บรรดาน้องพี่ชาวเฮฮาศาสตร์กลับกันจากดงหลวงเรียบร้อยแล้ว หลานท่านก็ยังคงอบอุ่นซึมซับกับความรักที่อบอวลไปทั้งดงหลวง เหมือนกับไปชาร์ทแบตให้กับชีวิต เสียดายที่ไม่ได้ไปร่วมได้แต่คอยติดตามรายงานข่าว แต่ไม่ค่อยมีคนเขียนบล๊อกรายงาน เหมือนกับสนุกอบอุ่นจนลืมนึกถึงคนไม่ได้ไป ฮือๆ
เรามาว่าของเราต่อดีกว่า กฎหมายวันละคำสองคำวันนี้ ขอเสนอคำว่า “จ้าง วาน ใช้” เพราะในละครกรุงเทพราตรีมีเรื่องจ้างวานใช้หลายตอน ก่อนอื่นก็คงจะต้องมาทำความเข้าใจถ้อยคำของกฎหมายกันก่อน กฎหมายเขาบอกว่า
“ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้าง วานหรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ ถ้าความผิดมิได้ทำลง ไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น”
พอเห็นตัวบทกฎหมายชัดเจนแล้วจะเห็นว่า ไม่ใช่เพียงแค่ จ้าง วาน ใช้ เท่านั้นที่จะเป็นการกระทำความผิด แต่มันยังรวมไปถึง บังคับ ขู่เข็ญ ยุยงส่งเสริมหรือด้วยวิธีอื่นใด อัยการชาวเกาะมั่วหรือเปล่า อิอิ แล้วทำไมผมจึงเสนอคำว่า “จ้าง วาน ใช้” ล่ะ อันนี้มันมีเหตุผลครับ เพราะในการทำงาน ภาษาที่พวกนักกฎหมายเขาใช้กัน มันก็เป็นภาษาที่พอพูดเรื่องจ้าง วาน ใช้ ก็จะรู้กันว่า เรากำลังพูดถึงมาตรา ๘๔ แห่งประมวลกฎหมายอาญา ครับ และในบันทึกนี้ขอใช้ จ้าง วาน ใช้ ในความหมายรวมการกระทำทั้งหมดตามที่กฎหมายกำหนดด้วยนะครับ
เอาละเรามาวิเคราะห์กฎหมายเรื่องนี้กันแบบชาวบ้าน ไม่ใช่แบบนักกฎหมายวิเคราะห์กันในเชิงวิชาการล้วนๆนะครับ คนที่จะเป็นผู้จ้างวานใช้ตามกฎหมายอันดับแรกเลย เราก็สามารถมองเห็นความอยาก (เจตนา)ของเขาได้ว่าอยาก(เจตนาต้องการ)ทำอะไร เช่น อัยการชาวเกาะอยากชงกาแฟ แต่ขี้เกียจ ขอให้หมอกุ้งชงให้ อิอิ นายส้อมอยากตีหัวนายช้อน แต่ใจไม่ถึงหรือไม่อยากให้คนรู้ ก็เลยไปจ้างนายตะเกียบให้ไปตีหัวนายช้อนแทน แต่เจตนาก็คืออยากตีหัวนายช้อน ใช่ไหมครับ เราเห็นได้ชัดแล้วนะครับว่ามีเจตนา
ถ้าทำเองก็เป็นผู้กระทำผิดเอง ใช้ให้คนอื่นทำก็เป็นผู้ใช้
และที่สำคัญเจตนาที่จ้าง วาน ใช้ บังคับ ขู่เข็ญ ก็คือต้องการให้ผู้ถูกใช้ไปกระทำความผิดแทนตน เรียกว่าอยากสะใจ แต่ไม่อยากออกเหงื่อว่างั้นเหอะ.....หุหุ
นอกจากนี้ คนถูกใช้ก็มีเจตนากระทำความผิด แต่จะด้วยจำใจต้องทำหรือไม่ไม่เกี่ยว
เนี่ยแหละครับ ครบสามอย่างนี้ วินิจฉัยได้เลยว่าเป็นผู้จ้าง วาน ใช้ ให้ผู้อื่นกระทำความผิด และต้องรับโทษเหมือนกับไปทำเองครับเนื่องจากการใช้โดยสภาพแล้วถ้าคนถูกใช้ไม่ไปทำมันก็ไม่เกิดผลร้ายกับผู้เสียหาย แต่กฎหมายก็ต้องเอาเรื่องกับคนที่คิดไม่ดีต่อสังคม ดังนั้น เมื่อจ้าง วาน ใช้ไปแล้วถือว่ามีจิตใจเป็นคนร้ายแล้ว กฎหมายจึงต้องกำหนดโทษเพื่อปราบปรามผู้ที่คิดตั้งศาลเตี้ยชำระความกันเอง ถ้ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นก็รับโทษเต็ม แต่ถ้าใช้แล้วเขาไม่ทำ ยังไม่ทันได้ทำ หรืออาจมีผู้ขัดขวางไม่ให้ทำ ผู้ใช้ก็ผิดแล้วครับแต่โทษเบากว่า คือมีโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษที่จ้างวานใช้ให้เขาไปกระทำผิดครับ
คราวนี้เราก็วกเข้ามาที่กรุงเทพราตรี ของเรากันต่อ “ดลเข้าไปเที่ยวไนต์คลับของพิไล ถูกใจอุ้มจึงมาเป็นลูกค้าประจำ ทำให้ผกาแค้นใจไม่หาย จึงให้คนมาเผาไนต์คลับของพิไลเสียหาย”
“ดลอยากได้ความสาวของอุ้ม แต่อุ้มก็บ่ายเบี่ยงต่างๆนานา จนในที่สุดดลสั่งให้เดชไปหลอกลวงจับอุ้มมาให้ตน แ ต่เดชไม่ยอมทำตาม แจ้งให้ตำรวจรู้ ดลแค้นจัดจึงสั่งลูกน้องให้ตามล่าเดช”
“แล้วโชคร้ายก็เป็นของพิไลอีกครั้งเมื่อรัมภาคิดแผนร้ายจะแย่งชิงไววิทย์กลับคืน จึงเอาตัวเข้าแลกกับดลเพื่อให้ดลข่มขืนพิไล”
พฤติการณ์ในละครทั้งสามตอนนี้ ลองดูนะครับ ผกาโกรธที่ดลไปชอบพออุ้มและพอรู้ว่าเป็นไนต์คลับของพิไล จึงสั่งคนให้ไปเผาไนต์คลับ และมีการเผากันจริง ลองเทียบกับหลักเกณฑ์ที่ผมยกมาให้ดูข้างต้นนะครับ อย่างนี้ผกาต้องรับผิดเต็มๆเท่ากับคนเผาเอง โทษวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่นนั้น มีโทษจำคุกตั้งแต่หกเกือนถึงเจ็ดปีและปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท ครับ แต่เนื่องจากทรัพย์ที่เผาเป็นไนต์คลับถือเป็นโรงมหรสพ ซี่งอาจทำให้คนตายมาก กฎหมายจึงกำหนดโทษสูงถึงประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี สมน้ำหน้านังผกากันไหมล่ะ...อิอิ
เอ้า......เรามาดูอีกฉากหนึ่ง ดลสั่งเดชให้ไปหลอกลวงจับอุ้มมา ถ้าเดชไปจับตัวมาก็เป็นความผืดฐานทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ แต่เมื่อเดชไม่ทำ ในส่วนนี้ดลก็จะรับผิดเพียงหนึ่งในสามของโทษที่กฎหมายกำหนดฐานทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินสามปี ปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ก็คือศาลจะลงโทษดลได้ไม่เกิน ๑ ปี ปรับไม่เกิน สองพันบาท เดี๋ยวก่อน....รู้สึกไม่สะใจใช่ไหมล่ะ.....ใจเย็นๆ อย่าอินกับมันให้มากนัก..อิอิ...อย่ากังวลเพราะความผิดของดลเยอะมากและมีโทษถึงประหารชีวิตครับ
พอมาดูที่รัมภา การที่ขอให้ดลไปจัดการข่มขืนพิไลเพื่อตัวเองจะพาไววิทย์มาดูอ้างว่าพิไลคบชู้ เป็นการใช้ให้ดลกระทำความผิดฐานทำให้พิไลเสื่อมเสียเสรีภาพ และข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้กำลังประทุษร้าย ถามว่าเป็นการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้าง วานหรือยุยงส่งเสริม ดูๆแล้วไม่น่าจะใช่ แต่เป็นการหลอกให้ดลทำมากกว่ามันใกล้เคียงกับการยุยงส่งเสริม เพราะดลก็อยากได้ตัวพิไลมาเป็นเครื่องเล่นอยู่แล้ว พอมีคนกระตุ้นก็ง่ายที่จะตัดสินใจกระทำ แต่จะยังไงก็แล้วแต่ มันก็เข้าข้อครอบจักรวาลที่ว่า “ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด...ด้วยวิธีอื่นใด” อยู่ดี
เขียนๆไปรู้สึกเหนื่อย พอก้มดูบทความที่เขียน อ้าว.....ยาววววววววววววอีกแล้ววววว อิอิ
สวัสดีครับ
สวัสดีครับ อ.ธ วั ช ชั ย
จองหน้าจอหนังลุงคนแรกเลยนะครับ อิอิ
ดีครับที่บันทึกของผมมีประโยชน์เอาไปปรับใช้ได้
ยังไม่ได้รับซองเลยครับ เป็นซองขาวหรือเปล่าครับ อิอิ
สวัสดีครับคุณสุขสม suksom
ผู้วานก็ได้รับโทษเท่ากับเขียนเองครับ อิอิ
สวัสดีครับ
หวัดดีหมอกุ้ง
อิอิ สั่งจากภูเก็ต ไปให้ที่ปางมะผ้าชง แต่ที่ปางมะผ้าไม่ชงไปสั่งให้ อ.ธวัชชัย ชงอีก อีก ถ้า อ.ธวัชชัยชงให้ ทั้งผมทั้งหมอกุ้งก็เป็นผู้ใช้ร่วมกัน อิอิ แต่เราได้คนละแก้ว แก้วที่เป็นของผม แม้ผมไม่ได้ใช้ อ.ธวัชชัย ชงก็เหมือนกับผมใช้ อ.ธวัชชัย หมอกุ้งก็เป็นผู้ใช้ อ.ธวัชชัย ในส่วนที่เป็นแก้วของผม และถ้าหมอกุ้งสั่งของหมอกุ้งเอง ก็รับภาระเป็นผู้ใช้ อ.ธวัชชัย ชงแก้วนั้นไป ถ้าดื่มไม่หมดก็ผลักไปให้ หอยโข่งก็แล้วกัน แต่งานนี้หอยโข่งไม่เกี่ยวไม่ต้องมารับผิดด้วย อิอิ
สวัสดีครับ อ.ธ วั ช ชั ย
แขงดังเหล็กเงินง้าง อ่อนได้โดยใจฯ เป็นเรื่องปกติในสังคมไทยในทุกแวดวงครับ สำคัญที่เราต้องช่วยกัน ต่อต้านให้จริงจังครับ ผมไปพูดบรรยายกฎหมายให้ชาวบ้านก็จะเน้นเรื่องนี้แหละครับ ประเภทเอาเงินมาล่อโดนผมไล่ตะเพิดมานักต่อนักแล้วครับ ที่นี่เขารู้จักผมดีครับ บนสำนักงานผมตอนที่ผมเป็นอัยการจังหวัดก็เขียนติดประกาศให้ทราบเลยครับ และมีโครงการอัยการยิ้มเลียนแบบอำเภอยิ้มครับ มารู้ทีหลังว่ามีคนบ่นว่า บนสำนักงานผมมีคนลำบากเพราะน่าจะได้กินแต่ไม่มีอะไรจะกิน ฮิฮิ พูดก็พูดเหอะผมภูมิใจที่ทำได้ในช่วงระยะเวลาที่ผมรับตำแหน่งอยู่ครับ
สวัสดีครับ
ฮิฮิ อ.ขจิต ยังติดใจ
ก็ผมบอกว่า ตา ไง ตา...แข็ง จะสงสัยเรื่องอะไรแข็งอีกล่ะ อิอิ
อ.ธ วั ช ชั ย ครับ
ในแวดวงกฎหมายก็มียังงี้แหละครับ เพราะมันเป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพของคน คนจึงต้องดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองมีเสรีภาพ(ในกรณีถูกจับกุมคุมขัง) ก็เลยต้องเอาเงินมาล่อ พวกใจอ่อนก็โดนเงินง้างดังที่อาจารย์ว่า ไอ้พวกใจแข็งพวกไม่คบ เพื่อนผมหายไปตั้งเยอะเพราะขอแล้วไม่ได้ ลูกน้องก็บ่นว่าพวกหายไปหมดแล้ว ผมก็บอกว่าดีที่พวกนั้นมันหายไป ผมจะได้ไม่ลำบากใจ ผมง่ายๆใครอยากคบก็คบ ไม่อยากคบไม่ต้องคบ ใครชวนกินข้าวอยากกินก็กิน ไม่อยากกินก็ไม่กิน อิอิ อยู่แบบผมสบายใจ กินข้าวข้างถนนก็กินได้ไม่เห็นแปลก ผมไม่เห็นชาวบ้านเขาดูถูกผม แต่ชาวบ้านเขามองผมด้วยความนับถือมากกว่า เอิ้ก ๆ
อ่านแล้วเข้าใจ คักหลาย (คัก: ชัดเจน) ครับ
สวัสดีค่ะพี่ชาย...อัยการชาวเกาะ ...
แต่ตอนนี้ ขอพักก่อนค่ะ
สวัสดีครับครูชา
ขอบคุณสำหรับคำชม เด้อ..
สวัสดีครับน้องอ้อย
เข้าไปอ่านมาก่อนแล้วแต่ไม่ได้เข้าไปทัก เห็นพาดหัวแล้วตกใจรีบเปิดอ่านก่อน พอรู้ว่าเป็นแก้มรถก็เลยนั่งคิคิ พอดีมีแขกมาบ้านก็เลยปิดเครื่องไปก่อน พักผ่อนให้เต็มที่คัรบ คงได้พลังความรักความอบอุ่นมาเยอะแยะจะได้มีกำลังต่อสู้ชีวิตต่อไป
ท่านอัยการคะ ดิฉันอ่านมาหลายบทแล้ว ก้พอจะเดาได้ ว่าใครผิดอย่างไร แต่ถ้าหากท่านระบุ โทษใส่ไว้ด้วย ว่า ถ้าทำผิดอย่างนี้จะต้องโดนประหาร โดนจองจำ โดนอะไร ให้มันสะใจไปเลย กับการร่วมมือหรือสนับสนุนนั้น มันยิ่งจะทำให้บทความของท่านน่าอ่านและติดตามมากขึ้น เขียนบทลงโทษใส่ไว้ด้วยคะ ไม่เช่นนั้นไม่ติดตามนะคะ เพราะคนชั่วแบบไหน อย่างไร ก็พอจะรู้แล้ว แต่ถ้ารู้ว่าได้รับโทษด้วยจะยิ่งเมามันด้วยคะ และจะจดจำไว้ ทำให้น่ากลัว ไม่กล้าเป็นผู้สนับสนุน หรือสั่งการร้ายอะไรกัน กลัวโทษอาจจะเป็นคนดีได้ หรือจะกลายเป็นคนหัวหมอไปเลย
สวัสดีครับคุณว่าที่บัณฑิต
ตกลงครับตกลง เอาโทษที่เกี่ยวกับการกระทำมาใส่ไว้ด้วยจะได้รู้ว่าโทษมันหนักแค่ไหน เอาให้สะใจคนอ่านและสะใจคนเขียนไปเลย อิอิ เหมือนกับที่แง้มไว้ในตอนนี้ใช่ไหมครับ
คุณว่าที่บัณฑิตรู้ไหม ผมเป็นคนไม่ค่อยจำว่าคดีประเภทนั้นจำคุกเท่าไหร่ เพราะเวลาปฏิบัติจริงเราต้องเปิดดูตัวบทเพื่อไม่ให้ผิดพลาดครับ
ขอบคุณที่ติดตามนะครับ บังเอิญว่าผมเกิดอยากเขียนแบบภาษากฎหมายวันละคำ ก็เลยไม่เน้นที่ภาคความผิดแต่มาเน้นที่อธิบายศัพท์กฎหมายครับ