เช้าวันที่ ๑๔ ธ.ค.ลูกชายผมทำหน้าที่สารถีขับรถพาผม ภรรยา และพี่สาวภรรยาที่มาเป็นเพื่อนด้วย ไปโรงพยาบาลหัวเฉียวแต่เช้า วัดไข้ ชั่งน้ำหนัก วัดความดัน แล้วพยาบาลก็พาเข้าพบหมอ
คุณหมอไพโรจน์ดูแฟ้มประวัติผมอีกรอบแล้วก็ดึงซองจดหมายที่ปิดผนึกซองหนึ่งออกมา เปิดผนึกออกดูเอกสารข้างใน แล้วก็มองหน้าผมบอกว่า ผลตรวจเลือดเอดส์แจ้งว่าผมไม่มีเชื้อเอชไอวี ซึ่งทำให้ผมรู้สึกดีต่อท่านขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่ใช่ดีเพราะไม่เป็นเอดส์ ผมเองเชื่อมั่นว่าตนห่างไกลจากปัจจัยเสี่ยงทั้งหลายอยู่แล้ว รวมทั้งเคยตรวจมาครั้งหนึ่งตอนสมัครเข้าเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งเมื่อปี ๔๖
ความรู้สึกดีของผมต่อท่านคราวนี้เกิดจากการที่ท่านนัดผมมาผ่าตัดทั้งที่ยังไม่ทราบผลเลือดเอดส์ เพราะในวันตรวจเลือดครั้งแรกนั้น ผลเลือดเอดส์ยังไม่มา
ขั้นต่อไปคือผมและภรรยาต้องลงนามในเอกสารรับทราบว่า การผ่าตัดนั้นแม้ทุกคนทุกฝ่ายจะพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว อาจมีผลข้างเคียงที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ ซึ่งทั้งผมและภรรยาได้รับเอกสารนี้มาอ่านที่บ้านตั้งแต่วันก่อนหน้านี้แล้ว เราต่างก็เต็มใจลงนาม
ความจริงเอกสารนั้นเป็นข้อความกลางๆ ไม่มีข้อความใดระบุว่าหากเกิดอะไรขึ้น รพ.จะไม่ต้องรับผิดชอบ ใจผมนั้นอยากเพิ่มข้อความลงในเอกสารเองว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะไม่โทษใคร เช่น หากผ่าแล้วไม่สำเร็จต้องผ่าอีก หรือผมมีอันต้องพิการหรือตายไปเพราะการผ่าตัดนี้ หรือเพราะอะไรก็ตาม ผมก็จะไม่โทษใคร ไม่ฟ้องร้องใคร เพราะผมรู้สึกวางใจในเพื่อนมนุษย์ เชื่อว่าในจิตใจส่วนที่ลึกที่สุดของมนุษย์ทุกคนมีความดีงามอยู่
ผมเคยพูดกับคนขับรถตู้สำนักงานว่า ขอบคุณที่คอยขับพาผมไปไหนต่อไหน หากมีอุบัติเหตุแล้วผมเป็นอะไรไป ผมขอให้อภัยคุณไว้ล่วงหน้าอย่างไม่มีเงื่อนไขไม่ว่าจะโดยสุดวิสัยหรือโดยประมาท รวมทั้งครอบครัวผมจะไม่ฟ้องร้องอะไรคุณด้วย และหากมีคู่กรณีก็ฝากให้อภัยเขาไว้ล่วงหน้าด้วยด้วยเช่นกัน อย่าไปทำอะไรเขา ส่วนเรื่องบ้านเมืองจะทำอย่างไรก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของบ้านเมืองไป
หลังจากลงนามแล้ว คุณหมอไพโรจน์ถามว่า มีคำถามอะไรอีกไหม ผมคิดอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีคำถาม แต่มีสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกหมอ แล้วผมก็บอกท่านว่า ขอให้ท่านและทีมงานทำอย่างสบายๆ "ร่างกายนี้ไม่ใช่ของผม" ดูเหมือนท่านจะอึ้งไปชั่วขณะ ตาท่านมองตรงๆ เข้ามาในตาผมอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่พูดอะไรตอบ
จากนั้นภรรยาผมก็ไปจัดการเรื่องห้องพักในหอผู้ป่วย ซึ่งโรงพยาบาลเขาก็มีเจ้าหน้าที่ด้านนี้คนหนึ่งมาให้บริการ ก็ถามกันถึงเรื่องที่ว่า หากใช้สิทธิประกันสังคมต้องอยู่ห้องรวมหลายคน แต่ผมและครอบครัวอยากได้ห้องพิเศษเป็นส่วนตัวโดยยินดีจ่ายส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นอีกวันละพันกว่าบาทเอง
ผมทราบจากภรรยาภายหลังว่า ครอบครัวเราไม่ต้องจ่ายเลยสักบาท เพราะประกันชีวิตผมที่เธอเป็นธุระจัดการทำไว้ให้ตั้งหลายปีมาแล้ว มีประกันสุขภาพอยู่ด้วย ไว้สำหรับส่วนที่เกินจากประกันสังคมนี่แหละ คราวนี้บริษัทประกันจึงเป็นผู้จ่ายส่วนที่เกินมานั้นให้ทั้งหมด รวมทั้งค่ายาที่ไม่อยู่ในบัญชียาของประกันสังคมที่ภรรยาผมบอกกับหมอดมยาไว้ว่าให้ใช้ได้เลย โดยเราจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายนั้นเอง
หอผู้ป่วยที่ผมได้เข้าพักก่อนผ่าตัดอยู่บนชั้น ๒๐ ห้อง ๓๑ เป็นห้องที่อยู่มุมตึกพอดี จึงค่อนข้างจะกว้างขวาง แอร์ก็เย็น ห้องน้ำก็กว้างกว่าโรงแรมทั่วไป ทัศนวิสัยก็ดี มีกระจกตลอดแนวผนังทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งหันไปทางวัดเทพศิรินทร์ เห็นพระอุโบสถ ศาลา วิหารการเปรียญสวยงามจับใจ อีกด้านหันไปทางวัดสระเกศ กลางคืนผมนอนมองภูเขาทองประดับไฟสวยงามอีกเช่นกัน
มีพยาบาล ๒ คนเข้ามาบอกให้ผมอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย รวมทั้งสระผมด้วย จากนั้นก็ให้ผมใส่ชุดเตรียมผ่าตัด เธอบอกว่าไม่ใส่กางเกงในและเสื้อในนะ ชุดนี้เป็นเสื้อแขนสั้นสีเขียวที่ยาวคลุมลงมาถึงหน้าขา ไม่เหมือนเสื้อทั่วไปตรงที่ตัวใหญ่ ไม่มีกระดุม ใช้เชือกผ้าสีเดียวกันผูกเอาเป็นจุดๆ ตามแนวหลัง และที่ข้างแขน ทำให้สามารถถอดออกได้ง่ายไม่ว่าเราจะนอนคว่ำหรือนอนหงาย เพียงแก้เชือกออกก็เอาผ้าชิ้นบนหรือชิ้นล่างออกโดยไม่ต้องยกตัวเราขึ้น ผมใส่แล้วก็รู้สึกชื่นชมช่างออกแบบเสื้อนี้
จากนั้นก็มีพยาบาลสองคนนำขวดน้ำเกลือเข้ามา คนหนึ่งขออนุญาตแทงเข็มน้ำเกลือที่ข้อมือผม อีกคนคอยช่วย ผมก็อนุญาตดูขณะเธอแทงเข็มด้วยได้ไหม เธอบอกว่าได้ พอเธอฉีกซองใส่เข็มออกมาแล้วรู้สึกว่าขนาดจะใหญ่กว่าปกติ เธอทายใจผมออกว่า ผมสงสัยอะไรอยู่ จึงอธิบายโดยผมไม่ต้องถามว่า การให้น้ำเกลือสำหรับผู้เตรียมผ่าตัดต้องใช้เข็มใหญ่เพราะหากจำเป็นต้องให้ยาหรืออะไรเพิ่มเติมก็จะผ่านทางเข็มนี้ได้พร้อมกัน ผมก็เลยเข้าใจ และขอบคุณที่เธอกรุณาให้คำอธิบาย
เธอใช้เวลาคลำหาเส้นเลือดใหญ่ๆ ที่ข้อมือผมอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ค่อยๆ บรรจงแทงเข้าไป อย่างสวยงาม ผมรู้สึกเหมือนมดกัดเท่านั้น อดชมไม่ได้ว่า ขนาดเข็มใหญ่ยังแทงไม่เจ็บเลย คงชำนาญมาก ซึ่งก็ทำให้เธอยิ้มออกมาและก็ขอบคุณผมที่ชม
ภรรยาผมมีข้อสันนิษฐานว่า พยาบาลที่แทงเข็มเข้าเส้นเลือดเก่งๆ มักจะได้รับมอบหมายให้มาทำหน้าที่นี้ ก็เห็นจะจริง เพราะตลอด ๓ วันที่อยู่ในโรงพยาบาลผมรู้สึกว่าไม่ได้พบเธออีกเลย
จากนั้นก็มีพยาบาลกับผู้ช่วยพยาบาลมาช่วยกันทำความสะอาดบริเวณที่จะผ่าตัด โดยเขาใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษสื่อกันเองว่า shave ซึ่งผมพอฟังเข้าใจว่าหมายถึงอะไร
ขณะที่ผมนอนหงายบนเตียงให้ทั้งสองคนช่วยเชฟกันอยู่นั้น ผมอยากดูว่าพวกเธอทำอย่างไร ใช้อะไรเชฟ จึงพยายามผงกศีรษะขึ้นดู เธอได้ขออนุญาตเอาผ้าขนหนูผืนเล็กๆ มาวางปิดตาทั้งสองข้างของผมไว้ ทำให้ความพยายามชะเง้อดูของผมต้องยุติลง แต่ก็ไม่เป็นไร ใช้ความรู้สึกเอาก็แล้วกัน ก็รู้สึกเอาว่าพวกเธอทำหน้าที่กันอย่างคล่องแคล่วโดยไม่รังเกียจ คงจะทำประจำจนชิน
พวกเธอใช้ที่โกนหนวดแบบยิลเล็ตต์โกนขนออกไปจากบริเวณรอบๆ ที่จะผ่าตัด เป็นบริเวณกว้างไปถึงหน้าท้องและโคนขาทั้งสองข้าง จากนั้นก็ช่วยกันฟอกล้างทำความสะอาดอย่างดี เช็ดจนแห้ง แล้วก็นำเทปกาวขนาดเท่านามบัตรมาติดลงตรงท้องน้อยด้านขวาบริเวณที่จะผ่าตัด มีข้อความเป็นภาษาอังกฤษ ผมก้มอ่านตัวหนังสือเล็กๆ ไม่เห็น เห็นแต่ตัว R ใหญ่ๆ ตรงกลางเพียงตัวเดียว คงเป็นตัวย่อของคำว่า Right ที่แปลว่า ข้างขวา ผมก็นึกในใจว่า รอบคอบดีจัง เป็นการกาเป้าไว้ไม่ให้ผ่าผิดข้าง
จากนั้นเธอก็เอาป้ายชื่อผมทำด้วยสายพลาสติกใสขนาดเท่านาฬิกาข้อมือมาสวมข้อมือขวาผมไว้ ในนั้นมีข้อมูลเกี่ยวกับตัวผมอยู่ เช่น ชื่อ อายุ เพศ โรคและชื่อหมอ แล้วก็บอกให้ผมนอนพักผ่อนให้สบายๆ รอเวลาจนกว่าเวลาเที่ยงครึ่งจะมีพนักงานมาเข็นผมไปแผนกศัลยกรรม ผมก็นอนแต่โดยดีตามที่เธอบอก แล้วเธอก็ห่มผ้าให้ ผมก็หลับไปจริงๆ แบบเด็กที่ผู้ใหญ่อาบน้ำทาแป้งให้ เมื่อสบายแล้วก็หลับปุ๋ยไปอย่างมีความสุข
--------------------------------------------------------------------------------------------
อ่านบันทึกทั้ง ๙ ตอนในชุดผ่าตัดไส้เลื่อนของผมได้โดยคลิกลิงก์ข้างล่างนี้ครับ
ปลอดภัยนะคะ
ขอบคุณสุรเชษฐ์ ที่แบ่งปันความรู้และธรรมะให้ในเวลาเดียวกัน มีสาระได้ประโยชน์แก่ผู้อ่าน
เชษฐ์กลับตรังบ้างไหม เราคนบ้านเดียวกันนะ
ตะวัน รุ่น 9
จำพี่ตะวันได้ครับ ยังเคยไปเยี่ยมบ้านพี่ที่คลองห้วยยาง
ผมเพิ่งกลับบ้านที่ย่านตาขาวไปเยี่ยมแม่มาก่อนผ่าตัด
เชษฐ รุ่น 13
ตามมาอ่าน เรียนรู้ไว้ ขอบคุณที่เล่าอย่างละเอียด
ขอบคุณครับที่ติดตามอ่าน