การจัดกิจกรรมค่ายภาษาอังกฤษของฉันที่ผ่านมาตั้งแต่
ยังไม่มีพรบ.การปฏิรูปการศึกษาเกิดขึ้น
วัตถุประสงค์ของการจัดก็เพียงเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ด้านทัศนคติขึ้นในตัวเด็กน้อยที่ห่างไกลจากโอกาส
ไม่ว่าจะเป็นโอกาสได้เรียนรู้จากครูที่จบเอกการสอนภาษาอังกฤษโดยตรง
หรือโอกาสที่จะได้จะมีกิจกรรมเหมือน เหมือนโรงเรียนที่มีความพร้อม
เมื่อได้พยายามหาโอกาสให้มี ให้เกิดขึ้น
โดยหวังเพียงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านทัศนคติ
ของผู้เรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในโรงเรียน
ความฝันของฉันก็คือ
เด็กน้อยของฉันทุกคนจะเป็นเด็กที่มีทัศนคติบวกกับการเรียนรู้ภาษา อย่างน้อยความ
รู้สึกดีๆนี้จะเป็นเชื้อที่คอยจุดไฟใฝ่รู้ใฝ่เรียนให้สว่างขึ้นในใจพวกเขา
ให้ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความเชื่อมั่นว่าเขามีโอกาสเหมือนคนอื่น
ในครั้งนั้น และครั้งต่อๆมาจึงได้ใช้งบประมาณส่วนตัว
ดำเนินการจัดกิจกรรมค่ายแบบพอมีพออยู่พอสมควรกับสภาพ พอถูไถไปได้
โดยนำนักเรียนเก่งมาฝึกให้เป็นพี่เลี้ยง แล้วพี่เลี้ยงให้ช่วยเรื่องกิจกรรมฐาน
ปีต่อมานักเรียนกลุ่มนี้จบไปเรียนต่อมัธยมประจำจังหวัด
และมีความสามารถเรียนวิชาภาษาอังกฤษได้ดี
จึงได้เอาเด็กกลุ่มนี้มาทำความเข้าใจและสอนการจัดกิจกรรมฐานให้
ส่วนนักเรียนที่เรียนภาษาไม่เก่ง แต่สามารถร้อง รำทำเพลงได้
ก็มาข่วยเรื่องนันทนาการในค่าย ช่วยเป็นพี่เลี้ยงไม่ให้น้องซนเกินเหตุ
รวมทั้งช่วยเป็นหูเป็นตาแทนครู
ปีที่สาม ได้พบกับอ.เดวิด โรงเรียนรากแก้ว ซึ่งเคยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้ลูก
เมื่อครั้งเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา
จึงได้เอ่ยปากขอครูชาวต่างประเทศมาช่วยงานค่าย โดยแนวทางการจัดค่ายนั้น
ได้จัดให้มีนิทรรศการผลงานภาษาอังกฤษของนักเรียน
และกิจกรรมเกม และเพลง ให้นักเรียนนำเสนอผลงาน
ซึ่งก็เป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น ครูฝรั่งเองก็พยายามทำความเข้าใจ
เด็กๆก็กระตือรือร้นที่จะฝึกพูด ฝึกอ่าน และเขียน
ทำเช่นนี้มาสามปี ก็เริ่มเบื่อเพราะ
มันเหนื่อยกาย เหนื่อยกระเป๋า แล้วต้องมาเหนื่อยใจอีก
รวมทั้งไม่สามารถสะท้อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการบริหารจัดการ
แต่ก็ยังโชคดีที่มีผู้ปกครองสนับสนุนรับผิดชอบค่าอาหารของลูก
ได้คุยแลกเปลี่ยนกับอาจารย์เดวิด และเพื่อนต่างประเทศ
ที่เข้ามาช่วยเหลือและส่งอาสาช่วยสอนหนังสือในโรงเรียน
ก็จับมือกันทำใหม่ เปิดรับเด็กนอกเวลาโดยทำEnglish today ในวันเสาร์และอาทิตย์
จะได้สบายใจกันทุกฝ่าย ไม่มีใครเห็ฯความสำคัญของการจัดกิจกรรมค่ายภาษาอังกฤษ
เราก็ไปจัดข้างนอกโรงเรียน ไปอาศัยสถานที่ของโรงเรียนมัธยมพันท้ายนรสิงห์
ที่อยู่ในชุมชนจัดกิจกรรม ผู้ปกครองคนไหนสนใจก็ส่งลูกมา
ครั้งนั้นได้เด็กร่วมกิจกรรมมากถึง 60 คน อ.เดวิด และคณะ
ก็หอบถุงอุปกรณ์สำหรับเรียนรู้กลางแจ้งมา 4 ถุง
แถมอาหารกลางวันแบบเมริกันมาเลี้ยงเด็กๆอีก
เราก็ถูกตำหนิว่าทำอะไรไม่เห็นให้ครูในโรงเรียนรู้เลย
ทั้งๆที่เราทำมาในโรงเรียนก็ไม่เห็นใครในโรงเรียนอยากรู้เรื่องเลย
เราก็ชี้แจงว่าว่าเป็นเรื่องของการให้ชุมชนจากจิตอาสาเท่านั้นเอง
และเราไม่ได้ใช้งบใดๆของโรงเรียน
ต่อมาทางโรงเรียนอนุญาตให้จัดค่ายอีกครั้ง
แต่ไม่พูดเรื่องค่าใช้จ่ายใดๆ เราก็ทำกันแบบใช้งบตัวเองจัดให้เด็ก
ต่อจากนั้นเอาครูอาสาเข้ามาช่วยสอนไม่ได้ใช้งบในการดำเนินการจากโรงเรียน
ยกเว้นให้ครูต่างประเทศอาศัยกินข้าวกลางวันด้วยเท่านั้น
ทำอย่างนี้มาอีก สามปี ฝรั่งเบื่อและเหงา
ก็พอดีได้รับเชิญจากพี่ศน.ที่นับถือท่านหนึ่งที่เคยมาเป็นประธานค่ายให้ถึง 3 ครั้ง
ให้ร่วมทำงานการจัดกิจกรรมค่ายภาษษอังกฤษให้ครู 3 ครั้ง
และนักเรียนระดับประถม 1 ครั้ง มัธยมต้น 1 ครั้ง และมัธยมปลาย 1ครั้ง
ในครั้งนั้นทำหน้าที่วิทยากรจัดกิจกรรมเกม และเพลง
และเป็นผู้ประสานการทำงาน พร้อมดูแลให้ความสะดวกกับวิทยากรต่างประเทศ
งานนี้ฝรั่งชอบเพราะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับครูภาษาอังกฤษที่มีวิสัยทัศน์กว้าง
รู้และเข้าใจวัฒธรรมของเขา รู้เขารู้เรา
เพื่อนบ้านก็ชอบใจ สายสัมพันธ์และความรู้สึกอยากช่วยเด็กขาดโอกาส
โรงเรียนขาดครูเอกอังกฤษจึงกลับมาอีกครั้ง
ปีที่ 7 ได้รับความเมตตาจากท่านผอ.เขต อนุมัติงบประมาณจำนวนหนึ่ง
ให้ดำเนินการจัดค่ายภาษาอังกฤษของโรงเรียน
ในปีนี้เป็นปีแรกที่มีอาสาสมัคร และครูต่างประเทศ
เข้ามาร่วมจัดกิจกรรมค่ายมากถึง 12 คน
และเป็นปีแรกที่เอานักเรียนไปพักค้างนอกโรงเรียน
และเป็นครั้งแรกของการจัดค่ายภาษาอังกฤษที่ใช้งบมากที่สุด
ระหว่างการทำงานค่ายควบคู่กันไปนี้
และได้เห็นรูปแบบการจัดการเรียนการสอนของครูต่างประเทศ
ต่อจากนั้นได้ติดต่ออาสาสมัครจากต่างประเทศโดยผ่านทางเพื่อนชาวอเมริกัน
และยังได้จัดส่งอาสาต่างประเทศไปให้เพื่อนโรงเรียนใกล้เคียง และต่างอำเภอ
เพราะหลังจากนั้นก็มีอาสาสมัครมาช่วยฉันมากเกินกว่าที่จะรับได้
ปีต่อมาสพท.ส่งไปอบรม และกลับมาทำงานด้านการพัฒนาการจัด
การเรียนการสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนร่วมกับศูนย์ERIC และสพท.สค.
กิจกรรมค่ายภาษาอังกฤษในโรงเรียนปีต่อมาจึง
เริ่มได้รับงบค่าอาหารเลี้ยงวิทยากรต่างประเทศเป็นเงิน 2,000บาท
ที่นอกเหนือจากนั้นก็...รับผิดชอบเองหมดเหมือนเคย
ปีต่อมาทำDay Camp โรเงเรียนไม่ต้องจ่ายงบเพราะไปเช้าเย็นกลับ
ปีที่ผ่านมานี้มีนักเรียนจากต่างโรงเรียนมาร่วม 3 โรงเรียน
ก็เชิญน้องดร.ขจิต ฝอยทอง มาช่วย 1 วัน
สำหรับปีนี้ก่อนจะถึงวันเข้าค่ายได้จัดกิจกรรมEnglish today
โดยมีอาสาสาสมัคร จาก UK และUSA มาช่วยกระพือ กระตุ้น
และหลังจากนี้ หากมีอาสาสมัครชาวต่างประเทศมาช่วยอีก
ก็นับว่าเป็นบุญของเด็กแล้ว
การจัดค่ายครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากน้องๆผู้เคยมีประสบการณ์ความสำเร็จจาก
การทำค่ายเยาวชน และค่ายภาษาอังกฤษมาร่วมเป็น staff
ซึ่งจะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 13 -14 กันยายน 2553
ณ ค่ายภาษาอังกฤษโรงเรียนสหกรณ์นิคมเกลือ
ที่สุดของงานคือกองทัพเดินด้วยท้อง
ผู้บริหารโรงเรียน ผอ.คนปัจจุบัน จึง กรุณาอนุมัติงบให้ 15,000 บาท
วางแผนการใช้งบแล้ว ตั้งใจเบิกไม่เกิน 9,000 บาท
ก็จะใช้จ่ายอย่างประหยัดที่สุดโดยมีนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6 จำนวน 96 คน
อาหาร 4 มื้อ เบรคไม่ต้องใช้ อาหารวิทยากร 4 คน และครูพี่เลี้ยง 7 คน
ซึ่งเป็นปีแรกที่ขอความร่วมมือจากครูและบุคลากรในโรงเรียน
ช่วยเป็นพี่เลี้ยงกลุ่ม และเป็นเพื่อนเฝ้าระวังเด็กน้อยยามค่ำคืน
รวมทั้งแบ่งมาช่วยคุณครูฉวีวรรณ ทำอาหารเลี้ยงเด็กนักเรียน 2 วัน 1 คืน
ที่ผ่านมาเราได้ครูในกลุ่มโรงเรียน และอาสาสมัครช่วยเป็นพี่เลี้ยง เป็นวิทยากร
ปีนี้ไม่ได้เชิญโรงเรียนอื่นมาร่วม
และตั้งใจว่าจะเป็นการจัดค่ายภาษาอังกฤษให้กับโรงเรียนที่สอนอยู่นี้เป็นครั้งสุดท้าย
ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น คงต้องรอดูต่อไป
ดูกิจกรรมค่ายยอดฮิตที่เด็กๆชอบแม้นำไปเล่นและเรียนในชั้นเรียนก็ยังสนุก
ไม่มีความเห็น