เขียนฝัน ให้เป็นอักษร : เส้นทางนัก(อยาก)เขียน


ถ้ารู้สึกว่า อยากเขียน จงเขียน, ถ้าจะต้องเรียนรู้ จงเรียนรู้ตนเอง,ถ้าจะต้องถ่ายทอด จงถ่ายทอดโดยปราศจากอคติ

ต้นไม้ ทุ่งนา ป่ากว้าง ...

ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งที่หล่อหลอมผมมาจนเติบใหญ่ หากคุณครูให้วาดรูปหนึ่งรูป ผลผลิตภาพที่ปรากฏส่วนใหญ่จะเป็นภาพทุ่งนา มีภูเขา ดวงตะวันและนกกางปีกบิน

 

นั่นคือ ...จินตนาการในวัยเยาว์ที่ถ่ายทอดผ่านรูปภาพสีเทียนหลากสีสัน สิ่งนั้นเป็นสิ่งแทนคำบอกกล่าวว่าเรามีมุมมองต่อธรรมชาติอย่างไร...ในสายตาเด็กคนหนึ่ง

 Dsc02091

ฝันที่เป็นเหมือนโลกแห่งจินตนาการของเราไม่จบแค่นั้น...

เด็กบนดอยก็ฝันอยากเห็นทะเล หนังสือเรียนที่ปรุเก่า เล่าเรื่อง มานะ มานีไปเที่ยวทะเลที่ประจวบคีรีขันธ์ เรือประมงส่องแสงแวววับ ดุจแสงหิ่งห้อย ชายหาดขาว ลมพัดเย็น มีปูลม นึกภาพตามหนังสือ...ส่วนความฝันของเด็กน้อยนั้นเตลิดลงว่ายล้อคลื่นก่อนหน้านั้นแล้ว

รูปภาพและอักษรในหนังสือ สื่อจินตนาการให้ทำงาน พร้อมผลักดันความฝันให้มีชีวิตชีวา ด้วยความหวังที่โลดแล่น

คงจะดีไม่น้อย หากเราได้เขียนฝันนั้นด้วยตัวเอง...

ฝันที่เป็นตัวอักษร เป็นสิ่งแทนของจินตนาการบนโลกที่รอการค้นพบ

-----------------

ผมเชื่อว่าหลายคน ฝันไว้ว่า อยากมีงานเขียนดีๆเป็นของตนเอง และฝันที่ต่อจากนั้นคือ มีหนังสือที่มีชื่อตัวเองเป็นผู้เขียน...สักเล่ม

ความฝันนั้นไร้ขีดจำกัด แต่หากอยากจะทำความฝันนั้นให้เป็นจริง ก็คงต้องเริ่ม...ผมเชื่อว่าหากเราเริ่มต้นออกเดินทางตามเส้นทางฝัน ปลายทางนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆตามจังหวะก้าวเดินไปข้างหน้าของเรา...หากมีความพยายาม ก็คงถึงหลักชัยในสักวัน

----------------

มีคำถามว่า "จะเริ่มยังไง"

มีแง่มุมดีๆจากนักเขียนมืออาชีพ มาบอกเล่าเส้นทางการเป็นนักเขียนในแบบฉบับของเขา

นักเขียนที่เป็นเจ้าของผลงานรวมเล่ม...สิ่งแทนความฝัน

 

Avatar

คุณสิขเรศ เอี่ยมประชา เจ้าของนามปากกา HyPeR MonKeY นักเขียนในดวงใจ ท่านหนึ่งที่ผมติดตามอ่านความคิดที่ถ่ายทอดเป็นความเรียงอันอบอุ่น

และเขาค้นพบความจริงอย่างหนึ่งว่า "การเขียนหนังสือกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว"

ผมนำบทสนทนาระหว่างผม กับ "พี่เอ"ที่ผมเรียกขานหรือ คุณสิขเรศ เอี่ยมประชา ใน MSN  เป็นเรื่องราวของการเริ่มต้นบนถนนสายนักเขียน ที่เป็นมุมคิดของคนเขียนหนังสือ อย่างน้อยเราก็ได้รู้จักตัวตนเขามากขึ้นจากที่เราอ่านความคิดผ่านหนังสือ

ที่เราทั้งสองคนเรียกมันว่า "เมื่อตัวอักษรทักทายกัน"

ในการเรียนรู้นั้นมี...มิตรภาพ

ในมิตรภาพนั้นมี...ความอบอุ่น

อยากให้ทุกท่านได้สัมผัสความอบอุ่นในบรรยากาศการเรียนรู้ร่วมกันครับ

--------------------

 

Mr.Ake :) says:

เริ่มต้นเขียน งานเขียน หรือ ไม่เรียกงานเขียนก็ได้ เริ่มต้นเขียนเรื่องสักหนึ่งเรื่อง พี่เตรียมยังไงครับ

สิขเรศ says:

ก่อนอื่น เรื่องที่จะเขียนนั้น ต้องเป็นเรื่องที่เรารู้สึกมีแรงบันดาลใจที่จะเล่า คืออยากเล่า เป็นเรื่องที่เราเจอะเจอมาในชีวิต หรือสิ่งใกล้ตัว อย่างแรกเลยคือให้สังเกตความรู้สึกตัวเองว่าเราอยากเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังหรือเปล่า เช่น อยากคุยให้เพื่อนๆฟังหรือเปล่า? ถ้าอยากเล่า ก็ให้เก็บไว้ อย่าเล่า แต่เขียนลงกระดาษแทน

สิขเรศ says:

ถ้าเขียนลงกระดาษแล้ว มีคนมาคุยด้วยระหว่างยังเขียนไม่เสร็จ ก็ห้ามเผลอเล่า ให้เล่าในกระดาษจนหมด อ่านทวน ลบ แก้ไขจนกว่าจะพอใจ จากนั้นค่อยนำที่เขียนนั้นให้ผู้คนที่เราอยากเล่าได้อ่านกัน นั่นแหละมันจะกลายเป็นเรื่องเล่าที่น่าสนใจ และออกอรรถรสมากๆ

Mr.Ake :) says:

หมายถึงให้เขียนเป็น ต้นฉบับก่อน แก้ไข ปรับ จนคิดว่านำเสนอได้เเล้วจึงนำมาเสนอ สื่อสารสู่สาธารณะ

สิขเรศ says:

ใช่ครับ เขียนเป็นต้นฉบับ และปรับแก้ด้วยตัวเอง ก่อนนำเสนอให้คนอื่นอ่าน แต่สิ่งที่ควรเน้นคือ อย่าเกร็งหรือตั้งใจเกินไปตอนเขียน แค่เขียนให้เหมือนการถ่ายทอดด้วยคำพูด เขียนให้เหมือนกับเล่าด้วยปาก มันจึงจะดูเป็นธรรมชาติ

Mr.Ake :) says:

อ่านดูเหมือนกับว่า ต้องเป็นคนชอบที่จะบันทึก ชอบเขียนไดอารี่ ถึงจะเขียนได้ดี

Mr.Ake :) says:

ดังนั้นผมต้องขออนุญาตถามก่อนนะครับ ว่า คุณสมบัติ นักเขียน ไม่ว่าสมัครเล่นหรือมืออาชีพ น่าจะมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง

สิขเรศ says:

ไม่หรอกครับ การเล่าเรื่อง กับไดอารี่ มีจุดแตกต่างอยู่ เพราะไดอารี่มักจะเล่าถึงเหตุการณ์ของวันนั้น เหตุการณ์ปัจจุบัน ไร้การผูกโยงกับเรื่องราวอื่นๆ

สิขเรศ says:

คุณสมบัตินักเขียน คือช่างสังเกต รู้จักเป็นผู้ฟังที่ดี ฟังแล้วรู้จักคิดไม่ใช่รับมาอย่างเดียว อะไรสงสัยต้องไถ่ถาม ไถ่ถามแล้วอย่าเชื่อในทันที นอกจากจะมีข้อมูลอยู่บ้างแล้วมีเหตุผลดีพอ หรือผู้พูดน่าเชื่อถือ หรือ % ส่วนใหญ่ที่เขาเคยพูด เชื่อได้ ค่อยเชื่อ แต่ก็ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วย นักเขียนควรมีความรู้รอบตัวเยอะ และหาข้อมูลอ้างอิงเสมอ สำหรับเรื่องที่ได้ยินมา หากได้ยินมา เล่าต่อทันทีไร้ข้อมูลอ้างอิงมักเป็นข้อมูลที่ผิด และปราศจากที่มา

Mr.Ake :) says:

ผมเคยอ่านกว่าจะมาเป็นนักเขียนของ นักเขียน ชื่อดังหลายท่าน บอกว่า ต้องเป็นคนชอบอ่านหนังสือ เพราะ "อ่านหนังสือมากๆ ทำให้เราไม่ขัดสนถ้อยคำ"  นี่คงเป็นคุณสมบัติพื้นฐานเลย

สิขเรศ says:

เอาเป็นว่าชอบอ่านดีกว่าครับ อย่าจำกัดแค่หนังสือเลย มีเรื่องราวมากมายที่เราอ่านได้มากกว่าในหนังสือ เช่นอ่านจากผู้คน

Mr.Ake :) says:

ครับ "อ่านจากผู้คน" นี่น่าสนใจมาก พี่ช่วยอธิบายเพิ่มเติมสักหน่อยได้ไหมครับ

สิขเรศ says:

ผู้คน ล้วนมีเรื่องราว หนังสือเล่มนึงอธิบายชีวิตคนทั้งชีวิตไม่ได้ แต่คนๆนึง มีเรื่องราวทำเป็นหนังสือได้นับร้อยเล่ม การอ่านคนออก เข้าใจผู้คนรอบตัว ทำให้เราไม่หมดเรื่องราวที่จะถ่ายทอด รู้จักสังเกต ก็ไม่จนต่อหนทางและเรื่องราวที่จะเขียน

Mr.Ake :) says:

หมายถึง ต้องมีความรู้เชิงจิตวิทยา และ จิตวิเคราะห์ ด้วยแบบนั้นหรือเปล่าครับ?

สิขเรศ says:

คือสังเกตผู้คน แม้แต่การสังเกตตนเอง จะพบว่ามีเรื่องราวและแง่คิดมากมาย ที่ถ่ายทอดออกมาให้คนอื่นได้แง่คิดดีๆได้ การเขียนที่ดี ต้องให้แง่คิดต่อผู้คน ไม่ถึงขนาดต้องมีความรู้เชิงจิตวิเคราะห์ครับ แค่ "เข้าใจ" คำนี้คำเดียวก็ทำให้เราเขียนอะไรได้มากมายแล้วครับ

 สิขเรศ says:

ทำความเข้าใจกับสิ่งรอบข้าง หาเหตุผลว่าทำไม

สิขเรศ says:

ทำไมคนนี้จึงเศร้า

สิขเรศ says:

ทำไมคนนั้นจึงอยากฆ่าตัวตาย

สิขเรศ says:

ทำไมคนนู้นถึงยิ้มได้ทั้งวัน

Mr.Ake :) says:

หากเรา "เข้าใจ"  ทำให้ เรา "เข้าถึง" ตัวตนของเขา

สิขเรศ says:

ทำไมคนนั้นจึงไม่เคยมีความสำเร็จในชีวิตเลย หาเหตุผล และเข้าใจ

สิขเรศ says:

ใช่ครับ นักเขียน ต้องเข้าใจตัวเองให้ได้ก่อน ก่อนจะเข้าใจคนอื่น

Mr.Ake :) says:

พื้นฐานการคิดของผู้คน ว่าเขาแสดงออกมาแบบนั้น ฐานคิด เขาเป็นอย่างไร หากผมจะเขียนแบบนี้ ใช่หรือไม่ครับ

สิขเรศ says:

ส่วนหนึ่ง ใช่ครับ

สิขเรศ says:

ไม่อย่างนั้นเราจะไม่สามารถบอกให้คนอื่นเข้าใจ หรือเชื่อสิ่งที่เราบอกได้

Mr.Ake :) says:

ผมเห็นด้วยครับว่า เรื่องราวของผู้คน น่าสนใจมาก มีเรื่องเล่ามากมาย และมีแง่มุมที่นำมาร้อยเรียงได้อย่างไม่รู้จบ อยู่ที่ว่าเราจะนำมุมไหนของเขาออกมาเล่า

Mr.Ake :) says:

ที่สังเกตงานเขียนของพี่ จะออกแนว "ความรู้สึก" และ "อารมณ์" ที่เป็นวิถีชีวิต

Mr.Ake :) says:

ส่วนใหญ่นะครับ

สิขเรศ says:

ใช่ครับ ส่วนใหญ่ ผมดึงความรู้สึกข้างในของผู้คนออกมาเปิดเผย ไม่ใช่แค่เปลือกนอก

Mr.Ake :) says:

เป็นความจริงของชีวิต นำมาเล่า ผสานความรู้สึก อารมณ์ของผู้เขียน แบบนี้ผู้เขียนต้องวางตัวเป็นกลาง หรือ IN ไปกับเรื่องราวของเขาครับ

Mr.Ake :) says:

หรือ วางตัวแบบ อุเบกขา ( Equanimity)

สิขเรศ says:

