ในยามมีฝนฟ้าคะนอง ฟ้าร้อง ฟ้าผ่าดังครืนๆ จงอย่าเข้าไปยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เป็นอันขาด
มน & นิ ลูกรัก
พ่อเคยอ่านหนังสือดีเล่มหนึ่งคือ วาทะฮ่องเต้
ซึ่งคุณอดุลย์ รัตนมั่นเกษม แปลและเรียบเรียงจากหนังสือ ถิงซิ่นเกอะเอี๋ยน
หนังสือเล่มนี้รวบรวมพระราโชวาทของคังซีฮ่องเต้ที่พระราชทานแก่พระโอรสทุกพระองค์ และสำเร็จเป็นเล่มได้เนื่องจากซื่อจงฮ่องเต้พระโอรสโปรดให้เรียบเรียงจัดทำขึ้นหลังจากที่คังซีฮ่องเต้เสด็จสวรรคตแล้ว (ชื่อ ‘ซื่อจงฮ่องเต้’ นี่คงไม่คุ้นหูเท่าไร แต่ถ้าพูดถึง ‘หย่งเจิ้ง’ หรือ องค์ชาย 4 ในเรื่องศึกสายเลือด หลายคนคงจะร้องอ๋อ)
ทำไมวาทะของคังซีฮ่องเต้จึงน่าสนใจนัก?
เหตุผลก็คือ คังซีฮ่องเต้เสด็จขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ และอยู่ในสิริราชสมบัตินานถึง 61 ปี ทำให้พระองค์ทรงมีความรอบรู้และประสบการณ์ในด้านต่างๆ อย่างกว้างขวางและลึกซึ้งเหลือคณานับ
คังซีฮ่องเต้
ลองดูตัวอย่างคำสอนในหนังสือเล่มนี้ เช่น
“เม่งจื๊อกล่าวว่าการสังเกตดูคน ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าสังเกตดูที่ตาของเขาเพราะตาไม่สามารถปกปิดความชั่วร้ายของคนได้”
“นิสัยฉันนั้นชอบซักชอบถาม แม้แต่คนไม่มีความรู้ที่หยาบกระด้างมาก ก็มีคำพูดที่จี้ถูกเหตุผลเหมือนกัน ซึ่งฉันไม่ละทิ้งคำพูดเช่นนี้แน่นอน จะต้องสำรวจตรวจสอบที่มาที่ไปให้ชัดเจนเสียก่อน แล้วจดจำใส่ใจไว้ และฉันไม่คิดว่าตัวเองรู้มากเก่งมาก จนละทิ้งข้อดีของคนอื่นเป็นอันขาด”
“วิชาโหราพยากรณ์ทั้งหลาย อาทิ จื่อผิง ลิ่วเหยิน และฉีเหมิน เกิดจากคนรุ่นหลังเอาหลักการของธาตุทั้งห้าที่มีการข่มและหนุนกันจนเกิดวิวัฒนาการขึ้น โดยเอาสาระความหมายนั้นๆ มาใช้ ซึ่งถึงแม้จะล้ำเลิศแยบคายยิ่งนัก แต่ชื่อเทพหรืออสูรนั้น คนเป็นผู้ตั้งขึ้นทั้งสิ้น ซึ่งถ้าว่ากันตามเหตุผลจริงๆ แล้ว ก็คงเชื่อได้ยาก
คนเราหากเรียนวิชาใด ก็มักเอนเอียงรักในวิชานั้น ด้วยเห็นว่ามีความลึกซึ้งล้ำเลิศเสียยิ่งนัก จึงเที่ยวโอ้อวดแก่คนทั่วไป ฉันเองก็เคยค้นคว้าสรรพวิชาเหล่านี้เหมือนกันในยามว่าง เพื่อตรวจสอบรากเหง้าต้นตอของมัน จนเข้าใจได้ทะลุปรุโปร่งหมดสิ้นทุกอย่าง จึงรู้ว่ามัน (ทำนาย) ไม่แม่นยำ และไหนเลยจะเทียบหลักธรรมที่อริยบุรุษในสมัยโบราณสั่งสอนเอาไว้ได้”
เห็นตัวอย่างคำสอนเพียงเท่านี้ ก็คงจะพอรู้สึกได้แล้วว่าคังซีฮ่องเต้มีความเป็นปราชญ์มากเพียงไร
อย่างไรก็ดี ในบรรดาคำสอนทั้งหมดนี้ มีคำสอนหนึ่งซึ่งเตะตาพ่ออย่างจัง นั่นคือ
“ในยามมีฝนฟ้าคะนอง ฟ้าร้องฟ้าผ่าดังครืนๆ จงอย่าเข้าไปยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เป็นอันขาด
เมื่อก่อนคนเฒ่าคนแก่เคยพูดเตือนไว้เสมอ ฉันเองก็เคยได้ยินมากับหูตัวเอง พวกเธอจงจำใส่ใจไว้”
มองจากมุมวิทยาศาสตร์ คำสอนนี้ถูกต้อง 100% เพราะหลักการข้อหนึ่งเกี่ยวกับฟ้าผ่าก็คือ ในบริเวณหนึ่งๆ ที่เกิดฝนฟ้าคะนอง สายฟ้าอาจจะฟาดเปรี้ยงลงมาที่ตำแหน่งใดก็ได้ แต่จุดที่อยู่สูงกว่าจะมีโอกาสถูกฟ้าผ่ามากกว่า
ดังนั้น ต้นไม้สูงใหญ่จะมีโอกาสถูกฟ้าผ่าค่อนข้างมาก และหากใครไปอยู่ใกล้ๆ ตอนที่ต้นไม้ต้นนี้ถูกฟ้าผ่า ก็จะได้รับอันตรายได้ ไม่ว่าจะ
- ถูกกระแสไฟฟ้าไหลเข้าตัวโดยตรงหากสัมผัสกับต้นไม้
- ถูกไฟแลบจากด้านข้าง (side flash) หรือ
- ถูกกระแสที่ไหลมาตามพื้น (ground current) ทำร้าย
ถ้าหนูสนใจรายละเอียด ก็เข้าไปอ่านเรื่อง คุณควรทำตัวอย่างไรเพื่อไม่ให้ถูก 'ฟ้าผ่า' ? ได้นะ
นั่นคือ ไม่ว่าในกรณีใด ใครก็ตามที่อยู่ใกล้ต้นไม้ใหญ่ที่ถูกฟ้าผ่าก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้น คนโบราณคงจะสังเกตเห็นว่ามีคนหรือสัตว์ล้มตายใต้ต้นไม้ใหญ่หลังเกิดฝนฟ้าคะนอง จึงสอนไว้เช่นนั้น
นี่คือ การตีความแบบเถรตรงของพ่อเอง
แต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม 2550 พ่อได้ให้สัมมนาเรื่องลมฟ้าอากาศกับชมรมนักนิยมธรรมชาติ ในระหว่างการพูดคุยกันนั้น พ่อได้พาดพิงถึงคำสอนที่ว่า “อย่าอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เมื่อมีฝนฟ้าคะนอง” นี้ด้วย
พอขยายความตามมุมมองทางวิทยาศาสตร์อย่างที่เล่าไปแล้วเสร็จปุ๊บ สมาชิกของชมรมฯ คนหนึ่ง คือ คุณชูศักดิ์ ศักดิ์ทรัพย์ทวี ก็ได้กรุณาชี้ให้เห็นอีกมุมหนึ่งว่า คำสอนนี้อาจมาจากปรัชญาจีนก็เป็นได้
กล่าวคือ...
หากเปรียบต้นไม้ใหญ่เป็นเสมือนหนึ่งผู้มีอำนาจ (หรือเคยมีอำนาจ) และฝนฟ้าคะนองเป็นปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าผู้มีอำนาจนั้นแล้วไซร้...
การเตือนไม่ให้เราไปอยู่ใกล้ๆ ต้นไม้ใหญ่ [ผู้มีอำนาจ] ก็เนื่องจากว่า หากต้นไม้นั้นถูกฟ้าผ่า [ผู้มีอำนาจโดนเล่นงาน] เราก็จะพลอยฟ้าพลอยฝน โดนลูกหลงไปด้วยนั่นเอง!
การตีความในเชิงเปรียบเทียบเช่นนี้ทำให้คิดได้ว่า วาทะของคังซีฮ่องเต้นี่ล้ำลึกเหลือหลาย คือ
จะมองระดับวิทยาศาสตร์พื้นฐานก็ถูกต้อง หรือ
จะมองระดับปรัชญาชีวิตก็ยังได้อีก
เห็นความลุ่มลึกของคำสอนของผู้มีสติปัญญาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนานไหมลูก?
รัก
พ่อ
ขุมทรัพย์ทางปัญญา
- หนังสือ วาทะฮ่องเต้ สำนักพิมพ์ชุมศิลป์ธรรมดา พิมพ์ครั้งแรก 2540 (ISBN 974-89918-8-1) จัดจำหน่ายโดย บริษัทชนนิยม จำกัด โทร. (02) 552-4070, 970-5759, 970-6586
- ชมรมนักนิยมธรรมชาติ : http://www.naturethai.org
ประวัติของบทความ
- ดัดแปลงจากบทความที่ตีพิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์ ท่องเวลา ผ่าอารยธรรม นสพ. กรุงเทพธุรกิจ เซ็คชั่นจุดประกายเสาร์สวัสดี เสาร์ 2 มิถุนายน 2550
- นำลงใน G2K ครั้งแรกในบล็อก วิทยาศาสตร์ในข่าว & เรื่องราวรอบตัว ต่อมาจึงย้ายมาอยู่ที่บล็อก เขียนไว้ให้ลูกอ่าน