วันหนึ่งที่ฉันนั่งดูทีวีที่ปกติไม่ใคร่ได้ดู มีรายการหนึ่งกำลังเผยแพร่เหตุการณ์ตามล่าหาคนที่ออกกำลังกายได้เร้าใจ และถ้าพบคนๆนั้นจะได้รับรางวัลจากรายการ อยากให้ลองเดาดูก่อนอ่านบันทึกนี้ต่อไปว่า อย่างไรคือการออกกำลังกายที่เร้าใจ
ปรากฎว่าคนที่ได้รับรางวัลนี้ เป็นแม่ค้าขายส้มตำอยู่ที่ซอยๆหนึ่ง ความเร้าใจอยู่ที่เธอตำส้มตำไป เปิดเพลงฟังไป และในระหว่างตำส้มตำเธอไม่อยู่นิ่งเลย เปล่าเลยถ้าท่านกำลังคิดว่า ส่วนที่ไม่อยู่นิ่ง คือ มือ 2 ข้าง ส่วนที่ไม่อยู่นิ่งของเธอ คือ ขาค่ะ ขาทั้ง 2 ข้าง เธอตำส้มตำไปพร้อมๆกับเต้นรำค่ะ เต้นในท่าตำนั่นแหละค่ะ แต่ครกอยู่บนรถเข็นนะค่ะ และเธอก็มีความสุขนะค่ะ ไม่อายใครเลย ลูกค้าก็ไม่หัวเราะเธอด้วย
นักจัดรายการสัมภาษณ์ว่า เธอคิดยังไง ที่เปิดเพลง เต้นและตำส้มตำไปด้วย เธอบอกว่าเธอชอบฟังเพลง พอฟังแล้วใจมันสนุก เท้าก็เลยพาไป เหนื่อยได้เหงื่อดีด้วย กลับบ้านแล้วไม่เคยปวดเนื้อ เมื่อยตัวเลย และไม่เคยไม่สบาย
เมื่อฉันเข้าใจหลักออกกำลังกายด้วยเป้าหมายสุขภาพต่างๆแล้ว นึกถึงคำแก้ตัวก่อนๆของฉันที่กล่าวว่า ไม่มีเวลา แล้วมานึกถึงเรื่องของเธอได้ ฉันก็ปิ๊งแว๊บทันทีว่า เออ! นี่แหละการออกกำลังกายที่ไม่เห็นต้องการเวลาเลย แทรกในกิจกรรมประจำวันให้เป็นก็ได้ออกกำลังกายแล้ว
คุณโทนี่ ชาวแคนาดาที่ทำให้เมืองไทยรู้จัก HA เป็นอีกคนหนึ่งที่ทำให้ฉันได้เรียนรู้วิธีแทรกการออกกำลังกายในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องการเวลาพิเศษ เวลาคุณโทนี่ไปเยี่ยมร.พ. เมื่อจะพาขึ้นลิฟท์ เขาจะถามว่า ตึกนี้มีกี่ชั้น ฉันตอบว่า มี 4 ชั้น เขาจะไม่ยอมเข้าลิฟท์ และบอกว่า ขอเดินขึ้นบันได และยอมลงกลับมาด้วยลิฟท์ ในครั้งแรก พรรคพวกคิดว่า สงสัยพี่แก อยากจะเห็นชั้นที่เราจะไม่พาเดินผ่านกระมัง มาตอนหลังจึงถึงบางอ้อว่า เขาต้องการหาโอกาสออกกำลังกายให้ตัวเอง เพราะเขาก็มีโรคประจำตัว
สองตัวอย่างนี้ เป็นรูปแบบของการออกกำลังกายในชีวิตประจำวันที่ง่ายมาก ไม่เห็นต้องเต้นแอโรบิกหรือเล่นกีฬาที่ทำยากกว่าและต้องหาเวลาพิเศษไปทำเลย
เคล็ดลับที่คุณโทนี่ใช้ขาขึ้นเดินขึ้น ขาลงลงลิฟท์ มีคำอธิบายว่า ขาขึ้นได้ออกแรงในระดับแอโรบิกสะสมเป็นทุน ส่วนขาลงใช้ลิฟท์ ข้อก็ไม่เกิดแรงกระแทกจากการเดินลงต้านแรงโน้มถ่วงไม่ทันแล้วก่อผลให้ข้อบาดเจ็บ
17 มกราคม 2551
ไม่มีความเห็น