ในขณะที่ประเทศไทยเรามีชื่อเสียงระดับนานาชาติเรื่องบริการทางเพศอยู่แล้ว การที่ได้เห็นผู้หญิงไทยมีชื่อที่มีคำว่า "porn" อยู่นี่ยิ่งเพิ่มดีกรีความขำขันให้แก่ชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ควรจะรณรงค์ให้มีการเปลี่ยนตัวสะกดของคำคำนี้กันทั้งประเทศ เป็นเรื่องน่าอายจริงๆ ครับ

ส่วนคำว่า "พร" นั้นถ้าให้ผมสะกด ผมจะสะกดว่า "pohn" จะออกเสียงคล้ายๆ กับคำว่า "john" ซึ่งเป็นชื่อทั่วไปของฝรั่งอยู่แล้ว ฝรั่งเห็นครั้งเดียวออกเสียงได้และไม่มีเสียงหัวเราะในลำคอตามมา

ยังมีคำอื่นที่ความหมายไม่ดีอีกมากมายที่คนไทยเผลอเอาไปสะกดชื่อตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วกลายเป็นสิ่งติดตัวไป ดังนั้นสิ่งที่ควรทำเวลาสะกดชื่อตัวเองตามการออกเสียงคือควรนำคำแต่ละคำที่สะกดได้ไปเปิดพจนานุกรมดูให้ชัดเจนว่าคำนั้นมีความหมายหรือเปล่า และความหมายนั้นเป็นอย่างไร

เวลาเปิดพจนานุกรมนี่ก็ต้องระวังนะครับ เพราะพจนานุกรมบ้านเราค่อนข้างจะเก่ามีแต่คำแปลสมัยพระเจ้าเหา คำหลายๆ คำที่ดูเหมือนจะดีปัจจุบันกลายเป็นคำแสลงตลกๆ ไปแล้วก็มี ดังนั้นก็ต้องเลือกพจนานุกรมที่ใหม่หน่อย พวกพจนานุกรมออนไลน์จะช่วยได้เยอะ ถ้าหาไม่เจอก็ให้ค้นจาก Google โดยพิมพ์ชื่อคำแล้วตามด้วยคำว่า meaning เดี๋ยวอากู๋ก็น่าจะบอกคำแปลที่ทันสมัยให้ครับ

หมายเลขบันทึก: 605980เขียนเมื่อ 5 พฤษภาคม 2016 10:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 พฤษภาคม 2016 10:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

55555....ขำน้องพร..สวัสดีค่ะอาจารย์ นานมากไม่ได้เข้ามาหาพาสเวิดส์ๆๆๆ.. ตะแล่มๆๆ...ชื่อเรานะคนไทยหัวเราะใส่หาว่า..เป็นรู...ฉ.. บางทีก็อยากเขียนแบบนี้ค่ะ rujee รุจี เป๊ะดีค่ะ อิอิ..

ผมทดสอบกับ voice synthesizer บนเครื่องคอมฯ ปรากฎว่า Ruchee ออกเสียงแล้วตรงกับเสียงภาษาไทยมากกว่าครับ ส่วน Rujee จะออกเสียงว่า "รูจีอี้" ครับ

โอ้ดีเริ่ดมากค่ะอาจารย์..ครึ่งค่อนชีวิตก็นึกว่าออกเสียงแบบเขาล้อเรา..ที่ไหนได้เนาะ..รูจีอี้..คำเมืองก็..ฮู้จะอี้..จะตบปากคนว่าสักกำลอ...55556

ผมทราบมาคร่าวๆ ว่าภาษาอังกฤษแต่เดิมไม่มีตัวอักษรเป็นของตัวเองเลยยืมตัวอักษรมาจากกลุ่มภาษาโรมันอีกทีครับ ดังนั้นการเขียนกับการออกเสียงเลยไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่อยู่แล้วครับ พออ่านคำแล้วจะออกเสียงให้ถูกก็ต้องจำการออกเสียงอีกทีครับ เป็นความยากอีกชั้นหนึ่งของการสะกดชื่อเป็นภาษาอังกฤษครับ

อย่างนักดนตรีแจ๊สคนหนึ่งก็ชื่อว่า Najee ออกเสียงว่า "นาจี" ครับ

Pooklook Sayomporn

แย่เลย กะจะเลิกไปต่าประเทศแล้วค่ะ

อืมม.... ผมไม่ทราบว่าจะเปลี่ยนคำสะกดชื่อใน passport ไม่รู้ทำยากหรือเปล่านะครับ แต่น่าจะเปลี่ยนได้ครับ อาจจะต้องเปลี่ยนในบัตรประชาชนก่อนครับ

ทำให้นึกขึ้นได้ว่าบัตรประชาชนไทยเดี๋ยวนี้มีตัวสะกดชื่อภาษาอังกฤษด้วยแล้ว และเด็กๆ ลูกชาวบ้านที่ยังไม่รู้ภาษาอังกฤษดีก็ถูกเจ้าหน้าที่ในอำเภอที่ภาษาอังกฤษไม่ได้ดีกว่าชาวบ้านเท่าไหร่เป็นคนช่วยสะกดชื่อให้ จริงๆ นี่เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกันนะครับ

ไม่เป็นไรทั้งครับ... เพราะคนไทยอีสานก็ล้อฝรั่งอยู่เรื่อยๆ เช่น Lucy เป็นต้น....ฮา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท