การล้างพิษด้วยน้ำมะนาว : AAR วันที่ "1 ครึ่ง..."


เมื่อสักครูฝนตกก็เลยต้องเก็บเครื่องไม้เครื่องมือเปลี่ยนอาชีพจาก "กรรมกร" มาเป็นนักถอดความรู้สักครู่ (ตอนนี้ฝนเริ่มซา แต่ยังมีลมอยู่)

เมื่อเช้าออกไปทำงานก็โซเซเล็กน้อย เพราะว่าแดดจัดตั้งแต่เช้า
ตั้งแต่เช้าเริ่มก็ดื่มน้ำมะนาวไปสามครั้งแล้วคือเวลาประมาณ 8.00 น. 10.30 น. และ 13.00 น.
วันนี้ก็มีปรับสูตรนิดหน่อย ก็คือ ใช้มะนาวสองลูก เราสองคั้นดูแล้วได้น้ำมะนาวประมาณ สองช้อนโต๊ะครึ่ง (ประมาณ 37.5 มิลลิลิตร 1 ช้อนโต๊ะเท่ากับ 15 มิลลิลิตร) ถ้าเทียบตามสูตรเขาให้แบ่งมะนาว 200 มิลลิลิตรออกเป็น 6 ครั้งก็น่าจะได้น้ำมะนาวใกล้เคียงกัน ที่เราได้จะมากกว่านิดหน่อย (ถ้าบีบจนเกลี้ยงแบบสุด ๆ น่าจะได้ถึง 3 ช้อนโต๊ะ ยืนยันว่ามะนาวเฮียหมูลูกใหญ่จริง ๆ)

แล้วเราก็ปรับเปลี่ยนจาก "พริกข่า" มาเป็น "พริกป่น" แทน ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่พะอืดพะอมเหมือนเมื่อวาน (สงสัยในพริกข่าจะมีส่วนผสมอะไรต่ออะไรเยอะไปหน่อย)
วันนี้เราเปลี่ยนจากการผสมน้ำประมาณ 300 มิลลิตร (ต่อครั้ง) รวมกับน้ำผึ้งและมะนาว มาเป็น ใส่น้ำลงไปนิดหน่อยพอให้น้ำผึ้งละลายได้ สภาพการสะอิ สะเอียนน้อยลงกว่าเมื่อวานเยอะ
ประมาณว่าดีกว่ากันมาก ก็คล้าย ๆ กับเอาน้ำผึ้งผสมมะนาว แล้วก็มีพริกป่นด้วย "เผ็ด ๆ ดี..."

วันนี้ตอนเช้าออกไปตัดหิน ยกหิน ทำท่าจะยกไม่ค่อยไหว เพราะปกติหินก็หนักอยู่แล้ว
พอเดิน ๆ อยู่ก็รู้สึกว่า "ไม่แน่น" มันโคลงเคลง ๆ ชอบกล แต่ก็พอทำงานได้ มาหนักอยู่ก็เจ้าแดดเนี่ยแหละ "ร้อน" น่าดู...
ก็ไม่ได้ถึงกับทำงานไม่ไหว แต่งานที่ทำสงสัยมันจะไม่ใช่ "งานผู้ดี"
เพราะส่วนใหญ่สูตรนี้ "ผู้ดี" เขาทำกัน
ในสูตรเขาบอกว่าให้ออกกำลังกาย "วิ่งสายพาน" ได้
แต่เขาคงไม่ได้คิดเผื่อว่า "กรรมกร" ที่ทำงานกลางแจ้งจะทำได้หรือเปล่า...

ถ้าเป็นการทำงานตอนนี้อากาศเย็น ๆ สบาย ๆ หลังฝนตก ก็ไม่มีปัญหา เหมือนที่ Ka-poom ไปวิ่ง คงไม่ได้วิ่งกลางแดดมั๊ง...?

เหมือนกับตอนไป "ธุดงค์" เหนื่อยมาก เหนื่อยกว่านี้เยอะ แต่แทบไม่โดนแดดเลย เดินจนเหงื่อท่วม ของก็หนัก (ประมาณ 20 กิโลกรัมที่ต้องแบกไว้บนบ่าแล้วเดินขึ้นเขา) แต่ก็ไปได้ เพราะถ้าไปไม่ได้ก็ "หลงป่า" แค่ก้มหน้าเดินหน่อยเดียว อ้าว ข้างหน้าหายไปไหนกันหมด

ในป่าเขาใหญ่นี้ต้นไม้ "ทึบ" จริง ๆ
ถ้าช่วงไหนเดินแล้วเจอแดดเป็นอันต้องยืนผึ่งแดดกันเล็กน้อย (ช่วงที่มีช่องโหว่จากต้นไม้แล้วแดดรอดลงมาได้)
แต่ก็มีนิดเดียว สักพักหนึ่งก็ทึบอีกแล้ว (สมชื่อป่าดงดิบ...)

ดังนั้นเพื่อต่อสู้กับแดดเราก็เลยผสม "เกลือ" รวมเข้าไปกับน้ำผึ้งและมะนาวนิดหน่อย (เริ่มอร่อย 555)
พอจัดการน้ำมะนาวเสร็จ แล้วค่อยดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำอุ่นตามลงไปให้ได้จำนวน (อื้ม สบายกว่าการผสมแล้วเขย่ารวมกันเยอะ...)

เมื่อสักครู่เพิ่มทาน "ยาขม" เข้าไป 3 เม็ด เพราะรู้สึกว่าเจ้า "ส้มแขก" ที่ดื่มไปเมื่อเช้าจะออกฤทธิ์ไม่ทันการ คือ ไม่รู้สึกสะทกสะท้านอยากจะไปเข้าห้องน้ำเลย (เห็นคนที่วัดเขาทำ เข้าห้องน้ำกันวันหนึ่งสามสี่หน...)
ส่วนประกอบของ "ยาขม" ซึ่งเป็นยาระบายอ่อน ๆ ประกอบด้วย มีอึ่งงิ้ม, ขมิ้นชัน, บอระเพ็ด, ไคร้เครือ, ลูกกระดอม และตัวยาอื่น ๆ นิดหน่อย...

ตอนนี้ฝนหยุดตก แดดเริ่มออก สงสัยจะต้องเปลี่ยนบทบาท "สมมติ" ลงไปทำงานกรรมกรก่อนอีกครั้งหนึ่ง... (ที่มาจากบันทึก  การล้างพิษด้วยน้ำมะนาว : AAR วันที่ 1)

 

หมายเลขบันทึก: 304990เขียนเมื่อ 11 ตุลาคม 2009 14:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เข้ามาเรียนรู้เจ้าค่ะ

อืม แสดงว่า ช่วงแรก ๆ มีอาการผิดปกติบ้าง

กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ

วันแรกก็มีอาการผิดปกติ ตาม "ธรรมดา" ของการกระทำที่ "ไม่ปกติ..."

ร่างกายเขาก็คง มึน ๆ "งง ๆ" อยู่...

แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งวันครึ่งก็ไม่มีอะไรและ "สบาย ๆ"

แต่มีปัญหาอย่างเดียวว่า สูตรนี้เหมาะสำหรับ "ผู้ดี" ไม่ค่อยเหมาะสำหรับ "กรรมกร" อย่างเรา

เพราะหลังจากช่วงบ่ายหลังฝนตก เราก็ออกไปทำงานกรรมกรตามปกติ แต่เผอิญแดดร่ม ลมตก ก็พอทำงานได้ไม่เป็นอะไร

ผู้ดีเขาก็ต้องอย่างนั้น ก็คือ ไม่ใช่งาน "ออกแดด" แบบเรา ต้องทำงานอยู่ในห้องแอร์ปูพรหมอย่างดีถึงจะไม่เป็นอะไร

แต่ถ้าเป็น "ผู้ใช้แรงงาน" อย่างเราก็ลำบากหน่อย สู้ "แดด" ไม่ค่อยไหว

"แสงแดดนี่ดึงพลังงานอย่างมากทีเดียว"

หลังจากผ่านไปวันครึ่ง ช่วงบ่ายของวันที่สองนั้นเราก็ดื่มน้ำมะนาวอีกสองครั้ง เวลาประมาณ 16.00 น. กับ 18.30 น. วันที่สองนี้ดื่มได้ 5 ครั้ง รู้สึกว่าพอดี ๆ บีบเวลาเข้ามากกว่านี้จะเหมือนว่า "อึดอัด" เกินไป

เราจะสำรวจตัวเองวันต่อวัน "ครั้งต่อครั้ง" ดูร่างกายตัวเองแล้วจึงพิจารณาว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ

สูตรต่าง ๆ ที่ออกมา เขาใช้ตัวเขาเป็นตัวทดลอง เขารู้จักตัวเขา แต่เรารู้จัก "ตัวเรา..."

อันนี้ไม่ควร "โง่" ไปทำตามเขาซะหมด ควรรู้ว่าเรื่องใดควรโง่ เรื่องใดไม่ควร "โง่..."

ตอนมีคนมาด่าเราตอนนั้นดัน "ฉลาด" รู้เรื่อง รู้ราว

ตอนมีคนเอาอะไรมาขายเราตอนนั้นดัน "โง่" ไม่รู้เรื่อง รู้ราว

ตอนจะทำอะไรก็เหมือนกันต้องรู้จักใช้ "ความโง่" นำ คือ ฟังเขาแต่ไม่ "ปฏิเสธ" ฟังแล้วนำมาค้นหาข้อมูลให้มาก วิเคราะห์ เปรียบเทียบ โง่ก่อนแล้วค่อย "ฉลาด" ทีหลัง

คนเราเดี๋ยวนี้มัก "ฉลาด" ก่อน ก็คือ พอใครบอกอะไรมาก็ทำเป็น "ฉลาด" เลย คือ ไม่ฟัง ไม่สนใจ คนฉลาด ๆ ก็มักจะปฏิเสธโอกาสดี ๆ ไปอย่างมากมาย อย่างนี้เขาเรียกว่า "ฉลาดในเรื่องโง่ ๆ..."

คราวหน้าคราวหลัง ใครบอกอะไร ใครพูดอะไร มีหน้าที่ฟังก็ฟังไป แล้วด้วยจิตใจที่ "ว่าง ๆ" ไม่มี "อคติ"

พอฟังแล้ว ฟังด้วยจิตใจที่ไม่มีอคติจนได้ข้อมูลที่ "ครบถ้วน" แล้ว จึงค่อย ๆ นำมาคิด พิจารณา หาข้อมูล ว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นเป็นอย่างไร ไม่จริงก็จะได้รู้ว่าไม่จริง จริงก็จะได้รู้ว่าจริง ดีก็จะได้รู้ว่าดี ไม่ดีก็จะได้รู้ว่าไม่ดี...

จัดลำดับความโง่และความฉลาดก่อนหลังให้ดี แล้วชีวิตนี้จะรู้อะไรมากขึ้นอีกเยอะ...

มาถึงวันที่1ครึ่ง

จับประเด็กนว่าดื่มน้ำมะนาววันนี้3เวลาคือ 8.00 น. 10.30 น. และ 13.00 น.
มะนาวคั้นน้ำ200มิลิลิตร เป็น 6 ส่วน

แสดงว่าดื่มวันละ 6 ครั้งใช่ไหมคะ

ครั้งละ 1 ส่วนผสมน้ำให้ได้300มิลลิลิตร

ถูกต้องไหมคะ

อาจเติมพริกไทยป่น

สงสัยว่ารสจะเป็นอย่างไรนอกจากเผ็ดเล็กน้อย เปรี้ยว และร้อน

ขอบพระคุณค่ะ

ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท