ประวัติย่อหมอจักรยาน


จักรยานติดแอร์

ประวัติศาสตร์ก่อนจะมาเป็นหมอจักรยาน
(คำว่า หมอจักรยาน นี้ผมแอบได้ยินญาติผู้ป่วย+เด็กๆ ใช้เรียกผม หลังจากผมขี่จักรยานมานานหลายปีจนโทรทัศน์ช่องITV+ช่อง5 มาทำข่าวออกอากาศเมื่อประมาณ พ.ศ.2547 น่ะครับ)

      ผมเคยเล่นแบดมินตัน ตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนจนถึงจบทำงานในช่วงปีแรกๆ   ฝีมือก็ระดับพอใช้ได้ เคยได้เหรียญกีฬาสีโดยแข่งชนะแพทย์ใช้ทุน (ไม่รู้ยอมแพ้เพราะกลัวหักคะแนนตอนสอบหรือเปล่าก็ไม่ทราบ) และยังเล่นเทนนิส,จ็อกกิ้ง+ว่ายน้ำตามโอกาสที่เหมาะสม

     แต่พอเปิดคลินิกก็เหลือแค่จ็อกกิ้ง 30-45 นาทีตอนเย็นก่อนไปคลินิก
ต่อมาหลังแต่งงานพอมีลูกแล้ว จ็อกกิ้งก็อดอีก   ดังนั้นพอลูกนั่งเก้าอี้ได้ ผมก็พาลูกไปเที่ยวนอกบ้าน+ขี่จักรยานรับลม  ซึ่งลูกสาวคนโตชอบมาก  พอลูกเข้าโรงเรียนอนุบาล ผมก็เลยใช้จักรยานไปรับส่งลูกสาวจนถึงป.3 (โรงเรียนอนุบาลจันทบุรีอยู่ในตัวเมือง ห่างจากโรงพยาบาลพระปกเกล้าประมาณ 2.5กิโลฯ)  พอลูกชายเข้าโรงเรียนอนุบาล ก็บรรทุกไป2คน หน้าหลัง

    พอลูกสาวขึ้นป.4 ก็พอดี ผมย้ายบ้านไปอยู่นอกเมือง เลยโรงเรียนอนุบาลเด็กโต (สวนสาธารณพระยืน) ในช่วงเวลาประมาณ 3ปี ผมขี่จักรยานคันหนึ่งมีลูกชายซ้อนท้าย ส่วนพี่สาวก็ขี่จักรยานอีกคันไปพร้อมกัน ผ่านโรงเรียนก็แวะส่ง  แล้วเลยไปโรงเรียนน้องชาย ก่อนที่ผมจะกลับมาโรงพยาบาลทันเวลาทำงานโดยไม่มีปัญหา ตอนเย็นก็ไปรับน้องก่อน แล้วมาแวะรับพี่ ขี่จักรยานกลับบ้านพร้อมกันทุกวัน ยกเว้นวันที่ผมอยู่เวร ก็จะเป็นภาระของแม่ต้องเป็นคนรับส่งโดยใช้รถยนต์ ซึ่งวันอย่างนั้นลูกต้องรอนานหน่อย และตอนเช้าก็จะต้องออกจากบ้านเร็วขึ้นครับ

    พอลูกสาวขึ้นม.1 ย้ายโรงเรียน เราตกลงกันใหม่ให้แม่ไปส่งตอนเช้า น้องชายขี่จักรยานไปกับผมคนละคัน ตอนเย็นผมไปรับพี่สาว ซ้อนท้ายกลับมารับน้องชาย แล้วกลับบ้านพร้อมกัน
    แต่ 2ปี ล่าสุด ( ม.2,3+ป.5,6) ลูกทั้ง 2คน มีเรียนพิเศษกันเกือบทุกวัน กลายเป็นว่า ส่วนใหญ่แม่เป็นคนรับส่งด้วยรถยนต์ (ลูกก็เลิกเรียนค่ำ,แม่ก็เลิกงานค่ำ) ส่วนผมก็ขี่จักรยานไปทำงาน+กลับบ้านคนเดียวเป็นส่วนใหญ่  ถ้าวันไหนลูกไม่มีเรียนพิเศษ ผมจึงจะรับกลับบ้านด้วยจักรยาน

    สรุปก็คือ ผมขี่จักรยานเพราะอดเล่นกีฬา จึงขี่จักรยานเพื่อสุขภาพ (คือทรัพย์ในอนาคตไงครับ) แต่มีผลพลอยได้คือ ประหยัดทรัพย์ปัจจุบันได้ด้วย และมากกว่าค่าน้ำมันที่ว่าแพงๆ
อีกด้วยนะครับ (แล้วจะเล่าให้ฟังในโอกาสหน้า)
________________________________
Tips 1) เด็กเล็กๆ ควรให้นั่งเก้าอี้เด็กที่มีเครื่องป้องกันขา และมีสายรัดตัว ไม่ว่าจะนั่งด้านหน้าหรือจะซ้อนท้าย (เด็กอาจจะยันตัวขึ้นมาจนบังคับแฮนด์ไม่ได้ มีคนล้มมาแล้ว)  ผมจึงทำคานรองให้เหยียบ และทำ Seat belt ให้ด้วย ถ้าใครสนใจผมจะอธิบายเพิ่มเติม+เขียนแปลนให้ดูด้วยครับ
2 ) ถ้าจะขี่จักรยานบนถนนหลวง ต้องเคารพกฏจราจร+ระมัดระวัง ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และต้องมีอุปกรณ์ความปลอดภัยครบถ้วน (เบรคต้องตี มีกระจกมองหลัง  มีแผ่นสะท้อนแสงและมีโคมไฟทั้งหน้า+หลัง ถ้าจะขี่กลางคืนหรือตอนฝนตกนะครับ)
 [ผมไม่เคยเกิดอุบัติเหุตเลย  แต่กระจกมองหลังเคยช่วยให้ผมพ้นจากภาวะเฉียดตายมาแล้วครับ]
 3) หมวกแก็ป แขนเสื้อกันแดด และเสื้อกันฝน ควรมีติดรถไว้ตลอด ช่วยให้สามารถขี่จักรยานได้ทุกสภาพอากาศ ทั้งร้อน ฝน และหนาวครับ แต่ถ้าหนาวมากก็เพิ่มเสื้อกันหนาวได้ครับ
4) ผมเคยไออยู่นานเกือบเดือนในตอนแรกที่ย้ายไปอยู่บ้านชานเมืองใหม่ๆ จนต้องตรวจว่าเป็นวัณโรคหรือเปล่า (ปรากฏว่าไม่เป็น)  แล้วผมสังเกตุว่าถนนนอกเมืองมีฝุ่น+ควันค่อนข้างมาก ผมจึงใช้หน้ากากผ้า 2ชั้น ชั้นนอกชุบน้ำหมาดๆ ปรากฏว่าได้ผลดีครับ ผมหายไอในไม่กี่วัน และไม่ต้องกลัวว่าหน้ากากจะทำให้หายใจลำบากใดๆครับ ผมใช้มาหลายปีแล้วสบายมาก และยังเย็นสบายดีอีกด้วย  ตอนนี้ผมพูดได้ว่า ผมขี่ จักรยานติดแอร์ (เฉพาะตรงจมูก) ด้วยครับ
5) จักรยานไม่ติดไฟแดง (จูงข้ามทางทางม้าลายได้) และยังย้อน one way ได้ (จูงเดินบนฟุตบาท ) จึงถึงที่หมายเร็วกว่ารถยนต์ และแม้แต่รถจักรยานยนต์ ซึ่งผมพิสูจน์มาแล้วตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา
6) จักรยานมีอภิสิทธิ์เข้าไปในบริเวณที่รถอื่นห้ามเข้า และมีที่จอดเสมอในทุกๆที่ แถมยังเป็นที่ที่ไม่โดนแดดโดนฝนและใกล้จุดหมายมากที่สุดด้วย (ลงจากจักรยานก็เข้าอาคารได้เลย ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน โรงเรียน ธนาคาร โรงแรมชั้น1 โรงพยาบาลเอกชน และสถานที่ราชการ-ศาล-ศาลากลางจังหวัด หรือ แม้แต่เข้าไปในงานออกร้าน-งานกาชาด ก็ไม่เคยมีปัญหาครับ)

      

                                                                                                      30/6/51

หมายเลขบันทึก: 191440เขียนเมื่อ 30 มิถุนายน 2008 18:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีค่ะคุณหมอจักรยาน...

กะปุ๋มไปเจอท่านในอนุทินก็เลยตามมาที่บันทึกนี้ค่ะ

รู้สึกชื่นชมและขออนุญาตนำเป็นแบบอย่างนะคะ ^__^

ทุกวันนี้กะปุ๋มก็ปั่นจักรยานไปทำงานค่ะ ไปกลับประมาณ 8 กิโลกิเมตร... และหลังเลิกงานก็จะไปวิ่ง บางครั้งก็ว่ายน้ำ...แต่จะเน้นวิ่งมากกว่าค่ะ...

หลังจากมาใช้จักรยาน ทำให้ได้สัมผัสโลกงดงามขึ้นค่ะ... ได้ยิ้ม ทักทายกับผู้คนที่สัญจรผ่านเราไปด้วยความช้าลงของชีวิต

(^____^)

กะปุ๋ม

ขอบคุณครับ คุณกะปุ๋ม ผมตามเข้าไปอ่าน blog ของคุณแล้วครับ เนื้อหาแยะดีนะครับ แล้วก็เชิญมาแลกเปลี่ยนความคิดกันอีกเรื่อยๆนะครับ (*_*)

  • จะนำเอาไปลองทำดูครับ
  • ขอบคุณครับ
  • Tips 1) เด็กเล็กๆ ควรให้นั่งเก้าอี้เด็กที่มีเครื่องป้องกันขา และมีสายรัดตัว ไม่ว่าจะนั่งด้านหน้าหรือจะซ้อนท้าย (เด็กอาจจะยันตัวขึ้นมาจนบังคับแฮนด์ไม่ได้ มีคนล้มมาแล้ว)  ผมจึงทำคานรองให้เหยียบ และทำ Seat belt ให้ด้วย ถ้าใครสนใจผมจะอธิบายเพิ่มเติม+เขียนแปลนให้ดูด้วยครับ
    2 ) ถ้าจะขี่จักรยานบนถนนหลวง ต้องเคารพกฏจราจร+ระมัดระวัง ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และต้องมีอุปกรณ์ความปลอดภัยครบถ้วน (เบรคต้องตี มีกระจกมองหลัง  มีแผ่นสะท้อนแสงและมีโคมไฟทั้งหน้า+หลัง ถ้าจะขี่กลางคืนหรือตอนฝนตกนะครับ)
     [ผมไม่เคยเกิดอุบัติเหุตเลย  แต่กระจกมองหลังเคยช่วยให้ผมพ้นจากภาวะเฉียดตายมาแล้วครับ]
     3) หมวกแก็ป แขนเสื้อกันแดด และเสื้อกันฝน ควรมีติดรถไว้ตลอด ช่วยให้สามารถขี่จักรยานได้ทุกสภาพอากาศ ทั้งร้อน ฝน และหนาวครับ แต่ถ้าหนาวมากก็เพิ่มเสื้อกันหนาวได้ครับ
    4) ผมเคยไออยู่นานเกือบเดือนในตอนแรกที่ย้ายไปอยู่บ้านชานเมืองใหม่ๆ จนต้องตรวจว่าเป็นวัณโรคหรือเปล่า (ปรากฏว่าไม่เป็น)  แล้วผมสังเกตุว่าถนนนอกเมืองมีฝุ่น+ควันค่อนข้างมาก ผมจึงใช้หน้ากากผ้า 2ชั้น ชั้นนอกชุบน้ำหมาดๆ ปรากฏว่าได้ผลดีครับ ผมหายไอในไม่กี่วัน และไม่ต้องกลัวว่าหน้ากากจะทำให้หายใจลำบากใดๆครับ ผมใช้มาหลายปีแล้วสบายมาก และยังเย็นสบายดีอีกด้วย  ตอนนี้ผมพูดได้ว่า ผมขี่ จักรยานติดแอร์ (เฉพาะตรงจมูก) ด้วยครับ
    5) จักรยานไม่ติดไฟแดง (จูงข้ามทางทางม้าลายได้) และยังย้อน one way ได้ (จูงเดินบนฟุตบาท ) จึงถึงที่หมายเร็วกว่ารถยนต์ และแม้แต่รถจักรยานยนต์ ซึ่งผมพิสูจน์มาแล้วตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา
    6) จักรยานมีอภิสิทธิ์เข้าไปในบริเวณที่รถอื่นห้ามเข้า และมีที่จอดเสมอในทุกๆที่ แถมยังเป็นที่ที่ไม่โดนแดดโดนฝนและใกล้จุดหมายมากที่สุดด้วย (ลงจากจักรยานก็เข้าอาคารได้เลย ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน โรงเรียน ธนาคาร โรงแรมชั้น1 โรงพยาบาลเอกชน และสถานที่ราชการ-ศาล-ศาลากลางจังหวัด หรือ แม้แต่เข้าไปในงานออกร้าน-งานกาชาด ก็ไม่เคยมีปัญหาครับ

ครับ คุณขจิต จริงๆแล้วผมเคยคิดถึงbike-laneแบบยืดหยุ่น ที่ใช้ผิวจราจรร่วมกันได้ ระหว่างจักรยานกับรถอื่นๆ  ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าbike-laneสมบูรณ์แบบ จึงควรจะผลักดันขึ้นมาเป็นหัวหอก ให้คนหันมาขี่จักรยานกันมากขึ้นได้เร็วอีกหน่อยนึง ตอนนี้กำลังเรียบเรียงแนวคิดอยู่ครับ เสร็จแล้วจะนำเสนอขึ้นมาแลกเปลี่ยนความเห็นกันต่อไป แน่นอนครับสำหรับbike-laneเต็มรูปแบบย่อมปลอดภัยดีกว่าแน่ๆครับ แต่ต้องใจเย็น รอนานหน่อย และต้องช่วยกันดิ้นรนให้มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ(ค่อยๆเพิ่มไปเรื่อย เหนื่อยก็หยุด)     -โอ้รอ....อีกนานก็รอ-

ตอนนี้ผมก็เริ่มหาข้ออยู่เรื่องหน้ากากกรองฝุ่นและควัน ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลผมจะลองไปทำดูบ้างน่ะครับไม่รู้ว่าจะดีเหมือนกันหรือเปล่า

(ขออภัย คุณเล้าจน์ ที่เข้ามาดูช้าไปหน่อยครับ) ถ้าได้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือไปลองทำดูแล้วได้ผลเป็นอย่างไร กรุณาเขียนมาบอกกล่าวและจะได้เผื่อแผ่ไปถึงคนอื่นๆด้วย จะขอบคุณมากๆเลยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท