อาหารต้านโรคหัวใจ


ท่านอาจารย์ลอรา นิวทัน นักโภชนาการ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอลาบามา สหรัฐฯ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับอาหารต้านโรคหัวใจ (เส้นเลือดหัวใจอุดตัน)

Hiker 

เว็บไซต์โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอลาบามา (UAB health) มีคำแนะนำเรื่องอาหารต้านโรคภัย (power foods) ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ...

ท่านอาจารย์ลอรา นิวทัน นักโภชนาการ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอลาบามา สหรัฐฯ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับอาหารต้านโรคหัวใจ (เส้นเลือดหัวใจอุดตัน)

    อาหารต้านโรคหัวใจ...ได้แก่
  • ปลาทะเล:                      
    ปลาทะเลที่มีไขมัน (fatty fish) สูงหน่อย เช่น แซลมอน แมคเคอเรล แฮร์ริง เทราท์ (trout) ซาร์ดีนส์ ทูนา ฯลฯ มีกรดไขมันชนิดดีมาก หรือกลุ่มโอเมกา-3 ซึ่งมีส่วนช่วยลดโคเลสเตอรอล ไขมันไตรกลีเซอไรด์ และชะลอการเกิดคราบไขมันในเส้นเลือด (plaque)

    อาจารย์นิวทันแนะนำให้กินปลาทะเลสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ข้อควรระวังคือ อาหารทะเลทุกวันนี้มีสารพิษ โดยเฉพาะปรอทที่มีพิษต่อสมองทารกในครรภ์ และเด็กเล็ก...

    คนที่ตั้งครรภ์ คาดว่าจะตั้งครรภ์ หรือให้นมลูกจึงควรงดเว้นปลาที่มีสารพิษสูง เช่น ปลาฉนาก (swordfish) ปลาฉลาม ฯลฯ โดยเฉพาะหูฉลามนี่... อย่าไปกินเลย เพราะนอกจากจะมีพิษต่อสมองแล้ว ยังมีพิษต่อกระเป๋าสตางค์(แพงมาก)อีกด้วย
  • กรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว:
    กรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว (monounsaturated fatty acid / MUFA) เป็นน้ำมันชนิดดีมาก มีส่วนช่วยลดโคเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) ไตรกลีเซอไรด์ และเพิ่มโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)

    อาจารย์นิวทันแนะนำให้กินอโวคาโด ถั่วเปลือกแข็ง (nuts) เช่น วอลนัท (walnut) อัลมอนด์ (almond) ฯลฯ

    พวกเราคนไทยคงจะหาอาหารเหล่านี้ยาก เพราะแพงด้วย และคุณภาพไม่ค่อยดี เนื่องจากถั่วเปลือกแข็งที่ส่งมาขายในไทยมักจะเติมเกลือ และทอดด้วยน้ำมันพืช ทำให้น้ำมันชนิดดีมากซึมออก และน้ำมันพืชชนิดไม่ค่อยดีที่ใช้ทอดซึมเข้า...

    วิธีง่ายๆ คือ เลือกถั่วลิสงมาคั่วเอง โดยไม่ใช้น้ำมัน และใช้ความร้อนต่ำ หรือจะให้ดีกว่านั้น... ควรทำเป็นถั่วลิสงต้ม ขนาดที่แนะนำคือ ไม่เกินวันละ 1/2 ขนาดแผ่น CD เพลง

    น้ำมันของไทยที่มี MUFA มากหน่อยได้แก่ น้ำมันรำข้าว น้ำมันของพม่าที่มี MUFA มากหน่อยได้แก่ น้ำมันถั่วลิสง ส่วนน้ำมันฝรั่งที่มี MUFA มากหน่อยได้แก่ น้ำมันมะกอก (มี MUFA สูงที่สุด และแพงมากด้วย)

    การกินอโวคาโด ถั่วเปลือกแข็ง (นัทส์) ถั่วลิสง หรือน้ำมันที่มี MUFA มาก... ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วลิสง หรือน้ำมันรำข้าวนี่... "น้อยไว้ละดี" ครับ เพราะน้ำมันที่ไหนๆ ในโลกก็ยังคงเป็นน้ำมันอยู่ดีคือ ทำให้อ้วนได้(ถ้ามากเกิน)
  • ข้าวโอ๊ต + ถั่ว:               
    ข้าวโอ๊ตและถั่วเมล็ดแห้ง เช่น ถั่วเหลือง ถั่วแดงหลวง ฯลฯ มีเส้นใย (ไฟเบอร์) ชนิดละลายน้ำอยู่มาก

    เส้นใยชนิดละลายน้ำนี้ช่วยให้อิ่มนาน ลดความเสี่ยงจากโรคอ้วน และช่วยดูดซับโคเลสเตอรอลในน้ำดีได้บางส่วน
  • โกโก้สีเข้ม:                   
    โกโก้สีเข้มมีสารฟลาโวนอลส์ (flavonols) สูง สารนี้ช่วยกระตุ้นการสร้างไนทริก ออกไซด์ ซึ่งจะไปช่วยขยายเส้นเลือด ทำให้ความดันเลือดลดลงได้เล็กน้อย

    การกินโกโก้ให้ดี... ควรเลือกชนิดสีเข้ม เพราะมีสารฟลาโวนอลส์มากกว่าชนิดสีจาง นำมาชงเอง และเติมนมไขมันต่ำ นมไม่มีไขมัน หรือนมถั่วเหลืองแทนครีมเทียม (คอฟฟีเมต)

    การกินชอกโกแลต มีผลดีต่อหัวใจน้อยกว่าโกโก้ เพราะชอกโกแลตให้กำลังงาน (แคลอรี) สูง ทำให้เสี่ยงต่อโรคอ้วน ซึ่งไม่ค่อยจะดีกับสุขภาพหัวใจในระยะยาว
  • ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเราช่วยกันลด ละ เลิกบุหรี่ และตรวจเช็คความดันเลือดกับเบาหวานเป็นประจำเพิ่มไปด้วย เพื่อให้มีสุขภาพหัวใจดีไปนานๆ ครับ

        แนะนำ:                         

    • เรียนเชิญท่านที่นับถือพระพุทธศาสนาดาวน์โหลดบทสวดมนต์ และพระปริตรธรรมฟรี
    • ถ้าเป็นไปได้... ควรสวดพระปริตร เพื่อป้องกันโรคภัยทุกวัน โดยเฉพาะบทโพชฌงคปริตร
    • [ Click - Click ]

        แหล่งที่มา:     

    • ขอขอบพระคุณ (thank / courtesy of) > เว็บไซต์โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอลาบามา (UAB health system) > Tom Weede. Power foods. > [ Click - Click ] > http://www.uabhealth.org/default.aspx?pid=104622 > April 18, 2007.
    • ขอขอบพระคุณ > ศูนย์มะเร็งลำปาง + อาจารย์ ณรงค์ ม่วงตานี และคุณเบนซ์ IT ศูนย์มะเร็งลำปาง > สนับสนุนทางเทคนิค + อินเตอร์เน็ต.
    • ขอขอบพระคุณ > โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี + อาจารย์เทวินทร์ IT + พต.ศรัณย์ มกรพฤฒิพงษ์ โร > สนับสนุนทางเทคนิค + อินเตอร์เน็ต.
    • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ จัดทำ > ๑๙ เมษายน ๒๕๕๐.
    • เชิญอ่าน "บ้านสาระ" ที่นี่ > [ Click - Click ]
หมายเลขบันทึก: 91156เขียนเมื่อ 19 เมษายน 2007 10:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • ติดตามอ่านทุกบันทึกของคุณหมอครับ ด้วยความสนใม
  • สำหรับบันทึกนี้ชอบตรงกินหูฉลามนอกจากเป็นพิษ(toxic) จริงๆ แล้วยังชอบมุข "เป็นพิษกับกระเป๋าสตางค์" มากครับ
  • ผมเคยดูสารคดีเรื่องฉลาม จากรายการ National Geographic ทำให้ทราบว่าปลาฉลามเป็นปลาโบราณที่กระดูกอ่อน (ยกเว้นฟันที่แข็ง) หูฉลามจริงๆ แล้วคือ "ครีบ" ของมัน เพราะปลาไม่มีหู ความที่กระดูกอ่อนคนจึงเคี้ยวได้ ครีบปลาอื่นเป็นกระดูกแข็งเคี้ยวไม่ได้เราจึงกินแต่เนื้อมัน ส่วนเนื้อปลาฉลามกลับแข็งเป็นลิ่มๆ คนไม่ชอบกิน (แบบเดียวกับกระเบนที่เป็นปลากระดูกอ่อนญาติใกล้ชิดของฉลามที่ใครฟันไม่ดีเคี้ยวไม่ออก) 
  • เขาถ่ายให้เห็นการจับปลาฉลามแล้วตัดแต่ครีบมาขาย ตั้งแต่นั้นก็เลยไม่กินอีกเลยครับ

ขอขอบพระคุณอาจารย์สุรเชษฐ...

  • ขอขอบพระคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียน และให้ข้อคิดเห็น...
  • ภาพยนต์สารคดีนี่... ไม่ทราบว่า เป็นเพราะอะไร จะมีสัตว์พระเอก 2 อย่างที่มีการนำเสนอบ่อยมากคือ งูกับฉลาม
  • บางทีอาจเป็นเพราะคนเรากลัวงูและฉลามมากเป็นพิเศษก็เป็นไปได้

ฉลาม...

  • หนังสือ Life Science Physics หรือฟิสิกส์ชีวภาพตอนเป็นนักศึกษาเขียนไว้ดีครับ...
  • อาจารย์ท่านว่า ฉลามมีความได้เปรียบ (competitive advantage) เหนือสัตว์น้ำอื่นๆ เนื่องจากเป็นสัตว์ "เลือดอุ่น"
  • อุณหภูมิที่สูงกว่าทำให้เอนไซม์ในฉลามทำงานได้เร็ว และแรง... เลยว่ายน้ำเร็วกว่าสัตว์ทั่วๆ ไป

หูฉลาม...

  • อย่าไปทานเลยครับ... เจ้ากระดูกอ่อนปลาฉลาม (หูฉลาม)
  • ผมเคยกินแล้ว... หัว + หูเกิดอาการมึน + ชาไปหมด... เข้าใจว่า เขาใส่ผงชูรสมากเกิน

ขอชมเชยหน่อย...

  • สงกรานต์นี้มีโอกาสไปชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมหาวิทยาลัยบูรพา บางแสน
  • มีการให้อาหารปลาในถัง (คนให้ใส่ชุดมนุษย์กบ)... ทำได้ดีมากๆ เลย
  • ค่าเข้าชมไม่แพงเลย
  • ให้พิพิธภัณฑ์มีรายได้บ้าง... พวกหอย ปู ปลา ม้าน้ำในตู้จะได้มีค่าอาหาร
ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท