ภาพของหญิงวัยกลางคนที่กำลังร้องไห้ พร้อมกับเอามือป้ายเช็ดน้ำมูกน้ำตาอยู่เนือง ๆ ในมือถือหนังสือเก่า ๆ มีรอยขาดไปทั่วเพราะผ่านการใช้งาน ผ่านมือมาหลายผู้คน เด็กในวัยห้าขวบสงสัยยิ่ง เข้าไปถามแม่ด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าทำไมแม่จึงร้องไห้ แม่บอกว่าแม่สงสารกัณหากับชาลีที่ถูกชูชกทำร้าย ถามแม่ต่อไปว่า
ทำไม แม่จึงเล่ารายละเอียดให้ฟัง ก็ฟังไปอย่างนั้นตามประสาเด็ก
ในบ้านยายในวัยเจ็ดสิบกว่าในขณะนั้นก็อ่านหนังสือนิยายรายสัปดาห์ในสมัยนั้นยายจะอ่านออกเสียงเบา ๆ เราก็พลอยได้รับรู้เนื้อหาไปด้วย พ่อจะอ่านหนังสือพิมพ์ที่พ่อค้าห่อของให้มา หรือไม่ก็ไปยืมหนังสือพิมพ์ของข้างบ้านมาอ่าน ขณะที่พี่ชายอ่านเพลินจิตต์ฉบับกระเป๋า เพชรพระอุมา ร้อยป่า หล่อนเกิดมาเพื่อฆ่า ทุกคนอ่าน อ่าน และก็อ่าน เราก็เลยอยากจะอ่านออกบ้าง ก่อนเข้าโรงเรียน ๑ ปี ประมาณ ๖ ขวบ พ่อจึงสอนอ่านเขียนให้ล่วงหน้า เราก็ท่อง"พ่อหลีพี่หนูหล่อ" ได้ก่อนเข้าโรงเรียนเสียอีก ชั้น ป.๔-๖ เมื่อไปเรียนหนังสือกับพี่สาวที่เพชรบุรี ข้างบ้านเขารับหนังสือ ทานตะวันซึ่งเพิ่งจะออกใหม่ในขณะนั้นติดใจพระเอก แดน นักล่าปลาบึกแห่งลุ่มน้ำโขง อย่างมาก การผ่านไปแต่ละสัปดาห์ช้าเหลือเกิน ในขณะที่พี่สาวซึ่งเป็นพนักงานของ ธกส. พอจะมีเงินเพื่อเจียดซื้อหนังสือได้บ้างก็รับหนังสือคุณหญิงกับชาวกรุง ซึ่งเป็นหนังสือที่มีระดับในหมู่นักอ่าน เรารู้จัก ถนัดศอ โก้บางกอก หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ลาวคำหอม รง วงศ์สวรรค์ ตั้งแต่นั้นมา เมื่อสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยอย่างนั้นการอ่านก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเรียนชั้น ม.ศ.๑ รุ่นพี่เขาอ่านนิยายเรื่อง กลิ่นร่ำ ของบุษยมาส แล้วเดินเล่าให้เราฟังขณะไปโรงเรียน ฟังแล้วอยากอ่านมาก เพราะแอบหลงรักพระเอกและสงสารนางเอกเป็นอย่างยิ่ง จึงเริ่มเข้าห้องสมุดยืมหนังสือนิยาย โดยอ่านจากนิยายรักหวานแหววของบุษยมาสและพัฒนาไปสู่ชูวงศ์ ฉายะจินดา จนหนังสือหมดห้องสมุดทั้งที่โรงเรียนและห้องสมุดประชาชน และตอนนั้นเริ่มติดนวนิยายจากบางกอก ด้วยถึงขั้นหุ้นกับเพื่อนคนละหนึ่งบาทห้าสิบสตางค์ เพิ่อซื้อหนังสือบางกอกรายสัปดาห์ และในชั้น ม.ศ.๑ มีโอกาสอ่านเรื่อง ราชาธิราช ในแต่ละคาบครูอ่านให้ฟังและเพื่อนอ่านทีละนิด ๆ มันเชื่องช้าเหลือเกินอยากอ่านอยากรู้เรื่องสมิงพระรามใจจะขาด ไม่ทันใจเอาเสียเลย จึงต้องไปอ่านเองมาล่วงหน้าพอขึ้น ม.ศ.๒ ครูสอนวิชาภาษาไทยน่ารักมาก สอนเรื่องอิเหนา อาจารย์เล่าเรื่องย่อให้ฟังจนจบ เราฟังแล้วภาพจินตนาการขณะที่อิเหนาเขียนกลอนบนกลีบดอกไม้จีบนางบุษบาขณะเล่นน้ำ และภาพอิเหนาแอบซ่อนหลังองค์พระปฏิมา เหมือนนวนิยายรักโรแมนติกอย่างไรอย่างนั้น จึงรีบเข้าห้องสมุด เพื่อหาวรรณคดีเรื่องอิเหนามาอ่านจนจบ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ คุณครูระเบียบ หล่านาค เป็นครูที่สอนสนุก ตลกท่านท่องกลอนพระมะ เหลเถไถให้ฟัง เกิดความใคร่รู้มาก ก็ไปหามาอ่านจนจบ แล้วมาท่องให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็ว่าเราบ้าไปเสียแล้ว โธ่ ! ไม่มีอารมณ์ร่วมเอาเสียเลย เมื่อได้มีโอกาสไปเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่ใน
ตัวเมือง การอ่านยิ่งพัฒนาไปตามลำดับเพราะหนังสือมีมากขึ้นนอกจากจะอ่านในห้องสมุดของโรงเรียนแล้ว ยังเป็นมาชิกของร้านเช่าอีกด้วย เงินที่ได้มาเพียงเล็กน้อยจึงจำเป็นต้องทำธุรกิจเพิ่มคือซื้อขนมในตลาดมาขายเพื่อน ๆ ในห้อง ได้กำไรวันละ ๑๐ บาท ก็มากพอที่จะเช่าหนังสืออ่านได้อย่างสบายในวัยนี้นักเขียนที่ชื่นชอบคือพนมเทียน ทมยันตี โรสลาเรน นักเขียนหวาน ๆ อย่าบุษยมาสอ่านไม่ได้แล้วติดการอ่านงอมแงม บ างครั้งนอนเกือบสว่างถึงขั้นไปโรงเรียนไม่ได้ก็มี และจากการสั่งสมการอ่านในขณะนั้น ผลักดันให้เกิดทักษะทางการเขียนเกิดผลงาน ๒ ชิ้น คือเรียงความเรื่อง "ห้องสมุดคือขุมทรัพย์ทางปัญญา" ได้รางวัลที่ ๒ จากงานสัปดาห์หนังสือ และเรื่องสั้นเรื่อง "ใครผิด" แต่งได้ดีจนอาจารย์ผู้สอนถามว่าแต่งเองหรือ ?
ปีการศึกษา ๒๕๒๐(พ.ศ.๒๕๒๑) มาเรียนวิชาครู ป.กศ.สูง ณ วิทยาลัยครูสุราษฎร์ธานี ก็เป็นสมาชิกของห้องสมุดประชาชนอีกเช่นเดิม แต่นักเขียนคงผลิตนวนิยายไทยออกมาให้อ่านไม่ทันเสียแล้ว ประกอบกับขณะนั้นนวนิยายจีนกำลังมาแรง ทั้งละครและภาพยนตร์ผู้คนให้ความสนใจกันมาก ไม่ว่าจะเป็นมังกรหยก ทวนคู่ะท้านภพ เดชเซียวฮื่อยี้ เมื่อดูหนังเกิดอรรถรสประทับใจมาก พี่ชายเช่าหนังสือมังกรหยกมาอ่านเป็นชุดโกเล้งกำลังดังเต็มที่ ลองหยิบหนังสือของพี่ชายมาอ่าน เริ่มแรกอ่านค่อนข้างยาก เพราะชื่อตัวละครจำยาก และมีหลายตัว เราไม่ชินต่อชื่อภาษาจีนพลิกกลับไปกลับมา พี่ชายจึงสอนว่าให้อ่านไปเรื่อย ๆ แล้วมันจะเข้าใจและเกิดมโนภาพเอง จริงด้วยลองอ่านแบบไม่รู้ไม่ชี้ ผ่านไปเรื่อย ๆ ก็จำได้เอง เมื่ออ่านติดก็อีกนั่นแหละ นวนิยายจีนในห้องสมุดและร้านเช่าก็อ่านหมดแล้วเช่นกัน
ปัจจุบันด้วยวัยและปัญหาเรื่องสายตา การอ่านหนังสือจะเป็นการอ่านฉบับย่อ ๆ โดยเฉพาะนวนิยายเรื่องย่อทางโทรทัศน์และวารสารคู่สร้างคู่สม ซึ่งคราใดที่เพื่อน ๆ เห็นเราอ่านหนังสือคู่สร้างคู่สมเขาจะยิ้มเหมือนเราเป็นตัวประหลาด หนังสือเหล่านี้น้ำเน่าจริงหรือ เราเป็นคนหนึ่งที่ซื้อและอ่านหนังสือเหล่านี้ กล้าพูดได้เลยว่าใครก็ตามที่เบะหน้าเมื่อเห็นชื่อหนังสือคู่สร้างคู่สมแสดงว่าไม่รู้จริง ไม่ใช่นักอ่าน เพราะวารสารเล่มนี้เป็นหนังสือสารคดี มีสาระที่หลากหลายมีความเป็นไทยและเป็นสากล มีเรื่องราวตั้งแต่ชาวบ้านถึงศักดินา มีเนื้อหาตั้งแต่บ้านนอกถึงนานาชาติ เข้มงวดไปด้วยการเขียนสะกดคำ เราจึงไม่อายเลยที่จะถามหาหรือยื่นเงินเพื่อซื้อหนังสือเล่มนี้
เมื่อทั้งชีวิตได้สั่งสมการอ่านมาโดยตลอดก็เกิดความรู้สึกว่าถึงเวลาแห่งการแบ่งปันแล้ว เพราะยังมีผู้คนอีกมากมายที่ขาดโอกาส ยิ่งเมื่อ พ.ร.บ. แสดงความชัดเจนออกมาว่านักเรียนต้องเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้นักเรียนและครูต้องสามารถสืบค้นข้อมูลด้วยตนเองได้ แต่ขณะนั้นแหล่งเรียนรู้ทางอินเตอร์เน็ตมีเนื้อหาให้เด็ก ครูและผู้สนใจสืบค้นข้อมูลได้เพียงพอก็เปล่า เราจึงเริ่มต้นจัดทำแหล่งเรียนรู้ภาษาไทยทางอินเตอร์เน็ต ชื่อว่าห้องเรียนสีชมพู (www.st.ac.th/bhatips )ซึ่งหมายถึงห้องเรียนแห่งความรัก ความอบอุ่น ความเอื้ออาทรด้วยการแบ่งปันทรัพยากรทางปัญญา ทั้งเรื่องที่มาจากวรรณคดี วรรณกรรม จากการสืบค้น และที่เกิดจาการสังเคราะห์หล่อหลอมสัปดาห์ละเรื่องสองเรื่องสั่งสมมาตั้งแต่ ปี ๒๕๔๔ เริ่มจากเนื้อหาที่ตรงกับหลักสูตรช่วงชั้นที่สอน เรื่องที่ร้องขอมาจากครูนักเรียนนักศึกษา และ ผู้สนใจจากที่ต่าง ๆ ที่ขอผ่านเว็บบอร์ด สมุดเยี่ยมและจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) เมื่อทำแต่ผู้เดียวไม่ทันก็หันมาใช้เหล่าสมาชิกตัวน้อยให้ช่วยอ่านศึกษาค้นคว้าและนำเสนอผ่านเว็บบอร์ดด้วย ปัจจุบัน ช่วงชั้นที่ ๓และ ๔ ใกล้สมบูรณ์แล้ว นอกจากนั้นยังได้บริจาคหนังสือให้กับผู้ด้อยโอกาสในทัณฑสถานครั้งละหลายสิบเล่ม เป็นสมาชิกของมูลนิธิสร้างสรรค์เด็กของครูหยุยที่บริจาคเงินเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กด้อยโอกาสเป็นรายปี และบริจาคเงินเพื่อซื้อหนังสือให้กับห้องสมุดของโรงเรียน เมื่อมองพฤติกรรมการอ่านของตนเองและผลงานการถ่ายทอดมวลประสบการณ์ทางการอ่านที่ปรากฏในแหล่งเรียนรู้ห้องเรียนสีชมพู ก็เกิดคำถามว่าใครทำให้เราเป็นเช่นนี้ ก็ปรากฏภาพเริ่มต้น คือภาพแม่หญิงชาวบ้านที่ไม่เคยเข้าโรงเรียนกำลังป้ายน้ำมูกน้ำตาขณะที่อ่านพระเวสสันดรชาดก คนรอบข้างในครอบครัว ครอบครัวของเรา ครอบครัวที่ยากจน เป็นชาวนาที่ไม่มีนาเป็นของตนเองต้องเช่านาเขาทำ แม่มีลูกถึง ๙ คน สภาพบ้านคือฝาไม้ไผ่ขัดแตะโย้เย้ มีร่องรอยไม้ไผ่หลุดหักเนื่องจากแรกพัดพาของกระแสน้ำในคราน้ำท่วม และครูอาจารย์ท่านต่าง ๆ
ปัจจุบันที่เราได้ผ่านการอ่าน การเรียนรู้ เป็นครูสอนนักเรียนฝึกฝนให้เด็กอ่านออกเขียนได้มาเป็นเวลา ๒๖ ปี เกิดความทึ่งในตัวแม่อย่างยิ่ง ทึ่งเพราะแม่ไม่เคยเข้าโรงเรียน ภาษาในเวสสันดรชาดก เป็นภาษาที่ค่อนข้างยาก ส่วนใหญ่เป็นภาษาบาลีสันสกฤต แม่อ่านแล้วแม่ร้องไห้ แสดงว่านอกจากแม่จะอ่านออกแล้วแม่ยังจับใจความสำคัญได้ และตีความแตกอีกด้วย ปัจจุบันแม่อายุ ๘๑ ปี แม่ก็หันมาอ่านคำสอนทางศาสนาบทสวดต่าง ๆ พร้อมกับชี้แนะให้เราอ่าน คราใดที่เราทุกข์หนังสือคำสอนทางศาสนาจึงเป็นยาขนานเอก จากภาพที่ย้อนไปตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ คือคำตอบว่าทำไมเราจึงรักการอ่าน ทำไมจึงอ่านเป็นนิสัย ทำไมจึงมีพลังแห่งการจัดทำแหล่งเรียนรู้เพื่อผู้อื่นมากมายเช่นนี้ คำตอบก็คือ เพราะแม่ คนในครอบครัว คุณครูและคนรอบข้างเป็นนักอ่านนั่นเอง
ไม่มีความเห็น