คนเรามีความเก่งอยู่ในตัวกันทุกคนอยู่แล้ว เขาพากันเรียกว่าเรามีอัจฉริย แต่ก่อนเรียกว่าคนมีปัญญา(Wisdom) พัฒนามาเรียกชื่อใหม่เป็นไอคิว คนเรามีอัจฉริยด้วยกันทุกคนจริงๆ เพียงแต่ว่าเราได้นำความเป็นอัจฉริยในตนเองออกมาใช้แค่ไหน
ยามที่เราถูกงูพิษกัดแพทย์ใช้สิ่งเยียวยารักษาเราโดยการใช้เซรุ่มจากพิษงูมาช่วยแก้พิษ ยามชีวิตมีปัญหาเมื่อหาหนทางแก้ไขเราก็ควรหัดมองปัญหาเป็นสิ่งท้าย เอาปัญหาเป็นเครื่องท้าทาย เอาเป็นหาแก้ปัญหาคือเรียกว่าหนามยอกก็หนามบ่ง การแก้ไขปัญหาอาจสิ้นสุดที่ความเจ็บปวด แต่การไม่แก้ปัญหาคุณจะเจ็บปวดและทุกข์ใจตลอดชีวิต
ชีวิตเรามีทั้งถูกตำหนิ มีทั้งถูกสรรเสริญ มีทั้งผิดหวัง มีทั้งเจ็บป่วย เราจะมองชีวิตอย่างไรในยามที่ชีวิตติดลบ ท่าน ว.วชิรเมธี ได้เขียนไว้ใน คอลัมน์ Dhamma Intrend เป็นข้อคิดว่าคนเราถ้ามองทางลบชีวิตก็จะติดลบคือหาความสุขไม่ได้เลยทีเดียว ถ้ามองในแง่บวก ชีวิตก็จะเป็นสุขคือเป็นวัคซินป้องกันโรคทุกข์ งั้นมาดูคำแนะนำจากท่านพระบ้าง เพื่อใหชีวิตมีสุขท่านสอนให้มองชีวิตในทางบวก คิดทางบวกชีวิตก็บวก เวลาเจอปัญหาท่านแนะนำเอาไว้ดังนี้...
๑. เจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ หัดทำงานให้เป็น ทำงานให้ละเอียด ทำอะไรให้มีหลักการ ศึกษาคนที่เคยทำงานแบบนี้มาก่อนว่าเขาทำอย่างไร เลียนแบบในสิ่งที่ดี ใช้คนเป็นมอบงานให้เหมาะสมกับบุคลากรเหมือนได้ปลามาตัวใหญ่ตัวกลางตัวเล็กจะทำอะไรจึงจะเหมาะสมกับขนาด
๒.เจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ ฝึกทำงานเป็นเวลา ตรงต่อเวลา มีความละเอียดละออ
๓.เจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต ทุกข์ทำให้เราได้รู้จักความจริงของชีวิต ทุกข์เพราะสังขาร ทุกข์เพราะไม่มีกิน
๔.เจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (perfectionist) ต้องหัดเป็นคนละเอียดละออ ทำงานไม่ผิดพลาด แก้ปัญหาได้ทั้งเฉพาะหน้าและปัญหาระยะยาว ทำงานทนทานและได้งานมากกว่าคนอื่น ทำอะไรให้ไว้ใจได้ว่าไม่ผิดกฏไม่ผิดอักษร
๕.เจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ คนติอาจเพื่อก่อ ไม่ใช่ยอเพื่อทำลาย รับฟังคำที่เขาพูดทุกคำแล้วน้อมรับมาพิจารณา ฟังเป็นอย่าเพิ่งเถียง แยกให้ออกว่าเขาต้องการอะไร เหมือนอาจารย์สอนดนตรีรู้ว่าเสียงดนตรีมีเสียงอะไรบ้าง
๖.เจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย เขาตำหนิแสดงว่าเขารักจึงตักเตือนเพื่อให้เรากลับตัวกลับใจ และอีกอย่างเรื่องนี้มันเป็นของคู่กับโลกเลย พระพุทธรูปยังโดนติว่าพูดไม่เป็น
๗.เจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต ต้องตั้งสติคิดว่าไม่มีใครไม่เคยผิดหวัง อยู่ที่ว่าผิดหวังแล้วใครตั้งสติได้ดีมากกว่ากัน ไม่เชื่อถามคนข้างๆว่าเคยผิดหวังไหม ไม่เรื่องเล้กก็เรื่องใหญ่ตอนเด้กอยากกินขนมแม่ไม่มีเงินซื้อร้องไห้อดกินนี้ก็ผิดหวังพียงแต่โตมาความผิดหวังเป็นเรื่องอื่นเช่น งาน เงิน คู่ครอง การไม่เข้าใจกับคนร่วมงาน
๘.เจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี ยมฑูตได้มาบอกเราให้เตรียมตัว ลองคิดสมมติดูซิว่าสมมติว่าตอนนี้เราป่วยอยู่บนเตียง หากเราเป้นอย่างนั้นเราจะทำอย่างไร อะไรที่เราไม่ได้ทำแล้วเราจะเสียดายที่สุด
๙.เจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง การพบก็เพื่อการพราก การพบก้คือจุดเริ่มต้นของการจากกัน เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น
๑๐.เจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง สอนลูกให้เป็น...
๑๑.เจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ ทุกคนแม้รักกันขนาดไหนสักวันก็ต้องทิ้งกันไปเช่นตายจากกันหรืออาจเป็นเพราะสิ่งอื่น งั้นท่องคาถาไว้ "สักวันเราต้องจากกัน"
๑๒.เจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง ถ้าพบกับคนที่มีคู่แล้วแต่เรารักก็ควรห้ามใจ คิดหาคนที่โสดดีกว่า
๑๓.เจอภาวะหลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง มีได้ยศก็ต้องมีหมดยศ อำนาจไม่เคยถาวร ที่สำคัญเวลามียศอย่าทำยศให้เป็นอัปยศก็พอ
๑๔.เจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม เมื่อเจอคนกะล่อน จงเข้าใจทันอย่าได้หลงเชื่อง่ายๆ
๑๕.เจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์ ห่างคนเลวให้ห่างสักร้อยกิโลเมตร ห่างหมาดุห่างสักสี่สิบเมตรก็ปลอดภัย
๑๖.เจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด ฉะนั้นป้องกันไว้ อย่าขับรถไปตำเขา อย่าให้เขาตำ และอย่าขับไปตำกัน ปลอดภัยครับ
๑๗.เจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบที่ว่า "มารไม่มีบารมีไม่เกิด" เคยใช่ไหมที่เราทำถูกยังโดนแกล้งสารพัดจงเข้มแข็ง ให้ยืนอยู่ด้านความถูกต้อง มองหน้าจะได้มีหวัง มองหลังจะได้ภูมิใจ
๑๘.เจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม "ในวิกฤตย่อมมีโอกาส" บางทีดชคร้ายที่เราเจอนั้นอาจทำห้เราพบเพื่อนดี และคนดีอีกหลายคนเปิดใจรับดู
๑๙.เจอความจน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต เวลาจนอย่าลืมตัวตั้งใจทำมาหากิน หัดอดออม หัดสร้างฐานะเหมือนปลวกสร้างจอมปลวกคาบดินมาทีละนิด ยังเป้นจอมปลวกได้
๒๐.เจอคนตาย ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์.....บุญกุศลคือสิ่งที่อาศัยในยามตายไป
เวลาเจอปัญหาดังกล่าวข้างต้นข้อใดข้อหนึ่ง ไม่รู้ว่าเราใช้ความเป็นผู้มีปัญญาหรือการเป็นผู้มีอัจฉริยะคิดแก้ปัญหาในเชิงบวกได้ถึงครึ่งไหม หากไม่ถึงครึ่งก็อย่าเรียกตนเองว่าเป็นผู้บริหารหรืออย่าแต่งงานเลย เพราะแต่งไปเราก็คงไม่สามารถทำให้ครอบครัวผ่านวิกฤตเพราะชีวิตนี้ยังมีหลายอย่างให้เรารับมือ ถ้าทำไม่ถึงครึ่งก็จำไว้เรายังต้องฝึกฝน
ผู้นำในปัจจุบันมี ๓ แบบคือ นำหน้า (เป็นผู้มีความคิดภาวะผู้นำเต็มตัว) นำก้น (เป็นผู้ทำตามที่ดีคิดเองไม่ได้) นำแด่(ขอพึ่ง ขอตำแหน่ง แต่ตำแหน่งที่ขอทำไม่เป็น) คุณเป็นผู้นำแบบไหนในการทำงานหรือดำเนินชีวิตให้เกิดสุขหรือว่าทุกข์