กิจกรรมจิตอาสาที่ ร.พ.หนองคาย ผ่านพ้นไปแล้วด้วยดี...
ในทัศนะผม ภายใต้ข้อจำกัดต่างต่างนานา ทั้ง
การทำงานร่วมกันของบรรดาทีมงานกว่า ๑๐ คนเป็นคราวแรก ซึ่งแน่นอนว่าต่างก็ไม่มีใครรู้มือใครมาก่อน ไม่รู้ว่าใครถนัดอะไร ทำอะไรได้ดี ฯลฯ
การเดินทางมาจากต่างถิ่นฐาน พบเจอกันก่อนงานจะเริ่มต้นเพียงวันเดียว ซึ่งก็ไม่ครบทั้งหมด การวางแผนงานร่วมกันก็ทำได้ไม่เต็มที่
ผู้เข้าร่วมซึ่งมีทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล ซึ่งทีมงานรู้จักและเข้าใจลักษณะของพวกเขาไม่มากนัก
ทีมงานที่ไปร่วมงาน มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไตไม่มากนัก ฯลฯ
แล้วผลออกมาได้ถึงระดับนี้ ผมว่าประสบความสำเร็จไม่น้อย
ผลที่ได้รับที่ว่าคืออะไร
มีหลายอย่างครับที่ผมมองเห็น อย่างน้อยก็ได้เห็นรอยยิ้ม ความสุขและกำลังใจของผู้ป่วยและผู้ดูแลจากกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น รวมทั้งการได้รับรู้ความทุกข์ยาก ความในใจของเพื่อนคนอื่น ๆ
นอกจากนั้นผมคิดว่าบุคลากรของโรงพยาบาลที่เข้าร่วมหลายคน ก็ได้เรียนรู้และเข้าใจผู้ป่วยรวมทั้งผู้ดูแลมากขึ้นด้วย จากการพูดคุยสะท้อนความรู้สึกในกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่
ที่สำคัญน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นในการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ป่วยและผู้ดูแลในการทำกิจกรรมดี ๆ ได้อีกมากมาย
นี่ยังไม่นับรวมไปถึงการแสดงออกถึงรูปธรรมของ “จิตวิญญาณจิตอาสา” ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริงในสังคมไทย และ “การจัดกิจกรรมจิตอาสา” โดยไม่พึ่งพิงงบประมาณจากรัฐ ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริง
นั่นเป็นสิ่งที่ผมชื่นชม ซึ่งเป็นผลพวงที่ได้รับอย่างคุ้มค่าจากการลงทุนลงแรงเดินทางไปร่วมงานจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่งของประเทศ
ผมไม่อยากชื่นชมอยู่กับความสำเร็จเพียงที่เล่ามาเท่านั้น แต่อยากจะสะท้อนบางสิ่งเพื่อที่จะเป็นบทเรียนสำหรับการดำเนินงานในลักษณะนี้ในครั้งต่อ ๆ ไป ให้สมบูรณ์กว่านี้ แจจะกว่างได้ว่าเป็น AAR ก็ได้
ผมมีข้อสังเกตุและบทเรียนจากงานนี้หลายประการครับ...
(๑) เนื่องจากผู้ป่วยจำนวนมากเป็นผู้สูงอายุ และผลพวงจากการเจ็บป่วยทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงนัก จะลุกนั่งค่อนข้างลำบาก กิจกรรมในช่วงต้นที่มีการขยับใช้ร่างกายจึงไม่สะดวกและสอดคล้องกับสภาพทางกายของผู้เข้าร่วมเท่าใดนัก ผมสังเกตุว่าการมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วมในกิจกรรมช่วงต้นมีไม่มากและไม่ค่อยเต็มใจนัก ผิดกับกิจกรรมที่ตามมาซึ่งลดข้อจำกัดลง กลับเห็นว่าการมีส่วนร่วมเพิ่มมากขึ้น มีความพึงพอใจมากขึ้นจากการทำกิจกรรม ประเด็นนี้บทเรียนก็คือ การเลือกกิจกรรมสำหรับผู้เข้าร่วมอาจต้องพิจารณาหลายแง่มุม
(๒) เท่าที่สังเกตุและพูดคุยกับผู้ป่วยและผู้ดูแล ผมพบว่าคนเหล่านี้เป็นชาวบ้านที่เป็นเกษตรกรและคนระดับล่างซะเป็นส่วนใหญ่ มีเพียงไม่กี่คนที่ดูเหมือนจะเป็นคนชั้นกลาง บรรดากิจกรรมในช่วงแรกโดยเฉพาะในช่วงเช้าแม้จะเป็นกิจกรรมที่ดี แต่กิจกรรมเหล่านี้เป็นกิจกรรมที่เหมาะกับคนชั้นกลางที่มีการศึกษาระดับหนึ่งกระทั่งกลุ่มปัญญาชน ซึ่งเมื่อนำมาใช้กับผู้เข้าร่วมกลุ่มนี้พบว่าไม่ค่อยจะเหมาะสมและสอดคล้องมากนัก
(๓) ต่อเนื่องจากข้อที่สอง ผมพบว่ากิจกรรมที่เรียกร้องความสนใจและน่าจะดึงการมีส่วนร่วมผู้เข้าร่วมได้มาก เป็นกิจกรรมที่สอดคล้องและใกล้เคียงกับวิถีชีวิตของพวกเขา ผมเห็นแววตาสนุก มีความสุข เมื่อได้ยินเสียงแคน หมอรำ กระทั่งการล้อมวงพูดจากกันเองด้วยภาษาของเขาเอง
(๔) เกร็ดเล็ก ๆ แต่ก็มีความสำคัญไม่น้อย ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารในเวทีหากเป็นภษาพื้นถิ่นของเขาเองไม่เพียงช่วยสื่อสารเนื้อหาความหมายได้มีประสิทธิภาพกว่าภาษากลางเท่านั้น แต่ยังช่วยลดช่องว่างได้ไม่น้อย
(๕) ผมคิดว่ายิ่งเรารู้จักกลุ่มเป้าหมายมากเพียงใดก็ยิ่งจะเป็นประโยน์ในการทำงานมากขึ้น ทั้งเรื่องการออกแบบเนื้อหา การออกแบบวิธีการ ฯลฯ ซึ่งคราวนี้ผมคิดว่าเราทำได้ไม่ดีนัก
(๖) ผมมาคิดออกทีหลังว่า สิ่งที่ขาดหายไปในเวทีพูดคุยหารือในกลุ่มผู้ป่วยและผู้ดูแล คือ การเดินหน้าต่อจากวันนี้ หากเป็นไปได้ผมจะเสนอให้มีการพูดคุยกันต่ออีกว่า “พวกเราจะรวมตัวกันหรือจะมีวิธีการใดบ้างที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลระหว่างกัน ?” ซึ่งคำตอบเหล่านี้น่าจะมาช่วยกำหนดวิธีการทำงานของดรงพยาบาลต่อไปได้ด้วย
นี่คือเท่าที่ผมคิดออก ท่านอื่น ๆ ช่วยคิดต่อและนำมาแบ่งปันหน่อยนะครับ...
สวัสดีค่ะ
พอลล่า มีฐานคิดว่า ทุกคน คือมนุษย์ ที่พึงทำกับมนุษย์ค่ะ แค่นั้น นอกนั้น ไม่ได้คิดอะไรมากค่ะ
ทำกิจกรรมกับคนไข้ เป็นครั้งแรกของพอลล่าเหมือนกัน และพอลล่าคิดว่า สิ่งที่พอลล่ายังเข้าไม่ถึงเขา คือ พอลล่าไม่เข้าใจภาษา ทั้งภาษาที่สื่อสารกับเขา และการฟังเขา คำพูดออกจะเป็นวิชาการ มากๆ ต้องมีคนแปล เฮ่อออออออ สู้คนบางคนไม่ได้ เก่ง ๆๆ อิอิ
สวัสดีครับ พี่คิม
หายเหนื่อยแล้วพี่...
งานแรกเหมือนกันครับพี่
สะท้อนแบบนี้ไม่รู้ใครจะคิดยังไงมั่ง
นั่น ๆ มาแล้วล้างล่างนั่นไง
ฮิ ฮิ...
สวัสดีคุณน้องคำหล้า...
เห็นความมุ่งมั่นต้ังใจของน้องแล้วนับถือ ๆ
และชื่นชมกับการชื่นชมการเคารพและให้เกียรติในความเป็นมนุษย์ เป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ ครับ และทุกคนพึงมีทัศนะเช่นนี้
เพิ่มเติมนิดเดียวครับ...
สำหรับพี่มนุษย์เป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน และควรจะเคารพเป็นสิ่งดีงาม
แต่เราก็ต้องเข้าอกเข้าใจและจำแนกแยกแยะ ทั้งนี้มิใช่เพื่อแบ่งแยกเราเขา
แต่เป็นเพราะเราจะปฏิบัติต่อเขาได้เหมาะสมยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะการจัดฝึกอบรม หรือการจัดกระบวนการเรียนรู้ไม่รู้คุยเรื่องเดียวกันหรือเปล่า...
ได้ประโยชน์จากการอ่านบันทึกนี้ค่ะ
แม้ไม่ได้ไป แต่อ่านแล้วเห็นภาพว่า การเลือกกิจกรรม และ ภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร เป็นเรื่องสำคัญ
ยิ่งเรารู้จักกลุ่มเป้าหมายมากเพียงใดก็ยิ่งจะเป็นประโยน์ในการทำงานมากขึ้น ทั้งเรื่องการออกแบบเนื้อหา การออกแบบวิธีการ ฯลฯ
คุณหนานเกียรติทำ AAR ได้ละเอียดละออมากค่ะ
พี่เคยทั้งเป็นผู้จัด ออกแบบกิจกรรม และ ผู้เข้าร่วมกิจกรรม รู้สึกอึดอัดกับบางกิจกรรม และเราก็จะเรียนรู้จดจำเอาไว้ใช้ เวลาที่เราเป็นผู้จัด
การ "ออกแบบ" ทั้ง เนื้อหา และ วิธีการ มีความสำคัญมากจริงๆ ค่ะ ถ้าเราคาดหวัง "การเรียนรู้สูงสุด"
สวัสดีค่ะท่านหนาน...
เรื่องภาษาทีใช้ในการสื่อสารเนี่ย มีความสำคัญมากๆ เลยค่ะ
คนไข้ดาวบางคนบอกอาการหมอเป็นภาษากลางก็อธิบายไม่ถูก ไม่ยอมพูด
แต่พอบอกว่าพูดอีสานได้เท่านั้นละ อธิบายคล่องปร๋อเชียวล่ะค่ะ ^0^
พี่ครับ .... รพ. ให้เขาคิดเองบ้างก็ได้ เขาก็คิดกันอยู่ อิอิ
สนุกจัง ...ชอบค่ะ อยากจัดอีก นะพี่ พี่บอกว่าไม่ต้องทำอะไรทุกอย่างก็ได้ แต่..พอลล่าอยากทำ อิอิ
ขอบคุณมากค่า....
น้องหนาน
พี่ได้นั่งคุยกับคนหลายกลุ่มหลังทำกิจกรรมเรียกว่าAAR กับทั้งจนท. ผู้ป่วย+ญาติ ผู้สังเกตการณ์
แล้วมาติดตามนะ( พี่เองก็เพิ่งฟื้นและงานเข้าทันทีที่เป็นวันจันทร์)
กิจกรรมตอนแรกๆเราก็ลุ้นเหมือนกัน
คนไข้เราชอบการคุยกันค่ะ
คราวที่แล้วพี่เคยจัดเขาบอกว่าเวลาน้อย
แต่คราวนี้เขาบอกว่าสนุกมาก ม่วนหลาย
คงจะไม่ตายแล้ว
สวัสดีครับพี่...
ขอบคุณครับพี่...
ผมถือเป็นหลักการในการจัดฝึกอบรมเลยครับ ต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด
สวัสดีครับคุณหมอ...
การใช้ภาษาเดียวกันช่วยลดช่องว่างได้มากเลยครับ
ผมมีประสบการณ์ทำงานที่ภาคเหนือ
เดิมพูดเหนือไม่ได้ แต่ก็พยายามหัดพูด
เวลาเราพูดภาษาถิ่นเขา แม้จะไม่เหมือนซะทีเดียว แต่ช่องว่างต่าง ๆ ก็ลดลงแยะเลยครับ
ขอบคุณที่แวะมาแบ่งปันครับ
สวัสดีครับพี่นาง
งานนี้ประสบความสำเร็จมากครับ
สำหรับผมเองคุ้มค่ามาก ๆ กับการเดินทางไปร่วม
เสียดายมีเวลาจำกัดครับ ต้องรีบไปรีบกลับ
คราวหน้าจะพยายามจัดการไม่ให้เป็นแบบนี้อีกครับ
จัดอีกนะครับพี่...
กิจกรรมที่จัดให้ แนวคิดที่คุณหนานเกียรติสังเกตเห็นเหมือนที่พี่คิด คนไข้พอใจเสียงแคนหมอลำ และการแลกเปลี่ยน เล่าเรื่องราว ๆ ที่เขาป่วย การดูแล สิ่งดี ๆ การปฏิบัติที่เขาทำได้ผลดี อาการดีขึ้น มาเล่ามาบอกต่อ คนไข้ภูมิใจมากเลยคะ ที่มีชีวิตต่อไปได้อยางที่เขาต้องการ ต่อไปให้คนไข้ญาติที่เป็นแกนนำมาดำเนินกิจกรรมเล่าเรื่องราวถ่ายทอด แล้วให้คุณหมอ ผู้เชี่ยวชาญบรยายสรุปในสิ่งที่เขาเล่าว่าสิ่งไหนที่ปฏิบัติได้ถูก สิ่งไหนที่ปฏิบัติไม่ถูกต้อง ก็จะช่วยให้การส่งเสริมพลังอำนาจของคนไข้และญาติได้ดี แล้วกลุ่มเราเป็นคนส่งเสริมกิจกรรมบันเทิงที่เขาชอบ
มาร่วมรับฟังจิตอาสาเขาคุยกัน เหนื่อยไหมคะคุณพี่หนาน... **^_^**