เป็นนักเรียนสถาบันพระปกเกล้าตอนที่๕๐(พลังวัฒนธรรม บ้าน มัสยิด วัด โรงเรียน)


สายใยรักแห่งครอบครัวเริ่มจากสายสะดือ สายใจและสายจิต

        เมื่อวันที่ ๒๙ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ เราได้เดินทางสายที่ ๑ ไปยังปัตตานี สายที่ ๒ ไปที่นราธิวาส แล้วไปรวมกันที่ยะลา เพื่อร่วมงานมหกรรมสันติวิธีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เราจัดเวทีร่วมเสวนาในหัวข้อพลังวัฒนธรรมบ้าน วัด มัสยิด โรงเรียน โดยมีพระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท(ถาวรบรรจบ) นายอัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง รศ.เสาวนีย์ จิตต์หมวด และนายประสิทธิ์ เมฆสุวรรณ เป็นผู้ร่วมอภิปรายโดยมี พลเอกเอกชัย ศรีวิลาศ เป็นผู้ดำเนินรายการ

        ในช่วงแรกๆมีปัญหาเกี่ยวกับระบบเสียงตอนที่ รศ.เสาวนีย์ ฯ และอัฮหมัดสมบูรณ์ บรรยายนั้น เนื่องจากลำโพงดังอยู่ข้างเดียว และข้างที่ผมนั่นนั่นแหละที่มันไม่ดัง ก็เลยมีปัญหากับการจับใจความ เพราะห้องเสวนาต่างๆอยู่ใกล้กัน เสียงดังจ้อกแจ้กจอแจเลยดังรบกวนสมาธิ แต่จับใจความได้ว่า รศ.เสาวนีย์ ได้นำเสนอถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัว และว่าสายใยรักแห่งครอบครัวนั้น เริ่มจากสายสะดือ ที่เป็นที่ส่งอาหารให้แก่ร่างกาย  สายใจ เป็นที่ให้ความรัก และสายจิตให้คุณธรรม แก่ลูก ผมประทับใจมาก ท่านพูดถึงความสำคัญของแม่และพ่อในการให้ความอบอุ่นแก่ลูก ปลูกฝังคุณธรรมที่ดีงาม สั่งสอนในสิ่งดีๆให้กับลูก  ซึ่งจะทำให้เด็กรู้ผิดชอบชั่วดี และท่านพูดถึงว่าการอบรมสั่งสอนให้เด็กเป็นคนดีต้องร่วมกันทั้ง บ้าน โรงเรียนและมัสยิด หรือที่เรียกว่า บรม ถ้าเป็นพุทธก็จะเป็น บ้าน วัด และโรงเรียน หรือที่เรียกว่า บวร

        อัฮหมัดสมบูรณ์ ก็เสียสมาธิไม่น้อยเมื่อมีเสียงดังรบกวนการพูด ผมก็เสียสมาธิกับเสียงดังรอบด้านเหมือนกัน จับใจความยากมาก..อิอิ ท่านได้ฉายภาพให้เราดูมัสยิดที่ต่างๆและพูดถึงความสำคัญของมัสยิดว่า มัสยิดในอดีตมาจนถึงปัจจุบันมีสถานภาพเหมือนกันนับพันปีมาแล้ว มัสยิดเป็นสถานที่สำคัญสำหรับผู้นับถือศาสนาอิสลาม อยู่ที่ไหนก็อยู่ที่นั่นจะย้ายไปอยู่ที่ไหนไม่ได้ มีผู้ว่าราชการแห่งหนึ่งพูดว่าย้ายมัสยิดมาอยู่ที่นั่นที่นี่ได้ไหม การพูดอย่างนี้ก็คือการไม่ได้เข้าใจศาสนา มัสยิดนั้นไม่มีใครสามารถอ้างได้ว่าเป็นเจ้าของเพราะมัสยิดไม่เป็นของใคร แต่เป็นของพระเจ้า เว้นแต่มัสยิด ๓ แห่ง(ซึ่งอยู่ในต่างประเทศ) ท่านพูดชื่อมัสยิดเป็นภาษาอิสลามที่ผมจับชื่อไม่ได้ แต่จับใจความได้ว่ามัสยิดแห่งที่สามอยู่ในความดูแลจัดการของอิสราเอล ใครเข้าไปทำละหมาดที่สามมัสยิดดังกล่าวจะได้บุญมาก

        มัสยิดมีความสำคัญอย่างยิ่งของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ท่านอธิบายว่าหัวหน้าของมัสยิดเรียกว่า อิหม่าม ใครจะมาเป็นอิหม่ามไม่ใช่จะได้มาง่ายๆโดยการสมัคร หรือจากการเลือกตั้ง ไม่ต้องการเสียงข้างมาก แต่เป็นเรื่องของความศรัทธาสรรหาต่อผู้ที่จะมาเป็นโต๊ะอิหม่าม มัสยิดเป็นศูนย์กลางของการบริหารการเมือง การปกครอง ที่ประกอบศาสนกิจ สอนให้เป็นคนดีมีชีวิตอยู่อย่างสันติ เป็นที่ถูกคุ้มครองทั้งส่วนบุคคล ส่วนรวม กฎหมายบ้านเมืองและกฎหมายนานาชาติ มัสยิดมีภาระกิจ  ๔ ประการ คือ เป็นสภาประชาชน  เป็นศูนย์วัฒนธรรม เป็นศูนย์กลางการปกครอง เป็นเป็นศาลสถิตย์ยุติธรรม แต่ของไทยมาเปลี่ยนแปลงโดยมีกำนันผู้ใหญ่บ้าน ดังนั้นพอมีเหตุขึ้นมาก็มีการโยนความรับผิดชอบไปให้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มัสยิดจึงไม่ได้ทำหน้าที่ของตนตามภาระกิจดั้งเดิมที่แท้จริง

มัสยิดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จดทะเบียนจำนวน ๑,๖๒๓ มัสยิด ที่อยู่ในหมู่บ้านเป็นมัสยิดเล็กๆซึ่งไม่ได้จดทะเบียน อีก ๓,๐๐๐ กว่าแห่ง ถ้าจะหาทางออกให้สังคมมุสลิมและสังคมไทย ก็ควรจะใช้มัสยิดเป็นพลังในการหาทางออก มัสยิดแต่ละแห่งแต่ละแห่งมีผู้บริหารรวม ๑๕ คน ทุกมัสยิดจะมีโต๊ะอิหม่าม ๑ คน มีคอเตบบิลาน อีก ๒ คน ที่เหลือเป็นกรรมการ ๑๒ คน ซึ่งล้วนแล้วเป็นบุคคลที่ชุมชนให้ความเคารพนับถือแต่เขาเหล่านี้ไม่ถูกใช้ประโยชน์เลย ดังนั้นถ้าหากภาครัฐจะแก้ปัญหาภาคใต้ต้องให้ความสำคัญกับคนเหล่านี้

มีมัสยิดก็ต้องมีโรงเรียนควบคู่กันไปสอนภาษามลายูเพื่อใช้ในการเรียนรู้ศาสนา เมื่อคนภาคใต้ขอใช้ภาษามลายูเป็นภาษาราชการ ถูกตีกลับทันทีว่าต้องใช้ภาษาไทย แต่รัฐบาลไม่คิดว่าชาวบ้านเขาใช้ภาษามลายูในการติดต่อสื่อสาร ไม่เพียงแต่คนไทยด้วยกันแต่ติดต่อไปทั่วโลก อย่าลืมว่าทั่วโลกมีมุสลิมอยู่มากมาย 

        ถึงคราวหลวงพี่ติ๊กบรรยายบ้าง ท่านกล่าวชมหลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข ที่จัดรายการดีๆอย่างนี้ หลักสูตรพวกเราใช้ชื่อย่อว่า สสสส ถ้าเป็นภาษาอังกฤษก็เทียบด้วยตัว S ขอบอกว่า โฟร์เอสสร้างสรรค์งานดีมีคุณภาพอีกแล้วครับท่าน เล่นเอาน้องนักศึกษาที่เป็นมุสลิมโพกศีรษะมานั่งฟังอยู่หัวเราะแทบตกเก้าอี้...อิอิ

        ท่านบอกว่าเตรียม powerpoint มาแต่ไม่มีเครื่องฉายก็เลยขอใช้ powerพระ ก่อนแล้วกัน ฮา...หลวงพี่พูดถึงบรม และบวร เอามารวมกันเป็นบรมบวร แปลได้ดังนี้ บรม แปลว่าอย่างยิ่ง บวร แปลว่าประเสริฐ เมื่อเอามารวมกันจึงแปลว่าประเสริฐอย่างยิ่ง (ความจริงผมรวมเป็น บรวม...อิอิ) แต่มันจะประเสริฐได้มันจะต้องประสานกันก่อน ถ้าประสานบ้านวัดมัสยิดหรือรวมวัดเข้าไปด้วยได้ สังคมก็จะอยู่อย่างสันติ แต่บางครั้งการที่จะสอนคนก็ต้องใช้ความเมตตา สอนด้วยความอ่อนโยนเพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างแท้จริง หลวงพี่จึงเล่านิทานให้ฟังว่า

        ที่วัดแห่งหนึ่งมีเจ้าอาวาส กับเจ้าจุกศิษย์วัดตัวกะเปี๊ยก ที่วัดจะมีญาติโยมมาทำบุญอยู่บ่อย คุณนายลิ้นจี่ก็เป็นคนหนึ่งที่เอาของมาถวายเจ้าอาวาสเป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่งหลวงพ่อเจ้าอาวาสออกไปธุระ คุณนายลิ้นจี่เอาผ้าไตรมาถวายไม่เจอกันก็ฝากเจ้าจุกไว้ พอหลวงกลับมาถามว่ามีใครมาบ้าง เจ้าจุกก็รายงานว่ามีคุณนายลิ้นจี่มา หลวงพ่อก็ถามว่าแล้วโยมเอาอะไรมาบ้างล่ะ เจ้าจุกก็ตอบว่าผ้าไตร แล้วก็นั่งเฉย

        หลวงพ่อเห็นเจ้าจุกทำเฉยก็พูดขึ้นว่าก็ประเคนสิ  แล้วมองหน้าเจ้าจุก แล้วมองผ้าไตร เจ้าจุกก็งง มองหน้าหลวงพ่อแล้วก็มองผ้าไตร ไม่เข้าใจ หลวงพ่อก็เลยเดินไปหยิบผ้าไตรแล้วฟาดไปที่หัวเจ้าจุกเบา แล้วพูดว่านี่ประเคน นี่ประเคน แล้วกราบสามครั้งด้วย เจ้าจุกกราบสามครั้งแล้วก็นึกในใจว่า อ๋อ..ประเคนเขาทำอย่างนี้นี่เอง

        วันรุ่งขึ้นก็ให้บังเอิญว่าเจ้าอาวาสมีธุระต้องออกไปนอกวัดอีก และก็บังเอิญอีกที่คุณนายลิ้นจี่เอาทุเรียนมาถวาย ก็ฝากเจ้าจุกไว้เหมือนเดิม พอเจ้าอาวาสกลับมาจากทำกิจธุระก็ถามเจ้าจุกว่า วันนี้มีใครมาหาบ้าง เจ้าจุกก็ตอบว่าคุณนายลิ้นจี่ครับ เจ้าอาวาสก็ถามว่าแล้วคราวนี้เอาอะไรมาล่ะ เจ้าจุกก็ตอบว่าทุเรียน เจ้าอาวาสก็ไม่ได้นึกอะไร นั่งขัดตะหมาด(ขัดสมาธิ)แล้วก็เอ่ยขึ้นว่า เอา..มาประเคน

        เจ้าจุกหิ้วที่ก้านทุเรียนและมืออีกข้างประคองอีกด้านหนึ่งเดินเข้าไป..เดินเข้าไป..ยกทุเรียนขึ้น...ประเคนไปบนศีรษะหลวงพ่อ แล้วก็บรรจงกราบ ๓ ครั้ง เงยหน้าขึ้นมา...

        หลวงพอชักตาตั้งพร้อมกับเลือดไหลเป็นทาง ฮา.......

        นิทานเรื่องนี้จะสอนว่าอย่างไรต้องติดตามตอนต่อไป...จะนำมาประเคนให้...ฮา...

 

       

หมายเลขบันทึก: 205197เขียนเมื่อ 3 กันยายน 2008 07:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:30 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)
  • สวัสดีครับ
  • มาติดตามอ่านต่อจากตอนที่แล้วครับ
  • อิอิ...แถมมีฮาด้วย
  • จะตามไปฮาตอนต่อไปครับ

สอนไม่บอก..เด็กก็ไม่รู้

เลยโดน..ฮ่าๆๆ

+ อ่านด้วยความเพลิดเพลินค่ะ....

+ มีฮาอีกตังหาก.....สุดยอดค่ะ..

+ ชอบ บรม และ บวร ค่ะ...

+ บางที่คำว่า เข้าใจ เข้าถึง เราคงเป็นฝ่ายเข้าถึงค่ะ

+ แต่อีกฝ่ายไม่ได้เข้าถึง เข้าใจ เราหรอกค่ะ...

+ การจะพัฒนาอะไรต้องเข้าใจ เข้าถึง กันทุกฝ่ายค่ะ....มิใช่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดค่ะ...

สวัสดีครับคุณสิงห์ป่าสัก

เป็นไงครับได้ฮาสมใจไหม อิอิ

ฮ่าๆพี่ไมตรี จะรับประเคนมั่งไหม อิอิ

น้องแอมแปร์ครับ

การเข้าใจ เข้าถึง ต้องอ่านตอนสองครับ หลวงพี่ติ๊กพูดถึงเรื่องนี้เอาไว้เหมือนกัน

เราต้องทำความเข้าใจตั้งแต่ประวัติศาสตร์ดั้งเดิม ความคับแค้นใจที่เขาได้รับมาโดยตลอด และสะสมมาทีละนิดจนกระทั่งเกิดปัญหา และเราก็ต้องยอมรับอีกอย่างด้วยว่าเพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐส่วนหนึ่งเป็นคนก่อและสร้างความไม่เป็นธรรมให้กับเขา ตอนนี้อยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรให้คนที่เขายังคับข้องใจเปิดใจ เหมือนกับที่ชาว G2K เปิดใจกันนั้นแหละครับถึงจะคุยกันรู้เรื่อง ผมบอกได้ว่าหากเราไปเห็นเรื่องราวที่เขาถูกกระทำหลายต่อหลายเรื่อง เป็นเราก็ยากที่จะเปิดใจให้ใครง่ายๆครับ

ตามมาขำกับเจ้าจุกอีกรอบ

เคยเรียนที่ ม.อ.วิทยาเขตปัตตานี มา 4 ปีตั้งแต่ปี 2520 ได้ลงพื้นที่สอนหนังสือให้ลูกหลานชาวมุสลิมในวันหยุด พบว่าประเด็นหนึ่งข้าราชการไม่ได้เป็นมิตรไมตรีต่อชาวบ้านและสังคม และไม่เอื้ออาทร ไม้สะท้อนในการทำงานที่ดี ปัญหามีมานานยาวไกล กอปรกับเจ้านายใหญ่ในพื้นที่ยังไม่หมดค่ะ

ขอลิขสิทธิ์ จำนิทานเรื่องนี้ไปเล่าต่อบ้างนะคะ เอ หากคุณนายลิ้นจี่ถวายเงินมากๆ หนูขอรับประเคนเองนะคะ อิอิ..

สวัสดีครับคุณอัมพร

ผมคุยกับเพื่อนที่เป็นชาวมุสลิมและเรียนด้วยกันที่สถาบันพระปกเกล้าฯ เขาบอกว่าส่วนใหญ่แล้วพอไปรับฟังสรุปข้อเท็จจริงแล้วมักจะรู้ดีว่าต้องทำอย่างนั้นต้องทำอย่างนี้ ไม่รู้จริงหรอกว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ใช่คำถามชั้นเดียว แต่ปัญหามันทับซ้อนหลายชั้น ต้องแก้ไปทีละเปลาะ ที่สำคัญภาครัฐต้องส่งคนที่มีความรู้ความสามารถ คนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ลงไปปฏิบัติหน้าที่ทุกภาคส่วนราชการ ทำไมพล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว, พลตรีพิเชษฐ์ วัสัยจร สองท่านที่ท่านหนึ่งเป็นตำรวจ อีกท่านหนึ่งเป็นทหาร จึงได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่ ทำไมไม่ส่งคนอย่างนี้ลงไปอยู่เยอะๆ ทั้งครู ฝ่ายปกครอง เกษตร สหกรณ์ ที่ดิน ฯลฯ แต่ส่วนใหญ่คนที่จะลงไปอยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็คือคนที่ถูกลงโทษ พวกที่มีคิวอาวุโสอยู่ลำดับหลังสุด เมื่อส่งคนที่ไม่อยากไปไปทำงานก็ทำให้เขาไปสร้างปัญหากับชุมชน ปัญหามันก็ทับซ้อนไปเรื่อย เหนื่อยครับงานนี้ แถมพอเราไปฟังของจริงจากเขาแล้ว โกรธเขาไม่ได้เลย เพราะหากเป็นเรามั่งเรายังไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไร ครับ

สวัสดีครับ อ.อ้อย

มุขหลวงพี่ติ๊กครับไม่ใช่ของผม แต่ตอนนี้ผมเล่าคล่องแล้ว อิอิ ท่านยังตบท้ายด้วยว่า "กรรมใดใครก่อ ทุเรียนนั้นคืนสนอง" อิอิ

ความอ่อนด้อยเชิงยุทธวิธี

วัดปรอทชายแดนใต้

http://www.deepsouthwatch.org

หากเปรียบเทียบในเชิงยุทธศาสตร์ ระหว่างรัฐไทยและขบวนการใต้ดินที่ก่อความรุนแรงชายแดนภาคใต้ ก็จะเห็นถึงความได้เปรียบในทุกด้านของรัฐไทย

ความเป็นรัฐไทยนั้นเหนือกว่าทั้งโครงสร้างกลไกอำนาจรัฐในพื้นที่ แสนยานุภาพทางทหาร สถานะในเวทีการเมืองโลก ด้านนโยบายต่อปัญหารัฐไทยก็มุ่งสู่การสร้างสันติภาพ การพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ขณะที่ฝ่ายใต้ดินมุ่งก่อความรุนแรง

นี่คือความได้เปรียบในเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐไทย ที่ขบวนการใต้ดินมิอาจเทียบได้ ภายใต้ความพรั่งพร้อมทางยุทธศาสตร์เช่นนี้ เหตุใดสถานการณ์จึงยืดเยื้อมานานกว่า 4 ปี และยังมิอาจคาดได้ถึงจุดสิ้นสุดยุติ

ประเด็นที่น่าวิเคราะห์ศึกษาก็คือ ภายใต้ความเสียเปรียบและอ่อนด้อยกว่าในเชิงยุทธศาสตร์ แต่ขบวนการใต้ดินสามารถดำเนินยุทธวิธี ก่อเหตุพลิกแพลงหลากหลาย ความตกตะลึงได้เสมอ แม้จะมิใช่การก่อเหตุที่มุ่งสู่การทำลายล้างกองกำลังฝ่ายตรงข้ามเพื่อนำไปสู่จุดแตกหักทางการทหาร

ดังนั้นเป้าหมายของความรุนแรงที่ขบวนการใต้ดินกระทำอยู่ในขณะนี้คืออะไร

หากใช้ความรุนแรงสร้างความกลัวเพื่อควบคุมมวลชน การควบคุมมวลชนเอาไว้ได้นั้น มีจุดมุ่งหมายอะไร

การสร้างสันติภาพภายใต้นโยบายการเมืองนำการทหารเพื่อสร้างความเข้าใจ ความเชื่อมั่นศรัทธาต่ออำนาจรัฐ ด้วยการเข้าถึงมวลชนในพื้นที่ วันนี้ทำได้แค่ไหน ภายใต้ความรุนแรง ซึ่งทำให้คนทำงานการเมืองสร้างความเข้าใจกับประชาชนก็หวาดกลัว ประชาชนซึ่งอยู่ในพื้นที่ก็หวาดกลัว

วันนี้ความน่าสะพรึงกลัวจึงอยู่เหนือทุกสิ่ง การพัฒนาเครื่องมือสำคัญของการทำงานการเมืองพลิกฟื้นศรัทธาเชื่อมั่นต่อรัฐ เดินหน้าไปไม่ได้ก็เพราะความรุนแรง

วิธีการก่อความรุนแรงที่พัฒนารูปแบบใหม่อยู่เสมอ เป็นการทำให้รัฐตกเป็นฝ่ายตั้งรับทางยุทธวิธี เพื่อสกัดกั้นและทำลายหนทางยุทธศาสตร์การสร้างสันติภาพ ความสงบสุขของรัฐหรือไม่ และภายใต้ภาวะเช่นนี้รัฐจะกำหนดยุทธวิธีเพื่อบรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ได้อย่างไร

ยุทธศาสตร์การสร้างสันติภาพของรัฐไทยกำลังถูกท้าทายด้วยความรุนแรง

ที่กล่าวมานี้สะท้อนจากสิ่งที่ผ่านมา หน่วยงาน องค์กร คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาชายแดนภาคใต้ ต่างก็ได้ผลิตข้อเสนอ จัดทำนโยบายแผนแม่บทการแก้ไขปัญหามาแล้วเป็นจำนวนมาก แต่สถานการณ์ก็ยังอยู่ในวังวนของความรุนแรง ซึ่งปิดกั้นโอกาสให้แผนงานเหล่านี้ดำเนินไปได้อย่างเต็มที่ จึงยากที่จะประเมินผลได้ว่าแผนงานนโยบายที่กำหนดกันมานั้นถูกต้อง เหมาะสม หรือต้องปรับแก้กันอย่างไร

หากยุทธศาสตร์คือเป้าหมายว่าจะทำอะไร ยุทธวิธีก็คือคำอธิบายว่าจะทำเช่นนั้นอย่างไร

คำตอบของปัญหาชายแดนภาคใต้ ณ ขณะนี้มิใช่การบอกว่าจะทำอะไร เพราะหลายหน่วยงานก็มียุทธศาสตร์ มีแผนแม่บทเตรียมไว้แล้วทั้งนั้น เพียงแต่ทำได้แค่ไหนเท่านั้นเอง ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากขาดแคลนความรู้ที่จะสร้างวิธีปฏิบัติที่เหมาะสม ทั้งระดับบุคคล โครงสร้างทางสังคม และพื้นที่

ฉะนั้นคำตอบที่ถูกเรียกหาในขณะนี้ก็คือ ‘อะไร' ที่จะทำนั้น จะทำกัน ‘อย่างไร' ภายใต้เงื่อนไขความรุนแรง

การเอาชนะทางความคิด การพัฒนาเพื่อแสดงความจริงใจ สลายอคติ ฟื้นฟูความศรัทธาต่อรัฐให้กลับคืนมา และแม้กระทั่งการเฝ้าระวังพื้นที่เพื่อรักษาความสงบสุขเรียบร้อย ปิดกั้นโอกาสการก่อเหตุ

การทำเช่นนี้ได้นั้น จะทำอย่างไร และใครที่จะต้องเข้ามาร่วมทำบ้าง นี่คือคำถามที่กำลังรอตอบ

  • สวัสดีค่ะท่านอัยการชาวเกาะ
  •  ชอบใจคำว่า...สายสะดือ....สายใจ....สายจิต....
  • การอบรมลูกให้มีคุณธรรมเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัว ด้วยนะคะ
  • และชอบใจอีกคำ..บรมบวรค่ะ ...มีลูกฮา...
  • เป็นของแถมอีกตะหาก...5555
  • ขอบคุณสำหรับบันทึกที่เป็นประโยชน์ค่ะ

ขอบคุณบังยุบที่มาเติมเต็มในบันทึกนี้

ผมสนใจวิธีคิดของเพื่อนๆที่เรียนด้วยกัน โดยเฉพาะปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่านอัฮหมัดสมบูรณ์ บังยุบ อ.เสาวณีย์ ท่านแม่ทัพภาค๔ คุณอมรา บังเลาะห์ และหลายต่อหลายท่าน ค่อยเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ท่านอยู่ในพื้นที่ ท่านรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ปัญหาขณะนี้คือจะทำอะไร วิธีทำและทำอย่างไร

ผมเชื่อว่าหากพวกเราช่วยกันแสดงความคิดเห็นบอกผ่านพี่พิเชษฐ์ แม่ทัพภาคที่๔ และโดดลงไปช่วยพี่พิเชษฐ์ให้เต็มที่ เพราะพี่พิเชษฐ์ ไม่ได้ถือปืนลงไปแต่ถือขวด อีเอ็ม ลงพื้นที่ อิอิ เราน่าจะเห็นการพัฒนาที่ทุกคนเกิดความพึงพอใจนะครับ

ขอบคุณ ศน.เอื้องแซะ

อ.เสาวณีย์มีคำดีๆอีกหลายคำครับ แต่ตอนเริ่มบรรยายเสียงไม่ดี และเสียงคนรอบห้องเพราะต่างคนต่างจัดเวทีเลยมีเสียงรบกวนกันบ้าง และลำโพงด้านที่ผมอยู่ไม่ดังเสียข้างหนึ่ง ก็เลยฟังลำบากครับ

ขอบคุณที่ตามมาเรียนรู้ครับ

-สวัสดีค่ะท่านอัยการชาวเกาะ ..

-เกาะอะไรน๊า..ที่ยาวที่สุดในโลก

-ขอบคุณสำหรับสายสะดือ ...สายใจ...สายจิต

-ชอบบรม บวรมากค่ะ

-ถ้าเป็น บวรม จะอ่านอย่างไร

-เคยอยู่ทางใต้ ผูกพันกับโรงเรียนวัดพระมหาธาตุ ดรงเรียนศรีธรรมราชศึกษา

-สุดท้ายขอบคุณที่แบ่งปันความรู้ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท