เป็นนักเรียนสถาบันพระปกเกล้าตอนที่ ๖(เรื่องราวของชีวิตบนความขัดแย้ง)


ความเจ็บปวดของชุมชนที่ถูกสั่งรื้อถอน,ความเจ็บปวดของเด็กน้อยที่เห็นพ่อถูกยิงต่อหน้า,ความเจ็บปวดของสาวปะหล่องที่เกิดเมืองไทยแต่กลายเป็นคนต่างด้าวและที่ดินที่ราชการให้เป็นป่าชุมชนและอยู่ในที่เดิมอยู่ๆก็ถูกจับฐานบุกรุกป่าสงวน

        วันนี้ภาคบ่ายมีเนื้อหาที่สะเด็ดสะเด่าจนดื้นกระแด่วๆเลยแหละครับพี่น้อง เมื่อมาถึงหัวข้อ เรื่องราวของชีวิตบนความขัดแย้ง : ผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจอันเกิดจากการจัดการกับความขัดแย้งที่ไม่เหมาะสม โดยคุณนก  นิรมล เมธีสุวกุล เป็นพิธีกร เสียงคุณนกนิ๊มนิ่ม..เปิดฉากอารัมภบทเสร็จก็ส่งไมค์ให้คุณวิมล แดนสะอาด ซึ่งเป็นตัวแทนชุมชนป้อมมหากาฬ ใกล้ภูเขาทองนั่นแหละ

        คุณวิมล เริ่มเล่าถึงผลกระทบอันเกิดจากการพัฒนาเมือง ในปี ๒๕๓๕ จะมีการพัฒนาเกาะรัตนโกสินทร์โดยชอง อีลีเซ่เพื่อทำให้แถวนั้นเป็นเมืองน่าอยู่จะเอามาจัดสวน แถวนั้นก็จะมีป้อมมหากาฬ ลานเจษฎาบดินทร์ โลหะปราสาท ฯลฯ ซึ่งจะสังเกตได้ว่าชุมชนสมัยก่อนจะอยู่ใกล้ทั้งวัดทั้งวัง  ในการสำรวจพื้นที่ทำกันในปี ๒๕๓๒ ปี ๒๕๓๕ ออกพระราชกฤษฎีกาเวณคืนที่ดินแถวนั้น ซึ่งมี ๑๐๒ หลังคาเรือน ปี ๒๕๓๗ ให้ชาวบ้านไปรับค่ารื้อถอน โดยจะให้ชาวบ้านย้ายไปอยู่ชานเมือง ใกล้ฉะเชิงเทรา  แต่เกิดปัญหาว่าย้ายไปแล้วจะให้เขาทำอะไร โรงเรียนของลูก ที่ทำมาหากิน ค่าก่อสร้างบ้านใหม่สารพัดค่าใช้จ่าย  ๔๐ ครอบครัวยอมย้ายไป แต่ที่เหลือก็ยังคงอยู่ในที่ดินดังกล่าว

        ชุมชนดังกล่าวความจริงมีคุณค่ามากมาย มีบ้านนายทวย อึ๊งภากรณ์ พ่อของดร.ป๋วย ก็อยู่ที่นั่น โรงลิเกโรงแรกของไทยก็อยู่ที่นั่น แต่ไม่มีใครสนใจที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ เราจะให้ชุมชนนี้สลายไปหรือ กฎหมายเวณคืนออกไปแล้วจะขอยกเลิกบางส่วนไม่ได้หรือ ทำไมจึงแก้พระราชกฤษฎีกาตรงนี้ไม่ได้ คุณพิมล และชาวชุมชนเขาสงสัย

        จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของ ด.ญ.อาซีลา ดอรอแต (น้องพิม) อยู่ที่กรงปินัง เธอเล่าถึงวันที่พ่อถูกยิงทั้งน้ำตา เธออยู่กับพ่อร้องขอความช่วยเหลือจากใครก็ไม่มีใครช่วย พ่อถูกยิงเวลากลางวันแต่ไม่มีใครเป็นพยานให้เลยแม้แต่คนเดียว พอพ่อตายพี่ชายก็ต้องออกจากโรงเรียนเพื่อมาช่วยแม่ทำงานหาเงิน พี่ชายก็ไปติดยาเสพติดเสียอีก แถมยังเอาทรัพย์สินไปจำนำเสียเกลี้ยง  น้องพิมได้ไปอยู่กับกลุ่มลูกเหรียงที่ช่วยปลอบโยนเอาใจใส่ดูแลเธอ เธอจึงมีโอกาสได้เรียนหนังสือ เมื่อก่อนตอนที่พ่อยังไม่ถูกยิง เวลาพี่ๆในกลุ่มซึ่งมีพ่อเป็นตำรวจเขาพูดกันถึงความสูญเสียพ่อ น้องพิมรู้สึกเฉยๆเพราะนึกว่าก็แค่เสียพ่อไปคนหนึ่ง แต่พอเธอเสียพ่อเธอรู้สึกว่ามันหนักเหลือเกินและเข้าใจจิตใจของพี่ๆมากขึ้น ตอนแรกในความคิดของเธอก็นึกว่าพวกข้าราชการนั่นแหละทำ แต่พอพี่ๆเขามาเล่าให้ฟังว่าพวกก่อการร้ายนั่นแหละทำพ่อของพี่ๆเขา เขาก็โดนเหมือนกัน น้องพิมก็สงสัยว่าแล้วใครล่ะเป็นคนทำ

        แล้วก็เป็นหน้าที่ของน้องคำ นานวล ปะหล่องจากบ้านปางแดง เชียงใหม่ ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องเป็นพวกเธอที่ต้องรับกรรม ที่ต้องติดคุก ทั้งๆที่เธอเป็นคนไทย เธอเกิดในเมืองไทย แต่พ่อแม่ซึ่งไม่ค่อยรู้เรื่องบอกเจ้าหน้าที่เวลาเขามาสำรวจว่าเธอเกิดที่พม่า มันเป็นปัญหาจากการสื่อสาร ทั้งๆที่ความจริงพี่สาวเธอต่างหากที่เกิดพม่า ส่วนเธอเกิดในเมืองไทย แล้วทำไมเธอกับเพื่อนนักเรียนของเธอจึงแตกต่างกันเรียนหนังสือมาห้องเดียวกัน เดี๋ยวนี้เพื่อนเป็นคนไทยเป็น อบต.แต่เธอยังเป็นคนต่างด้าว อีกเรื่องหนึ่งที่เธอเล่าด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ ที่ๆเธออยู่ถูกประกาศเป็นเขตป่าสงวน พอมีคนให้จัดการกับพวกบุกรุกป่าสงวนพวกเธอก็โดน ต่อมาในพื้นที่เดียวกันป่าไม้ก็มาให้ทำป่าชุมชน หลังจากนั้นไม่นานก็มีการจับกุมพวกบุกรุกป่าสงวนไอ้ตรงที่ทำเป็นป่าชุมชนนั่นแหละ แล้วก็พวกเธออีกนั่นแหละที่ถูกจับกุม ฟังแล้วกลุ้มแทน

        คราวนี้พอเปิดเวทีให้อภิปรายเท่านั้นแหละครับ ยกมือกันยิ่งกว่าผู้แทนในสภา ตอดเรื่องป้อมมหากาฬที เรื่องน้องคำ ทีนึง แล้วไปตอดเรื่องชายแดนภาคใต้   ในส่วนที่เกี่ยวกับป้อมมหากาฬ มีผู้เสนอให้นำเสนอคุณค่าทางวัฒนธรรมให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ โดยความเป็นจริงแล้วถ้าเราจะเว้นชุมชนตรงนั้นไว้มันก็ไม่เสียหายอะไร โดยขายวัฒนธรรมชุมชนไปเลย เวลานักท่องเที่ยวมาชมเมืองเขาคงไม่ต้องการมาดูซากอาคารแต่เพียงอย่างเดียว เขาก็อยากมาศึกษาวิถีชีวิตของชุมชนโบราณ

        โกติ่งเสนอให้เอากรณีตัวอย่างทั้งสามเรื่องมาให้นักศึกษาจัดการแก้ไขกันให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย

        อาจารย์แหวว ก็พูดให้ฟังเรื่อง พรบ.สัญชาติ พ.ศ.๒๕๕๑ เรื่องการพิสูจน์สัญชาติซึ่งใช้พยานเพียง ๒ คนที่เชื่อถือได้ เมื่อแก้ไขที่สัญชาติน้องคำได้ ลูกน้องคำก็ไม่มีปัญหา ส่วนสามีถ้าแก้ปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้ไม่ได้ ก็แก้ไขอีกวิธีหนึ่งคือเป็นสามีของผู้มีสัญชาติไทย ก็จะแก้ไขได้อีก

        มีผู้อภิปรายกันอีกมากมาย ทั้งผู้ที่เสนอกฎหมายเอง เช่น พี่แดง เตือนใจ ดีเทศน์,คุณอังคณา นีละไพจิตร,คุณหญิงหมอพรทิพย์,คุณซูกาโน่ มะทา ส.ส.ยะลา,คุณมูฮำมัดอายุบ ปาทาน ซึ่งก็เตือนว่าการแก้ปัญหาภาคใต้อย่ามองจากมิติของตัวเอง อย่าเพิ่งสรุปกันวันนี้เลย เพราะสรุปผิดจะเสียเวลาไปอีก ๑๐ ปี ฯลฯ รวมทั้งหลวงพี่ติ๊กของผมด้วย

        หลวงพี่ติ๊กให้กำลังใจคุณวิมล และชุมชนป้อมมหากาฬ เพราะหลวงพี่ติ๊กอยู่วัดสระเกศ ซึ่งใกล้กับชุมชนดังกล่าว ให้กำลังใจน้องพิมให้เข้มแข็ง สุดท้ายก็ให้กำลังใจน้องคำ เพราะเป็นชาวเขาด้วยกันเพราะหลวงพี่ติ๊ก อยู่ภูเขาทอง ฮา......

        วันนี้ลุงเอกก็โดนอัดเรื่องหลักสูตรสมานฉันท์อยู่กันด้วยสันติวิธีแต่ทำไมต้องบังคับให้ตัดสูทเขียวด้วยเพราะไม่ใช่ถูกๆ ลุงเอกต้องมาชี้แจงว่าเพราะสูทสีเขียวต้องใช้ตอนรับพระราชทานประกาศนียบัตรขั้นสูง (ลุงเอกมาบอกว่าพลาดไปนิด สูทสีเขียวใช้ในงานพิธีต่างๆซึ่งมีหลายงานครับ)และสูทนี้จะสวมได้เฉพาะผู้จบหลักสูตรประกาศนียบัตรขั้นสูงเท่านั้น หลักสูตรอื่นใช้สูทนี้ไม่ได้

        หลังจากแสดงความคิดเห็นกันจนเกือบห้าโมงเย็น ก็ไม่มีท่าทีว่าจะเลิก ผู้ทำหน้าที่ขอบคุณวิทยากรขึ้นไปยืนบนแท่นรออยู่แล้ว ก็ยังต้องรออยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็จบลงด้วยดี

        ลุงเอกรีบคว้าไมค์แล้วประกาศว่า เรายังมีเรียนอีก ๙ เดือน วันนี้เพิ่งเรียนวันแรกนักศึกษากลับบ้านได้แล้ว..ฮา.....

หมายเลขบันทึก: 192193เขียนเมื่อ 4 กรกฎาคม 2008 21:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (28)

สวัสดีเจ้าค่ะ ลุงอัยการจ๋า

น้องจิไปเรียนด้วยคน คิคิ คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงง กอดดดดดดดดดดดดด รักลุงเด้อ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ เป็นกำลังใจให้นักเรียนรุ่นใหญ่ คิคิ

คิดถึงลุงเสมอเจ้าค่ะ ---->น้องจิ ^_^

สวัสดีน้องจิ

เข้าไปอ่านตอนดนตรีสื่อสันติสุขหรือยังมีพาดพิงถึงน้องจิด้วย อิอิ

เดี๋ยววันไหนว่างๆขึ้นมาเรียนแล้วจะแวะไปเยี่ยมนะ ค่อยติดรถลุงเอกไป อิอิ

คิดถึงหลานเช่นกัน

  • ตามมาเรียนต่อแล้วนะค่ะ
  • ทำได้แค่รับรู้ไว้ย่อยค่ะ....แหะ...แหะ
  • เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า การแก้ปัญหาภาคใต้มองจากมิติของตัวเองแล้วแก้ น่าจะยิ่งพาเข้ารกเข้าพงมากกว่าช่วย 

สวัสดีค่ะ อาจารย์

  • ออกจะเครียดเล็กๆนะคะ
  • ไม่รู้เลยนะคะว่า สูทสีเขียว นี่...ใส่ไม่ได้ คล้ายๆจะมีอยู่ตัวหนึ่ง :-))

* เรียนท่านอัยการ ก่อนราตรีสวัสดิ์ค่ะ

* สังเกตเวลาตอนไหนมีท่านหลวงพี่ติ๊กแล้ว

* ตอนนั้นจะเป็นโจ๊ก ก็เลยอยากขอเบิ้ลต่ออีกหลายๆ ชาม (ตอนค่ะ)

* อ่านไปมีครบรสเลยค่ะ เศร้า สร้อย หงอย เหงา และ ฮา

* อ่านลุ้นว่าจะได้กลับบ้านรึเปล่า โชคดีนะคะที่

ลุงเอกรีบคว้าไมค์แล้วประกาศว่า นักศึกษากลับบ้านได้แล้ว..ฮา.....

ขอบคุณค่ะ ฮาทิ้งท้าย ฝันดีนะคะท่านอัยการ

อันชุดเขียวลุงเอกพลาดไปหน่อยอันที่จริงใช้สำหรับพิธีการต่างๆ  ซึ่งปีหนึ่งก็มีหลายครั้ง  แต่ตอนรับพระราชทานประกาศนียบัตรฯจะใช้ชุดขอเฝ้าครับ

นักศึกษารุ่นนี้ฟิตจัดมาก  บางคนทำท่าจะบรรยายให้ครบเรียน 9 เดือนเลย  บางคนยกมือแย่งพระ  หลวงพี่ติ๊กก็มี  ท่านยกมือ 3 ครั้งยังไม่ได้พูด ลุงเอกต้องประกาศขอให้พระก่อน

 

 

ลุงเอกต้องลงมาเล่นกับรุ่นนี้ตลอดเวลา  กลัวว่าพลาดพลั้ง   เสนอขัดกันไปมาจะยุ่ง  ปกติเลิกเรียน 4 โมงเย็น  นี่ 5 โมงก็ยกมือกันสลอน 

สุดท้ายลุงเอกเลยต้องตัดบท  ไล่กลับบ้าน  นี่ขนาดวันแรกนะนี่  ต่อๆไปคงสนุกครับ

 

สวัสดีครับพี่หมอเจ๊

ผมนั่งคุยกับเพื่อนที่มาเรียนด้วยกัน ได้รู้ความเป็นจริงอย่างหนึ่งว่าเรามักมองปัญหาด้านเดียวโดยมองจากมุมมองของเราเอง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงมันซับซ้อนมีหลายมิติ ที่เราเห็นว่าเป็นประเด็นหลักความจริงมันอาจเป็นประเด็นรองของเขาก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้แก้ให้ตายก็ไม่ตรงจุดสักที

แล้วจะมาเล่าให้ฟังต่อนะครับ

มณีแดง คนสวย

เขาไม่ได้ห้ามบุคคลภายนอกใส่สูทสีเขียว เขาหมายถึงนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าในหลักสูตรต่างๆที่ไม่ใช่หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงต่างหากที่ไม่มีสิทธิสวมสูทเขียว อิอิ ที่มีอยู่ตัวนึงเอาออกมาใส่ซะ...อิอิ

ขอบคุณน้อง poo

ที่แวะมาทักทาย ยังคงอยู่กับหลวงพี่ติ๊กอีกนานครับ อิอิ

วันนี้เจอหลวงพี่ติ๊ก ท่านก็ทักว่า โยมพาดพิงหลายตอนเลยนะ เดี๋ยวจะเข้าไปเม้นท์บ้าง อิอิ

ผมสงสารลุงเอกจริงๆ

ดูท่าทางจะต้องเหนื่อยกับรุ่นนี้ไปอีกนาน

แต่ละท่านอัตลักษณ์สูงเพราะศักยภาพแต่ละท่านสูง น่าจะให้เจอ อ.วิศิษฐ์ วังวิญญู ก่อน อิอิ

สวัสดีครับ

เห็นแล้วครับว่ารุ่นนี้ฟิตจัดมาก

หลายคนมาจาก SE 1 ผู้นำเศรษฐกิขพอเพียง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของเสื้อแตงโมที่เป็นรองประธานรุน SE1 และคุณศิริบูรณ์ ณัฐพันธ์ประชาสัมพันธ์คนเก่งของรุ่น

ผมคิดว่าชีวิตบนความขัดแย้งนี้เยียวยาได้โดยการตั้งกลุ่มดูแลกันเอง มีผู้นำสักคนที่สามารถจะให้แนวและนำกลุ่มได้

มนุษย์เราต้องการความเข้าใจจากคนอื่น ไม่ต้องการจากคนหมู่มาก แต่เพียงคนเดียวหรือไม่กี่คนก็จะสามารถทำให้เขาฟื้นจากปัญหาที่เจอได้มากพอสมควร

การสร้างอาสาสมัครในด้านต่างๆ เพื่อเป็นแกนของกลุ่มเล็กๆ จึงน่าสนใจครับ

ในยุโรปที่ผมไปใช้ชีวิตมา มีกลุ่มแบบนี้ในแทบจะทุกเรื่อง

ไม่มีอะไรมากนอกจากการไปเข้ากลุ่มและไประบายทุกข์ ปรับทุกข์และหาคำแนะนำในทางออกที่เหมาะสม

แค่นี้คนที่มีปัญหาและมีความทุกข์ที่เกิดจากความขัดแย้งก็จะไม่โดดเดี่ยว

ผมนำมาจากของจริงในสังคมยุโรปนะครับ

แต่ในบ้านเราอาจจะทำไม่ได้....ก็น่าคิดว่าเพราะอะไร

ขอบคุณสำหรับการเล่าเรื่องครับ

จะติดตามอ่านต่อไปครับ

อ่านแล้วนึกถึงกรณีชุมชนคลิตี้ล่างที่ปัญหาเก่าเรื่องสารเคมีในแหล่งน้ำยังไม่ได้รับการเยียวยาจนเห็นผล ก็มาเจอปัญหาทางการประกาศพื้นที่ป่าสงวนบริเวณที่ทำกินเขา ทั้งๆ ที่เรื่องป่าชุมชนน่าจะถูกนำมาใช้ในกรณีนี้ เขาไม่ได้ทำขยายเพิ่ม แต่เปลี่ยนที่ไปเพื่อให้ป่าโตแล้วมีปุ๋ยตามธรรมชาติ จากนั้นก็ย้อนกลับมาทำที่เดิมสลับกันไป พอป่าโต ภาครัฐก็มองว่าเป็นป่าสงวน ชาวบ้านเขาทำเพื่อกินเท่านั้น ทำมานานด้วยวิธีนี้ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย ไม่ได้ขายด้วยซ้ำ แค่ทำพอกิน ไอ้เรื่องแบบนี้ล่ะค่ะที่หนูมองว่าภาครัฐรังแกซ้ำเติมประชาชน ไม่ได้เข้าไปทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น ไม่ศึกษาร่วมบนปัญหาที่เกิดขึ้น เอาแต่อยู่บนหอคอยงาช้างออกกฏบีบบังคับ จนในที่สุดชาวบ้านก็จะเกิดความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ที่มีปัญหาอยู่ ชนกลุ่มน้อย หรือคนชายขอบโดนรัฐกระทำแบบนี้สม่ำเสมอ เพียงแต่สังคมไม่ค่อยมีโอกาสรับรู้

ท่านพลเดชครับ

ประสบการณ์ของท่านน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้มากเลยครับ อย่างที่อาจารย์ท่านว่าบางทีเราไม่มีพื้นที่ให้เขาเรียกร้องและมีที่ปรึกษาให้เขา เมื่อวานก็พอเห็นรูปแบบบางอย่างที่สุดยอดฝีมือในยุทธจักรแสดงความคิดเห็น ถ้าหน่วยงานของรัฐมีกลุ่มผู้มีความรู้ชำนาญเฉพาะด้านเป็นทีมทำงานและไม่ต้องเป็นกลุ่มใหญ่เพื่อให้เกิดความคล่องตัว การทำงานเชิงรุกน่าจะทำให้ประชาชนที่เกิดความขัดแย้งพอมองเห็นแสงสว่างได้บ้างครับ

ยังมีอีกหัวข้อหนึ่งครับที่ยังไม่ได้เขียน เมื่อวานง่วงนอนเขียนได้ตอนเดียวหลับเลย อิอิ

สวัสดีครับคุณ Little Jazz

บางทีความมักง่ายไม่ละเอียดอ่อนในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐก่อให้เกิดผลกระทบต่อชาวบ้านอย่างมากมาย เราถูกฝังหัวจากการเรียนว่าชาวเขานั่นแหละที่ทำลายป่า จะปลูกอะไรทีก็เผาป่า ทำไร่เลื่อนลอยแล้วไปทำลายป่าที่อื่น ลองถามสิว่าจริงหรือเปล่าว่าเขาปล่อยให้ป่ามันฟื้น ทีนักการเมืองและนายทุนบุกรุกป่ากันโครมๆกลับทำได้ มีหลักฐานแสดงสิทธิตามกฎหมายด้วย ชาวบ้านเขาเห็นความแตกต่าง เขาถูกกดดัน สักวันหนึ่งเขาก็ปะทุ ตามกฎที่ไหนมีแรงดัน ที่นั่นมีระเบิด ครับ

ขอบคุณที่มาลปรร ครับ

หวัดดีตอนเช้าครับ จะแวะมาอ่านเพิ่มความรู้บ่อย ๆ ครับ ห้องเรียนนี้ ...ท่าทางเป็นรุ่น โหด มัน ฮา แน่นอน..

  • สวัสดีครับ
  • รู้สึกเหมือนผมได้นั่งเรียนด้วยเลยครับ
  • ขอบคุณคร้าบบ

 

สวัสดีครับท่านผอ.ประจักษ์,คุณเอกราช และน้องสายลม

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม

ไม่เสียดายเวลาที่ได้เข้ามาเรียนเลยครับ เรื่องราวต่างๆน่าสนใจทั้งนั้น แถมด้วยมุมมองฮาแบบพวกผมก็มันสิครับ แต่ฮาแบบเฮฮาศาสตร์ที่มีทั้งศาสตร์ทั้งศิลป์ครับ

นั่งเรียนอยู่ด้วยกัน ยังอ่านแล้วสนุกเลยค่ะ

เรียกว่า สนุก ๒ ต่อค่ะ

การสื่อสารแบบนี้ดีจังครับ ดีใจครับที่ได้เรียนรู้ร่วมกับทุกท่าน ทั้ง อ.  archanwell  และ พี่ อัยการชาวเกาะ  

เป็นได้หาก นศ.ทุกท่านได้เขียนblog น่าจะเป็นการเปิด การระดมปัญญา ครั้งยิ่งใหญ่ครับ

 

ผมแอบอยู่หลังห้องเรียนเงียบๆครับท่านอัยการ

สวัสดีครับอ.แหวว

เพิ่งกลับมาจากเซนทรัลเวิร์ล ไปดูนิทรรศการภาพข่าวยอดเยี่ยม และไปดูฝีมือถ่ายภาพของคุณนิวัติ กองเพียร มา พรุ่งนี้ค่อยเอาเรื่องเรียนมาเล่าอีกครับ

หวัดดีครับน้องเอก

วันนี้มันมาก มุขเยอะ เดี๋ยวเอามาถ่ายทอดสไตล์อัยการชาวเกาะให้เพื่อนๆชาว G2K ได้ความรู้และสนุกกันด้วย แต่ต้องเป็นพรุ่งนี้เพราะเพิ่งกลับมาถึงและง่วง อิอิ

สวัสดีครับพี่บางทราย

ดีใจด้วยที่ผลการตรวจออกมาเรียบร้อยดี ผมอยู่กับป้าจุ๋มตั้งแต่เย็น ป้าจุ๋มเพิ่งมาส่งผมครับ ป้าจุ๋มพาไปดูนิทรรศการภาพข่าวยอดเยี่ยม และเยี่ยมจริงๆ และได้ดูภาพถ่ายฝีมือคุณนิวัติ กองเพียร ด้วย เดินไปเจอโดยบังเอิญครับ

  • แอบตาม อ.บางทรายมาครับ
  • อิอิ....
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท