กลุ่มที่ 3 ได้คิวนำเสนอก่อน เพราะว่ายกมืออาสาก่อนเลย กลุ่มนี้นำเสนอ 2 ท่าน 2 แรงแข็งขันเลยค่ะ เสนอก่อนก็ได้คุยก่อน เพราะว่ายังไม่มีใครเล่าเรื่องอะไร เธอก็เลยเล่ากันอย่างสนุกสนานกันทีเดียว
น้องคนแรกเสนอให้ฟังว่า ภาพรวมของกลุ่ม 3 กิจกรรมที่ได้ทำในปีที่ผ่านมา คือ
และเธอได้เล่าเรื่องของที่ทำเพิ่มเติมว่า
เรื่องโต้วาที ด้วยหัวข้อ "ฟันเทียมหรือฟันแท้แน่กว่ากัน" เป็นโครงการเด่นในปีที่ผ่านมา ได้จัดโต้วาทีกัน และหลังจากนั้นก็สรุปเรื่องของการเปลี่ยนทัศนคติ ทำให้เกิดความรู้ ทำให้ผู้สูงอายุเปลี่ยนจากภาพลักษณ์ที่เขาจะบอกว่า เขาไม่มีฟัน ทำไมต้องให้เขาแปรงด้วย เขาฟันไม่ครบ ทำไมต้องแปรงด้วย ก็เลยใช้เรื่องของการเปลี่ยนทัศนคติตรงนี้
ส่วนของเรื่องเพลงกล่อมเด็ก ที่ชมรมผู้สูงอายุของโรงพยาบาลสิงหนคร เขาได้ไปประกวดเพลงกล่อมเด็ก กับมหาวิทยาลัยมหิดล ที่ศาลายา ได้ตำแหน่งมา และเป็นสมาชิกชมรมผู้สูงอายุ ก็เลยคิดในเรื่องของเนื้อเพลง เอาเนื้อหาของทันตฯ เข้าไปสอดแทรกในเนื้อเพลงกล่อมเด็ก ซึ่งจะมีแผนทำเรื่องนี้ในปีหน้าด้วย
กิจกรรมเรื่อง การลดพฤติกรรมการกินอาหาร คุณอนงค์ (น้องปุก) เป็นพยาบาลวิชาชีพ กลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัวและชุมชน รพ.ทุ่งหว้า มาเล่าให้ฟังค่ะ เธอแนะนำตัวแบบ active มากๆ บอกว่า ครั้งก่อนทำงานฝ่ายการพยาบาล อยู่ห้องฉุกเฉิน ตอนนั้นหน้าตาไม่ได้สวยขนาดนี้ เพราะว่าการรับคนไข้มาที่ ER ก็รู้สึกว่า คิ้วจะขยับเข้าหากันบ่อยๆ ... แต่พอเปลี่ยนงาน มาอยู่กลุ่มเวชฯ ต้องพบปะกับผู้สูงอายุก็รู้สึกว่า เป็นงานที่มีความสุข ... เพราะว่าคนอื่นเขาบอกว่า เบื่อแล้วคนแก่ ทำอะไรก็เชื่องช้า แค่วัดความดัน ชั่งน้ำหนัก ไปยืนที่ไหนรู้ไหมคะ ผู้สูงอายุของเรา ปกติก็ต้องยืนที่วางเท้าของตาชั่ง แต่ผู้สูงอายุบางคนไม่รู้เรื่อง ยืนไปปุ๊บ บนแป้นละคะ พยาบาลก็ตกใจ เพราะว่าเครื่องตาชั่งมีอยู่อันเดียว เสี่ยงค่ะ นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานของเรา ... แหมเธอเล่าอย่างภูมิใจมากเลยละค่ะ
น้องปุกบอกว่ามาช่วยเรื่องทันตสาธารณสุข ของ รพ.ทุ่งหว้า การดำเนินงานของเราร่วมมือกันได้ด้วยดี และเราก็เกือบจะกลายเป็นตัวจริงของเขาแล้ว เธอเล่าว่า รพ.ทุ่งหว้าได้ทำอะไรให้กับผู้สูงอายุบ้างแล้ว ในเรื่องของสุขภาพในช่องปาก นั่นก็คือ
ส่วนที่ทำก็คือ "เรื่อง ผู้สูงวัยไม่กินหวาน" เพราะว่าในชมรมผู้สูงอายุ สิ่งแรกที่เราทำ คือ การจัดอาหารว่างให้กับผู้สูงอายุ โดยจะไม่เน้น เบเกอรี่ หรือ ของหวาน ขนมหวาน น้ำหวาน ... จะตัดทิ้งไปโดยปริยาย จะไม่เอาเสริฟให้กับผู้สูงอายุ โดยจะเปลี่ยนเป็นผลไม้ที่ไม่มีรสหวานจัด ที่เราหาได้ตามฤดูกาล เอาน้ำสมุนไพร ตะไคร้มีอยู่หลังบ้านพัก หลังแฟลตพยาบาล วันนั้น ก็เอามาตำๆ ทุบๆ เอาไปต้มน้ำให้มีกลิ่นหอม แล้วก็ใส่น้ำตาลน้อยๆ เพื่อให้มีรสอยุ่นิดเดียว คือ อ่อนหวานมากๆ แต่ว่าหน้าตาของคนทำก็จะอ่อนหวาน หมายถึงว่า ดูน่ารัก และเวลาทำจริงๆ เราก็ไม่ใส่น้ำตาลเยอะด้วย
คราวก่อน เคยทำกับผู้สูงอายุ พอผู้สูงอายุชิมปุ๊บ ใส่น้ำแข็งแล้ว แต่มันยังหวาน หว๊านแสบอบ นะ ... ผู้สูงอายุกินแล้วบอกว่า หวานจังเลยนะ น้ำหวานทำไมมันหวานเยอะ นั่นก็เป็นการทำน้ำสมุนไพรครั้งแรก โดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ทั้งๆ ที่เราเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เราก็ได้ประสบการณ์
พอดีพี่สาเอาโครงการนี้มา ก็คุย และบอกให้เขาฟังว่า ถ้าเรากินหวานเยอะ มันจะเสี่ยงต่อความดัน เสี่ยงต่อเบาหวาน เสี่ยงต่อคอเลสเตอรอล ให้ผู้สูงอายุเข้าใจ และตอนนี้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่หมด ให้ผู้สูงอายุอ่อนหวาน
ตอนนี้ รพ.ทุ่งหว้า ก็ทำโครงการองค์กรไร้พุง ด้วย สสจ. ทำโครงการ และ ผอ.รพ. ก็ทำโครงการนี้ด้วย ... ในผู้สูงอายุจะอ้วน วัดรอบเอวได้ ผู้หญิงเกินกว่า 80 ซม. เกินกว่า 90 ซม. ก็มี ผู้สูงอายุสูง 145 ซม. แต่น้ำหนักกับรอบเอว รวมแล้วเกินไปหลาย ซม. มาก เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราทำให้ คือ ให้อาหารว่างสำหรับผู้สูงอายุ ลดหวาน ให้ความหวานน้อยลง จะเป็นการลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ความดัน และหลอดเลือดหัวใจ กับเขาได้ โดยเฉพาะที่เราเน้นอยู่ในตอนนี้ คือ เรื่องของสุขภาพในช่องปาก และเน้นเรื่องการแปรงฟัน ตรงนี้เป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจ ว่า สามารถลดในการฟันผุให้เขาได้ เหงือกก็จะสวยงาม ถึงแม้จะไม่มีฟัน
นี่ก็เป็นเรื่องเล่าของกลุ่มแรก ที่มือไวยกนำเสนอได้ก่อนเพื่อนค่ะ
ไม่มีความเห็น