หัวข้อบรรยายวันนี้น่าสนใจมาก บรรยายโดยยอดนักประวัติศาสตร์อย่างอาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม ด้วยแล้ว มันในอารมณ์เหลือเกินพระเดชพระคุณ ยิ่งอีตอนด่าใครบางคนนี่สุดยอด 555
ท่านสะกิดต่อมพวกเราให้รู้ว่าการจะไปแก้ไขปัญหาความขัดแย้งนั้นเราต้องดูให้ถึงแก่นของคนที่เกิดความขัดแย้งโดยให้ดูถึงชาติพันธุ์ของเขา เราต้องมองไปที่กลุ่มคน มองให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงของสังคม โดยเฉพาะสังคมไทยเราผ่านจากสังคมชาติพันธุ์ที่เป็นชนเผ่า เช่น ม้ง เย้า อีก้อ..ฯลฯ มาสู่สังคมอีกแบบหนึ่งคือสังคมที่ผสมปนเประหว่างสังคมชาติพันธุ์กับสังคมเมือง เป็นเหมือนขนมจีนน้ำยาผสมน้ำพริก(อันนี้ผมว่าเอง อิอิ) จากสังคมชาวนามาเป็นสังคมอุตสาหกรรม
จากสังคมแบบชาติพันธุ์ซึ่งเป็นสังคมชาวนา(ทำไมเรียกสังคมชาวนา ก็เพราะเป็นการรวมหลากหลายชาติพันธุ์ ต้องใช้ประโยชน์ในทรัพยากรร่วมกัน เกิดการเอื้ออาทรแบ่งปันกัน) มาสู่สังคมแบบอุตสาหกรรมซึ่งเป็นสังคมกึ่งชาติพันธุ์กึ่งสังคมเมือง
อาจารย์ยกตัวอย่างให้ฟังว่า มีชาติพันธุ์ ลาว เขมร จีน มาอยู่ในชุมชนไทยแห่งหนึ่งต่างคนต่างแยกกันอยู่ในพื้นที่ตามชาติพันธุ์ของตน แต่เนื่องจากต้องใช้พื้นที่รวมเช่น หนองน้ำสาธารณะ เขาก็จะค่อยๆปรับตัวเข้าหากัน เป็นการสังสรรค์กันมากขึ้นแล้วมีการใช้สาธารณะร่วมกัน จึงเกิดการประนีประนอมสังสรรค์กันเพื่อสร้างกติกาการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ แล้วเกิดความสัมพันธ์ทางการแต่งงาน เพราะสังคมไทย ลาว เขมรเป็นสังคมแบบเดียวกันคือแม่เป็นใหญ่ ผู้ชายถูกดูดเข้าบ้าน เข้ามาช่วยทำงาน เขยต่อเกิดแต่ละชาติพันธุ์จึงเข้ามาสัมพันธ์กัน เมื่อลูกเกิดมาก็ต้องถือว่าเด็กมีที่นี่เป็นมาตุภูมิ นานเข้าก็กลายเป็นไทยไปหมด การศึกษาชาติพันธุ์จึงต้องย้อนเข้าไปศึกษาถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น (อันเป็นสังคมชาวนา) ด้วยและเราจะสังเกตชาติพันธุ์ได้จากสำเนียงภาษา ถ้าในเรื่องขุนช้างขุนแผน พระไวยไปได้นางสร้อยฟ้าสาวเหนือมาเป็นเมีย เวลาจะด่านางสร้อยฟ้าก็ด่าว่าอีลาว..(ขออภัย มิได้เจตนาดูถูกชาวลาวนะครับ ผมกำลังถอดความจากคำอธิบายของอาจารย์ซึ่งก็มิได้มีเจตนาเช่นนั้นเหมือนกัน ต้องการอธิบายว่าชาติพันธุ์เราดูที่สำเนียงภาษาครับ อธิบายเสียเหงื่อไหลใคลย้อยเลยนะเนี่ย..กลัวจะเกิดความขัดแย้ง....อิอิ)
สังคมแบบชาวนานั้นจะอยู่กันเป็นชุมชนแบบหมู่บ้าน พุทธก็มีวัด มุสลิมก็มีมัสยิด อยู่ตามชุมชนนั้นๆ การเรียกว่าบ้านโน้นบ้านนี้ก็จะหมายถึงเรียกหมู่บ้านซึ่งรวมทั้งวัดและหรือมัสยิดเข้าไปด้วย
พอเรามาดูสังคมแบบอุตสาหกรรม มันไม่มีวัฒนธรรมแบบนั้น (แบบเอื้ออาทร) มีแต่กลับไปทำลายสังคมชาวนา เพราะสังคมชาวนาก็เกิดการผสมกลมกลืนไปเรื่อยๆ แต่สังคมอุตสาหกรรมมันเป็นการเทลงไปจนรวมกันไม่ได้ เช่น โรงงานอยู่ทางตะวันออก อยู่ๆก็มีแรงงานมาจากอีสานมาอยู่ในโรงงาน มันไม่มีการผสมกลมกลืนเพราะนี่เข้ามาจำนวนมาก เหมือนบ้านจัดสรร อาจารย์บอกว่าเหมือนคอกสัตว์ต่างคนต่างอยู่ (คอกคุณอยู่แถวไหน...อิอิ เผื่อวันไหนมีเวลาจะได้ไปเยี่ยม...) ดังนั้นเวลาเลือกตั้งทีก็จะได้ใครก็ไม่รู้ที่มาซื้อเสียงเป็นตัวแทนของปวงชน
เราจะมองประวัติศาสตร์กันแบบไหน ถ้าเรามองแบบการเมืองเศรษฐกิจก็จะเป็นอย่างหนึ่ง ซึ่งมันจะก่อความเลวร้ายเป็นปัญหาเกิดคำว่าชาตินิยม ถ้ามองประวัติศาสตร์แบบวัฒนธรรมก็จะเป็นอีกอย่างหนึ่ง อาจารย์ให้เราคิดว่า ไทย ลาว เขมร เดิมไม่มีมีเขตแดน แต่คนจะไปมาหาสู่กัน เช่น พระธาตุพนม คนลาวเข้ามากราบไหว้พระธาตุพนม พอองค์พระธาตุพนมล้มลงคนลาวพากันร้องไห้ คนลาวเข้าไม่ได้คิดว่าที่ล้มไปนี่ของไทย ถ้าคิดแบบการเมืองเศรษฐกิจมันก็ไม่เศร้าเพราะคิดแบบของใครของมัน แต่ถ้าคิดแบบประวัติศาสตร์วัฒนธรรมก็น่าเศร้า เพราะลาวไทยต่างเคารพศรัทธาในสิ่งเดียวกัน
เขาพระวิหารก็เหมือนกัน เรามองแบบชาตินิยมหรือมองแบบวัฒนธรรม เขาพระวิหารมีผีต้นน้ำ (นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ที่พึ่งตนเองไม่ได้จึงต้องหาที่ยึด ต้องหันไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และอยู่รวมเป็นพวก) มีชุมชนและคนในชุมชนให้เกียรติยศ เขมรต่ำก็ขึ้นมาเพราะตรงนั้นเป็นเขตการค้าระหว่างไทยกับกัมพูชา ตรงเขาพระวิหารเป็นแหล่งพิธีกรรมใหญ่ เปลี่ยนผีต้นน้ำให้เป็นศรีศิขเรศวร การแก้ปัญหาเขาพระวิหารจึงอยู่ที่มุมมองของคนไทยและกัมพูชาว่า เรามองเขาพระวิหารแบบใด แบบเชิงเศรษฐกิจและสังคม หรือมองแบบวัฒนธรรม คุณคิดหรือยัง.......การแก้ปัญหาเรื่องเขตแดนต้องลงไปในพื้นที่จริง เพราะที่เราเกิดปัญหากันก็เพราะนั่งขีดเส้นกันในห้องนี่แหละ..เฮ้อ...
แล้วมาถึงเรื่องมรดกโลก ไอ้ที่อยากจะให้เป็นมรดกโลก มองแบบไหน มองแบบเศรษฐกิจและสังคมก็จะมองว่าเพื่อการท่องเที่ยวการค้าจะเจริญรุ่งเรือง หรือจะมองว่าเป็นมรดกโลกในเชิงวัฒนธรรม อาจารย์สะกิดต่อมว่าไปดูหลวงพระบางหรือยังล่ะ มรดกโลก เริ่มเสื่อมเห็นชัดๆ แม้แต่ที่อยุธยาก็ล้วนมองการเป็นมรดกโลกเพื่อประโยชน์แก่การท่องเที่ยวทั้งนั้น การจะขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกหรือไม่อาจารย์ฝากเป็นข้อคิดให้ดูดีๆอย่าตกเป็นเหยื่อของข้ามชาติเพราะมีความซับซ้อนของปัญหา สถานที่ที่เป็นมรดกโลกแต่ละแห่งล้วนมีปัญหาจากการที่ต่างชาติที่เข้าไปแสวงหาประโยชน์ ฝากให้ทุกท่านคิดเรื่องเขาพระวิหารว่าเป็นเรื่องของต่างชาติเข้ามาแสวงหาประโยชน์และยุแหย่ให้ไทยกับกัมพูชาหรือเขมรทะเลาะกันหรือไม่....
อาจารย์ฝากหลายข้อ รวมทั้งจะไปสมานฉันท์ใครที่ไหน ต้องรู้จากข้างในเขาก่อน เราเคยศึกษากันไหมว่าในอดีตเราทำสงครามกวาดต้อนผู้คนมาไม่ได้เอามาเป็นทาส แต่เอามาให้เขาเป็นคนไทย ให้มาอยู่เป็นชุมชนตามวิถีชีวิตเดิม การสร้างวัดขึ้นก็เพื่อหลอมรวมวัฒนธรรมเข้าหากันจึงเกิดความสำนึกท้องถิ่นโดยไม่ได้คิดจะรบกับไทยอีก...
ผมเรียนรู้ประวัติศาสตร์อย่างเมามัน แต่ไม่รู้ท่านจะมันกับผมหรือเปล่า เดี๋ยวเขียนยาวไปจะไม่มีคนอ่าน อิอิ....จบดีกั่ว.....
ไปหลวงพระบางมาล่าสุด มีความเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่างโดยเฉพาะความมียศชั้นของบรรดานักท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวกระเป๋าแฟ้บแบบออตจะโดนกวาดต้อนให้อยู่ในปริมณฑลหนึ่ง
ส่วนนักท่องเที่ยวกระแสหลักจะถูกหยิบยืนความใกล้ปริมณฑลวัฒนธรรมกว่า
สวัสดีครับท่านพี่อัยการชาวเกาะ
รายงานสมบูรณ์แบบดีจริงๆ น่าCoopy อิ อิ
อำนาจวาสนาสูงส่ง วาระที่สุดแขนขาหายไปไหน?
สวัสดีครับน้องอต
นั่นแหละครับที่อ.ศรีศักร ท่านพูดให้ไปดูหลวงพระบางว่าการเป็นมรดกโลกมันกำลังจะสร้างความเสียหาย ความจริงท่านใช้คำว่า ship หาย ครับ แฮ่ะๆ
สวัสดีค่ะ อาจารย์
สวัสดีครับคุณสะมะนึก ดูจากภาพเทวรูปแล้วเราจะเห็นว่าในยุคนั้นผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส จิตใจเบิกบาน มีการเล่นระบำรำฟ้อน ดดยเฉพาะภาพแกะสลักทำให้เห็นวัฒนธรรมประเพณีการยึดมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างเห็นได้ชัด คนนั้นเป็นเพื่อนกับคนนี้ครับ
พ่อครูครับ
ตามสบายไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ อิอิ
สวัสดีครับคุณเอื้องแซะ
ผมทำโน้ตย่อไว้น่ะครับ แล้วเอามาเขียนใหม่สไตล์อัยการชาวเกาะ
ได้เรียนกับปราชญ์มันมันอย่างนี้แหละครับ
ในเรื่องชาติพันธุ์ ถ้าเอามาคิดดีๆแล้วสังคมแบบชาติพันธุ์แบบชาวนาจะเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน และเป็นแบบสังคมดั้งเดิมของเราถ้อยทีถ้อยอาศัย แต่พอมาเดี๋ยวนี้มันกลายเป็นสังคมเมืองเพราะเราถูกตะวันตกปั่นหัวแบบจิ้งหรีดจนคนพื้นที่ที่เคยอยู่ด้วยกันมานานยอมรับเขตแดนซึ่งกันและกัน บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน นับถือศาสนาเดียวกัน ต้องมาแตกแยกทางความคิดเพราะยัดเยียดวิธีคิดแบบเศษฐกิจการเมือง เน้นให้คนคิดแบบชาตินิยม และมณีแดงเคยสังเกตไหมคนที่คิดแบบชาตินิยมไม่ใช่คนที่อยู่ในพื้นที่ แต่มักจะอยู่เมืองหลวง เราก็ต้องมาคิดต่อว่าทำไม เพราะอะไร...
สวัสดีค่ะ ท่านอัยการ
* อดีต - - > ปัจจุบัน - - > อนาคต
* ล้วน เชื่อมโยง สัมพันธ์กัน ...? คะ
* ความเข้าใจ ต้องใช้ ใจ และเปิด ใจ? คะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะท่านอัยการ
อ่านอย่างสนุกมากค่ะ คล้ายๆกับที่ไปศึกษาจาก....“พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ” เลยค่ะ เพราะอาจารย์ศรีศักดิ์ฯ ท่านก็มีบทบาทสำคัญอยู่ที่นั่น
สวัสดีครับ ว่าที่ดร.ขจิต
พวกเราเป็นที่คาดหวังของอาจารย์หลายท่าน ศจ.ประเวศ วะสี ท่านก็บอกว่าอยากเห็นพวกเราแก้ปัญหาภาคใต้ได้สำเร็จ ทำเอาเสียงฮึมฮัมเพราะเรายังเห็นว่ายังไม่สามารถถึงขนาดนั้น อาจารย์ก็เลยสอนวิธีคิดว่า ถ้าคิดว่าไม่ได้มันก็จะไม่ได้เพราะใจมันไม่สู้ตั้งแต่แรก แต่ถ้าคิดว่าได้แล้วตั้งใจทำพวกเราอาจจะทำสำเร็จก็ได้ อิอิ
พี่หมอเจ๊ครับ
มาเขียนให้อ่านตามคำเรียกร้องครับ จะได้เรียนรู้ร่วมกัน ทำข้อมูลเผื่อพ่อครูด้วยนั่นแหละครับ อาทิตย์หน้าเจอกับหลวงพี่ติ๊กอีก อาจจะมีเรื่องฮาๆ มาเล่ากันอีกครับ
สวัสดีครับน้อง poo
หมันแล้วค่า...อิอิ สำคัญว่าใครจะไปเปิดใจก่อน อิอิ
สวัสดีครับน้องนกทะเล
รู้เขารู้เราและเอื้ออาทร เข้าใจ เข้าถึง และช่วยเขาพัฒนานั่นแหละครับคือทางแห่งความสำเร็จ
สวัสดีครับคุณพี่ศศินันท์
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนทักทายครับ
อ.ศรีศักร ท่านมีภูมิความรู้สูงมาก ได้ฟังของจริงเลยมันมากเก็บอารมณ์ไม่อยู่บันทึกเสียยาวเฟื้อยเลยครับ อิอิ
สงสัยพี่จะเมามันมากเลยน๊ะครับ อิอิ
สวัสดีค่ะ
* ชาติพันธุ์ไหนไม่สำคัญ....อยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูล....ก็เป็นสุขแล้ว
* ชอบใจภูมิปัญญาย่ายาย...มีสมบัติไม่ครอบครองเป็นกรรมสิทธิ์...ใครอยากปลูกเรือนอยู่ตรงไหนก็ปลูกกันไป....ทำกินร่วมกัน.....แต่ปัจจุบันลูกหลานซึ่งไม่ได้ทำกิน...ขอแบ่งแยกทรัพย์สินเพื่อครอบครองกรรมสิทธิ์ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้ทำกิน...ด้วยอ้างว่าจะได้ไม่ทะเลาะกันในภายหลัง....เฮ้อที่เห็นอยู่ถ้าใครคัดค้านเอ็งออกงิ้วแน่...
* เป็นกำลังใจให้ค่ะ...มาลุ้นรับความสุขจากดาวอังคารกันดีกว่าค่ะ
สวัสดีครับคุณสุขสม
ผมมันแต่ไม่ได้เมา...เอิ้ก...
ครูพรรณาครับ
สังคมปัจจุบันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะเรามองเราคิดแบบเศรษฐกิจและการเมือง ไม่ได้มองเชิงวัฒนธรรม เพราะหากเรามองแบบวัฒนธรรมเราไม่ได้ใช้ประโยชน์ในที่นั้นๆเราก็ปล่อยให้คนที่เขาใช้ประโยชน์ใช้ไป เพราะสมัยก่อนเรามีที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและทำมาหากินเลี้ยง ชีพ แต่ปัจจุบันเรามีการซื้อที่ดิน เราแปลงที่ดินแปลงสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เป็นหนี้ ที่ดินปู่ย่าตาขายก็ขายเกลี้ยงเพราะเราไม่ได้อยู่ในพื้นที่มาตุภูมิ เราจึงไม่มีความรู้สึกผูกพัน ผิดกับคนที่สับสร้างปลูกต้นไม้ในที่ดินจะรักหวงแหนที่ดินเพราะเราใช้ประโยชน์จากที่ดิน เว้นแต่เป็นหนี้แล้วไม่มีทางออกจึงจำใจขายที่ดินหรือยกที่ดินใช้หนี้
พ่อผมยังกลุ้มอยู่ว่าจะจัดการมรดกที่ดินซึ่งเป็นของมรดกตกทอดให้กับลูก ๕ คน ให้มาประชุมกันใครจะเอาตรงไหน ตกลงกันไม่ได้มา ๓ ปี แล้ว คือทุกคนไม่มีใครอยากได้ ไม่มีใครอยากเลือก เพราะไม่ได้คิดจะเอาที่ดินไว้เพื่อขายหรือไปกู้แบ๊งค์ มีแต่คิดว่าเอาเหอะใครเดือดร้อนก็เอาไป แต่กลับไม่มีใครเดือดร้อน อิอิ พี่น้องก็เลยยังรักกันครับ
สวัสดีครับ
ลึกซึ้งมากครับ
เรื่องแบบนี้ไม่ค่อยมีใครพูดถึง น่าจะทำการสืบประวัติเผ่าพันธุ์และบันทึกจัดเก็บ
เริ่มจากตระกูลเราก่อน..น่าจะดี (ตระกูลผมสืบไม่ได้เสียแล้ว ไม่มีคนแก่แล้ว)
ผมมีเรื่องจะถามครับ
ขอบคุณมากครับ
เราได้นักประวัติศาสตร์ ที่ร่ำเรียนอักษรศาสตร์ เอกประวัติศาสตร์จาก ม.ศิลปากร มาช่วยซักถามจี้ไชทำให้ได้อะไรอีกมาก
แถมได้คนมาดับไฟที่กำลังลุกด้วยเพลง ความรักยิ่งซึ้งใจใหญ่ครับ
สวัสดีครับ
ได้อ่าน สองประโยคนี้แล้วทำให้คิดได้กว้างไกลมากขึ้นครับ
"แก้ไขปัญหาความขัดแย้งนั้นเราต้องดูให้ถึงแก่นของคนที่เกิดความขัดแย้งโดยให้ดูถึงชาติพันธุ์ของเขา เราต้องมองไปที่กลุ่มคน มองให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงของสังคม"
" เราจะมองประวัติศาสตร์กันแบบไหน ถ้าเรามองแบบการเมืองเศรษฐกิจก็จะเป็นอย่างหนึ่ง ซึ่งมันจะก่อความเลวร้ายเป็นปัญหาเกิดคำว่าชาตินิยม ถ้ามองประวัติศาสตร์แบบวัฒนธรรมก็จะเป็นอีกอย่างหนึ่ง "
ขอบคุณครับ
ขอบคุณอ.ภูคา ที่แวะมาทักทายครับ
สวัสดีครับคุณเกษตรยะลา
อันดับแรกแจ้งสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคที่จังหวัดครับ และหากผิดจริงอัยการจะเป็นคนฟ้องให้ครับ
๒.แจ้งให้ผู้ซื้อระงับการดำเนินการใดๆในที่ดิน เพราะถ้าในโฉนดระบุเป็นทางสาธารณะเขาจะไปทำอะไรอันเป็นการกีดขวางทางสาธารณะไม่ได้เป็นความผิดทางอาญาครับ
ลุงเอกครับ
บรรดานักศึกษาที่คัดมาสุดยอดทั้งนั้น และเท่าที่มองส่วนใหญ่มนุษยสัมพันธ์ดีครับ เจอกันก็ยิ้มแย้มทักทายกัน แม้จะมีบ้างที่ตรงไปตรงมาและโดยบุคลิกยากที่จะให้เป็นผู้ไกล่เกลี่ยแต่เขาก็จะมีประโยชน์ในด้านอื่น เพราะเราต้องทำงานเป็นทีม แต่การคัดเลือกคนเข้าเรียนต้องยอมรับว่าเข้าท่าจริงๆครับ
สวัสดีครับท่านอัยการ
ผมชอบประวัติศาสตร์ครับ ขอบคุณที่ย่อยให้อ่าน
ได้มุมมองที่ใสปิ๊งเลยครับ เรากำลังหลอมวัฒนธรรมใหม่ซึ่งสับสนระคนปนเปอย่างที่ท่านอัยการพูดไปแล้วครับ เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
สวัสดีครับคุณสุมิตรชัย
เรื่องประวัติศาสตร์จะมีให้อ่านตามโปรแกรมที่เรียนครับ และอาจจะนำเสนอส่วนที่เป็นประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพื้นที่ที่ไปศึกษาดูงานมาเล่าสู่กันฟังต่อไปครับ
อ้อ ที่เอามาเขียนไม่ใช่ผมคิดเอง..อิอิ...ผมถอดคำบรรยายของอาจารย์มาเล่าสู่กันฟังครับ อิอิ