ผู้เขียนต้องวางตัวเป็นกลาง เสนอแง่คิดหรือทัศนคติของตัวเราลงไปด้วย โดยไม่โน้มเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งซะทีเดียว แม้เสนอความคิดที่เป็นส่วนตัว แต่วิธีการเขียนก็เปิดกว้างให้คนอื่นได้คิดต่างด้วยครับ

Mr.Ake :) says:

เหมือนการ แลกเปลี่ยนความคิด ความรู้สึก อารมณ์ พื้นฐานของมนุษย์

Mr.Ake :) says:

พี่เอคิดว่างานเขียน ไม่ว่าจะสั้น ยาว ที่เป็นความเรียงชิ้นหนึ่ง จุดที่น่าสนใจ อยู่ตรงไหนครับ...เพราะเรามักจะเห็นว่า งานเขียนชิ้นนี้มีเสน่ห์น่าอ่านมาก แต่อีกชิ้น อ่านแล้วกลับรู้สึกเฉยๆ...เป็นเพราะอะไรครับ?

สิขเรศ says:

งานเขียนไม่ควรสั้น หรือยาวเกินไป อย่างเช่น งานเขียนของผมบางตอนที่ยาวเกินไป จะลดอรรถรสของความน่าสนใจในการอ่านมากทีเดียว นักเขียนต้องกล้าที่จะวิจารณ์งานเขียนตัวเอง หาจุดบกพร่อง และกล้าที่จะรับฟังคนอื่นวิจารณ์ด้วย

สิขเรศ says:

อยู่ราวๆ 2-4 หน้าหนังสือกำลังดี ถ้าเกินจากนั้นไปมาก ก็จะยาวเกินไป

สิขเรศ says:

คือเขียนสัก 2 หน้า A4 ต่อ 1 ตอน หรือไม่เกิน 4 หน้า A4 น่าจะกำลังดีครับ

Mr.Ake :) says:

หาก มีมือใหม่หัดเป็นนักเขียน พี่มีอะไรจะเเนะนำบ้างครับ...

สิขเรศ says:

ก็แค่เล่าเรื่อง ให้คนอื่นฟัง แทนที่จะเล่าจากปาก ก็เขียนลงบนกระดาษ พยายามเขียน หรือพิมพ์ให้ได้เร็ว เพื่อเรื่องที่อยากเล่าจะได้ไม่จางหายไปจากความคิดหรือความจำก่อนเราจะพิมพ์หรือเขียนเสร็จ

สิขเรศ says:

รู้จักคัดกรองสิ่งแย่ๆออกจากงานเขียนของตัวเอง ก่อนที่จะให้คนอื่นอ่าน

สิขเรศ says:

อย่ามั่นใจตัวเองมากไปจนไม่รับฟังความคิดอ่านของคนอื่น

สิขเรศ says:

เขียนรวดเดียวให้จบตอน อย่าพยายามมาเขียนต่อภายหลัง เพราะจะกลายเป็นคนละอารมณ์กัน

Mr.Ake :) says:

"สิ่งที่แย่ๆ" ในงานเขียนที่พี่พูดถึง มีอะไรบ้างครับ

สิขเรศ says:

ก็เช่นการใช้ภาษาผิดๆ หรือเขียนผิด

Mr.Ake :) says:

ครับ

สิขเรศ says:

สภาวะ กับ ภาวะ คำประมาณนี้ เช่น สภาวะ มักใช้กับสิ่งแวดล้อม แต่ภาวะ มักใช้กับตัวคน ก็ใช้ให้ถูก

สิขเรศ says:

คำว่า รู้สึก กับคำว่า คิด

สิขเรศ says:

ความคิดกับความรู้สึกแตกต่างกันอยู่มาก แยกให้ออกว่าสิ่งที่เราเขียน จะเขียนว่านั่นคือความคิด หรือความรู้สึก

สิขเรศ says:

การโจมตีให้ร้าย เช่น สอดแทรกเรื่องเสียดสีทางการเมือง แอบด่านักการเมือง ไม่ควรมีในงานเขียน

Mr.Ake :) says:

พาดพิงบุคคลที่สาม?!?

สิขเรศ says:

จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ

สิขเรศ says:

อารมณ์ขุ่นมัว อคติ ต่อสิ่งใด หรือต่อคน ไม่ควรใส่ในงานเขียน

Mr.Ake :) says:

ครับ

Mr.Ake :) says:

สุดท้ายพี่จะฝากอะไรกับ นัก(อยาก) เขียนเพิ่มเติมอีกบ้างครับ

สิขเรศ says:

ถ้ารู้สึกว่า อยากเขียน จงเขียน,
ถ้าจะต้องเรียนรู้ จงเรียนรู้ตนเอง,
ถ้าจะต้องถ่ายทอด จงถ่ายทอดโดยปราศจากอคติ

สิขเรศ says:

ทุกๆครั้งที่เขียน ควรให้อะไรกับผู้อ่านด้วย ไม่ใช่แค่ให้เขาอ่านแล้วผ่านเลยไป ไม่ได้อะไรกลับไปเลย อย่างน้อยก็แค่คิด ความรู้ หรือความรู้สึกดีๆ

Mr.Ake :) says:

ครับ

สิขเรศ says:

จำไว้ว่า.. เรื่องของเรา ไม่มีใครอยากรู้ อย่าเที่ยวเอาเรื่องของตัวเองมาเล่า โดยไม่ได้ให้อะไรกับคนอื่น สิ่งที่คนอื่นต้องการคือแง่คิด และประสบการณ์ ไม่ใช่การรู้เรื่องชาวบ้าน

สิขเรศ says:

ฉะนั้น การเขียนแบบชีวประวัติ หรือเล่าเรื่องส่วนตัว วันนี้ วันนั้น ฉันทำอะไรบ้าง มันไม่น่าสนใจพอที่คนอื่นจะอ่าน

Mr.Ake :) says:

พี่หมายถึง ต้อง คิดให้มาก ว่า งานของเรา ผู้อ่านจะได้อะไรบ้าง

สิขเรศ says:

ใช่ครับ

สิขเรศ says:

ควรแฝงแง่คิดด้วย

Mr.Ake :) says:

ครับ

Mr.Ake :) says:

ต้องขอบคุณพี่ เอ สิขเรศ  มากครับ ผมคิดว่า เรื่องที่พูดคุยผ่าน MSN นี้ น่าจะเกิดประโยชน์ สร้างแรงบันดาลใจให้กับ นัก(อยากเขียน) มือใหม่หัดเขียน มากขึ้น ไม่ว่า มีวัตถุประสงค์สื่อสารแบบไหน หนังสือ หรือบันทึกออนไลน์  (Blog) 

Mr.Ake :) says:

โดยเฉพาะงานเขียน และ บันทึก ที่มุ่งพัฒนาสังคมแห่งการเรียนรู้ สร้างสรรค์สังคมที่ดีงาม

สิขเรศ says:

ยินดีครับ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่รักการเขียน ได้เขียนสิ่งดีๆพื่อให้ผู้อ่าน ได้อ่านสิ่งดีๆครับ

Mr.Ake :)  says:

ขอบคุณมากครับ

สิขเรศ says:

ยินดีครับ

------------------------

บทสนทนา MSN

ตอนบ่าย วันที่ ๑๑ มิ.ย. ๕๑

กรุงเทพฯ

 

 

 


2470000685

ขอบคุณอย่างจริงใจ สำหรับแรงบันดาลใจที่ดี
พี่เอ สิขเรศ เอี่ยมประชา
อ้างอิงภาพหนังสือจาก  http://hypermonkey.multiply.com

 

 

หมายเลขบันทึก: 187558เขียนเมื่อ 11 มิถุนายน 2008 21:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (62)

เป็นความจริงอย่างที่สุดค่ะ   ที่เด็กๆชอบวาดรูป  ขุนเขา  แมกไม้  สายธาร  การ์ตูนสวยๆ  น่ารักๆ ตามจินตนาการ  ที่สื่อ  ออกมาเป็นรูปภาพ  สื่อถึงความรู้สึก  นึกคิด  ความใฝ่ฝัน

        เรียงร้อยจากความคิด  สู่ ภาพ จากภาพ  สู่ตัวอักษร

                             

นักถ่ายทอด นักเดินทาง มากประสบการณ์อย่างเพื่อนเอก เป็นนักเขียนได้สบายเลยครับ...

        

เดี๋ยวเตรียมขอลายเซ็นต์ไว้เลยครับ...

 

 

ผลงานเล่มแรกที่รวมเล่มของคุณสิขเรศ เอี่ยมประชา

สวัสดีครับ

เชื่อว่าน้องเอกเขียนได้สบายๆ น่าอ่านด้วย แถมฝีมือถ่ายภาพก็เยี่ยม น่าจะขายดีน่ะ ;)

 

ผลงานของ

สิขเรศ เอี่ยมประชา

เล่มที่ ๒ และ ๓ ตามลำดับ

- มุมที่ลืมมอง

- นักท่องกาลเวลา

 

หวัดดีค่ะ...

เคยคิดอยากเขียนหนังสือค่ะ

ขอบอกความลับ (เคยรวมเล่มด้วยค่ะ)

แต่ไม่ได้ส่งสำนักพิมพ์

เพราะเกรงว่าจะเพ้อฝันเกินไป

กลัวจะไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย  แล้วตลาดอีก

ก็เลยเลิกคิดค่ะ...เพราะเมื่อโตขึ้น ความเพ้อฝันยิ่งลดลง

แต่ก็หลงเหลืออยู่นิดหน่อย...สามารถหยิบขึ้นมาใช้ได้ทันทีค่ะ

                      ^_^

  • ตามมาเก็บแรงบันดาลใจครับ
  • ขอบคุณครับ

พี่จะรออ่านผลงานนะคะน้อง  น้องมีพรสวรรค์ทางด้านนี้อยู่แล้วล่ะค่ะ

จะเป็นกำลังใจให้อย่างเต็มเปี่ยมครับผม

คุณเอก..บทสัมภาษณ์นี้ดีและได้ประโยชน์มากๆเลยค่ะ  ขอบคุณมากที่นึกถึงท่านอื่นๆที่อยากเขียน จะได้นำไปใช้ต่อให้ความฝันเป็นจริง..

น่ารักจริงๆ หนุ่มหน้อย หน้าหม๊ด ต๋าใส

อ่านไล่เรียงไปทุกคำพูด ได้แง่คิดมากมาย พี่กำลังจะไปเล่าเรื่องประสบการณ์ในการเขียนบทความ คงจะขอคำพูดบางส่วนไปให้ผู้ฟังได้เป็นข้อคิดด้วยนะคะน้องเอก

 

สวัสดีครับหมอเอก

  • ดูชื่อหนังสือแล้วอยากอ่าน มุมที่ลืมมอง กับ นักท่องกาลเวลา
  • และก็อยากอ่านหนังสือของหมอเอกด้วยครับ (แต่ขออ่านแบบ soft ๆ )
  • ครูสุอยากเขียนหนังสือให้เก่ง ๆ แต่ไร้ความสามารถครับ ไม่เอาดีกว่า
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ คุณครูสายธาร @..สายธาร..@

คงจะดีไม่น้อย...หากเราได้เขียนทุกฝันลงมาเป็นตัวอักษรและคนอื่นได้อ่านฝันนั้น ชื่นชมยินดีร่วมกัน

เราล้วนแต่มีความสามารถในการถ่ายทอดที่ดี และ Blogger ก็ใช้ Gotoknow และ Blog อื่นๆ เป็นพื้นที่ในการฝึกฝนตัวเองไปด้วย ผมเองก็ใช้โอกาส + เวลา ฝึกปรือ การนำเสนอออกสู่สาธารณะ อาจยังไม่ดีมาก แต่ก็เรียนรู้ร่วมกัน พัฒนาวิทยายุทธไปเรื่อยๆครับ

ทุกคนล้วนมีรูปแบบการเขียนเป็นของตัวเอง ดังนั้นผมก็มองว่า หากสุขใจที่ได้เขียน ก็จงเขียน หากการเขียนของเราพอมีประโยชน์บ้างกับตัวเอง สังคม เช่นเรื่องขำขัน ผมก็คิดว่าลดอารมณ์ตึงเครียดของสังคมลงได้ บันทึกประจำวันที่แทรกสอดเรื่องการทำงาน วิถีที่เป็นไปของแต่ละคนก็น่าสนใจ หากเราใส่ใจอีกนิด เต็ม"ความรู้" ที่เราได้จากสถานการณ์ตรงนั้นอีกเพิ่มเข้าไป ก็เป็นบันทึกที่มีคุณค่ากับสังคมของเรา และเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจครับ

และนี่คือ ผลผลิตความคิดเราเองครับ

:)

ขอบคุณครับ คุณครูสายธารที่เป็นกัลยาณมิตรที่ดีมาโดยตลอด ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจสำหรับคนเขียนบันทึกนะครับ

ในมิตรภาพ คือ ความอบอุ่น

หากเราเขียนมิตรภาพลงเป็นอักษร ก็เป็นวรรณกรรมชิ้นเลิศ ที่เจือไปด้วยความอบอุ่น

สวัสดีครับ เพื่อนดิเรก Mr.Direct ครับ

 

ผมอ่านงานของดิเรกแล้ว มุมที่มอง...และการถ่ายทอด งามหมดจดครับ เป็นความรู้สึกที่มีพลังของการมองโลกบวก มองโลกตามเป็นจริง เมื่อได้พบเจอตัวตนของเพื่อนจึงเป็นเหมือนงานเขียนที่สื่อออกมา

ผมว่าประเด็นนี้สำคัญมาก

งานเขียนก็เป็นเหมือนถ่ายทอดความเป็น ตัวตนของเราออกมา ตัวตนในที่นี้ไม่ใช่ อัตตาที่หนาหนักนะครับ แต่เป็น ตัวของตัวเอง บอกให้สังคมที่เป็นคนอ่านได้รับรู้มุมคิด ความรู้สึก

ดังนั้นมิตรใน บันทึกออนไลน์ เมื่อเจอก็เหมือนรู้ใจกันมาแรมปี อันนี้ไม่แปลก...

--------------------------------------------------------------

ขอบคุณมากครับที่ซื้อผลงานของผมตั้งหลายเล่ม(ที่เชียงใหม่) ตรงนี้ใช่เพราะผมบังคับซื้อ หรือเปล่าไม่ทราบนะครับ :-P แต่ผมตั้งใจเขียนและนำเสนอเรื่องราวการทำงานของผมออกมา เล่มนั้นจึงเป็นเล่มแรกๆที่ตนเองเขียนทั้งหมด

ขอบคุณครับที่อุดหนุนส่วนหนึ่งของความฝันของผม และเพิ่มพูนมิตรภาพที่มีระหว่างกันเสมอมาครับ

*** หากมีโอกาสดีที่ท่าพระจันทร์ (ตามนัดหมายของอนาคต) คงได้นั่งพูดคุยกันตามประสามิ่งมิตรที่ห่วงใย คนไกลจากขอนแก่นบอกว่า มีเรื่องราวอยากเล่าสู่กันฟัง

มุมมองในเรื่องของการเขียนของผมนะ

* ถามว่ายากไหม ที่จะเขียน ผมว่ายากนะ ยากมากๆ ด้วย

* คนจะเขียนได้ ต้องเป็นคนที่มีสติ อย่างมาก สามารถร้อยเรียงความสัมพันธ์ของความคิดได้ดี ฝึกได้ไหม ฝึกได้ครับ ถ้าท่านฝึกเขียนทุกวันนะ ความคิดของท่านจะเป็นระบบมากขึ้น

* ต้องอ่านมากๆ ด้วย เพราะการอ่านมาก จะทำให้สมองมีทรัพยากรที่จะนำมาเขียน

* อีกอย่าง อย่าเพิ่งเขียน ถ้าท่านยังไม่ได้หัดการคิด / สมาธิ

พี่ธ.วั ช ชั ย ครับ

ผลผลิตของผมทุกชิ้น เกิดด้วยความอยากเขียนของผมเองครับ แม้ว่าเขียนด้วยความทุลักทุเล ยากลำบากบ้างในบางเวลา ก็อยากเขียนอยากนำเสนอ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อมีผลงานความคิดออกสู่สาธารณะ มักจะแอบเงี่ยหูฟังอยู่นะครับ ว่าเสียงตอบรับเป็นยังไง ...หรือหากเรียกตามศัพท์ KM ว่า "แลกเปลี่ยน เรียนรู้" เขาจะแลกเปลี่ยนมุมไหนกันนะ...

แต่หากนับตามเส้นทางวรรณกรรม(มือสมัครเล่น) ผมเองยังห่างชั้น อยู่มากโข พยายามจะปลีกตัวออกเดินทางเข้าสู่ถนนใหญ่ แต่วันนี้เป็นถนนเบี่ยงเส้นเล็กๆ เก็บเกี่ยวความรู้ ประสบการณ์ไปก่อนครับ

-------------------------

เมื่อวานเลิกงานไปเตร่แถวร้านหนังสือประจำ เพื่อไปดูหนังสือใหม่ๆที่ออกมา ผมพบว่าหนังสือดีๆหลายเล่มที่มีอยู่(เนื้อหา) แต่ไม่ได้ออกแบบรูปเล่มให้สวย ก็เยอะ ส่วนหนังสือที่เนื้อหาทั่วไป แต่ออกแบบรูปเล่มสวยงาม อาร์ตมากๆ(ที่ผมชอบ) ก็เยอะ จนแล้วจนรอดผมก็หยิบหนังสือติดออกมาหนึ่งเล่มตามธรรมเนียม

ตรงนี้ผมพยายามสื่อถึง เนื้อหาที่เป็นความงามข้างใน ที่ควบคู่กับความงามข้างนอกด้วย อาจไม่ใช่มุ่งหวังเรื่องการตลาดอย่างเดียวครับ อย่างน้อยก็เพิ่มความต้องการให้ผู้อ่านได้หยิบขึ้นมาจากแผง

ต้องขอบคุณพี่ ธวัชชัยมากครับ คำชมที่มาจากพี่ ผมถือว่ามีคุณค่ามาก เพราะพี่เองอยู่ในแวดวงวรรณกรรม หากผมพอมีแววรุ่ง(ริ่ง) อยู่บ้าง ผมก็พยายามจะเขียนสิ่งดีๆออกมาสู่สังคม หากมีโอกาสดีทำตามฝัน คือ ได้มีหนังสือของตัวเองอีกก็เป็นเรื่องที่เกินความคาดหวังมากเลยครับ

เรื่องถ่ายภาพ ...ผมเองพยายามมองมุมที่ต่าง พบเสมอว่า มุมที่ต่าง เป็นมุมที่น่าสนใจ เอ...ทำไมเราไม่เคยมองนะมุมนี้ (หลายคนคิด) เมื่อเรานำเสนอมุมที่ต่าง ก็เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ เหมือนที่คุณเอ สิขเรศ เขียนบอกว่า มุมที่ลืมมอง ...

ผมเองไม่ได้เก่งทางชั้นเชิงการถ่ายภาพ ด้วยความคิดแปลก และ เลือดศิลปิน(ศิลเปรอะ) ที่มีอยู่ นำเสนอออกมาให้สอดคล้องกับบันทึกครับ...ขอบคุณกล้องดิจิม่อนเพื่อนคู่ยากของผม

สไตล์นายเอกครับผม

-----------------

ขอบคุณพี่ ธ.วัชชัย มากครับ

ยังไงผมขอเรียนรู้จากพี่ด้วยนะครับผม

:)

แหมคุณเอก +++ ผมนั่นแหละ จะต้องเรียนรู้จากคุณ

มากๆ ด้วย

เอ้า วันที่ 18 เจอกันครับ

"คงจะดีไม่น้อย หากเราได้เขียนฝันนั้นด้วยตัวเอง..."

จะรออ่านนะคะ..คุณเอก..^^

เขียนฝัน ให้เป็นอักษร : เส้นทางนัก(อยาก)เขียน   ถ้ารู้สึกว่า อยากเขียน จงเขียน, ถ้าจะต้องเรียนรู้ จงเรียนรู้ตนเอง,ถ้าจะต้องถ่ายทอด จงถ่ายทอดโดยปราศจากอคติ   ต้นไม้ ทุ่งนา ป่ากว้าง ...... more

อ้างอิงจาก :  http://hypermonkey.multiply.com

 

พรสวรรค์ แพ้พรแสวงเสมอ จริงปะ เป็นกำลังใจในเส้นทางสู่ฝันจ๊ะ

คุณครู มธุรส windy ครับ

น่าเสียดายนะครับ ความฝันที่เป็นตัวอักษรที่ได้ถ่ายทอดลงเป็นงานเขียนแล้ว แต่ไม่ได้ตีพิมพ์

อย่าทิ้งความฝันอันสวยงามนั้นนะครับ เก็บไว้รอโอกาส เวลาอันสมควร หรือ นำมาร้อยเรียงใน Blog ก็น่าจะดีนะครับ

ผมเชื่อว่าครูมธุรส มีแง่มุมนำเสนอที่ละเอียด งดงามครับ

- - -ที่เหลืออยู่นิดหน่อยตอนนี้ บ่มเพาะ "ฝัน" นั้นให้เติบใหญ่นะครับ จะรอคอยชมผลงาน

ให้กำลังใจครับ

น้องเอก

เขียนเลยๆๆรีบๆเขียน พี่เชื่อว่าน้อง ทำได้และทำได้ดี จะรอเป็นลูกค้าที่ดีเจ้า

น้องอำนวยอำนวย สุดสวาสดิ์
ครับ

ผมได้คุยกับคุณประชาธิป กะทา กองบรรณาธิการ "สุขศาลา" เห็นบอกว่าจะเชิญมาร่วมเวทีเสวนา เครือข่ายปลายปากกา ที่จัดโดย วารสารหมออนามัย ไม่ทราบว่าจะส่งเรื่องทันหรือไม่นะครับ

งานนี้พยายามหาคนที่มีแววในการเขียน (ชอบเขียน) เพื่อเสริมทีมงานวารสาร

หากได้มาจริงๆเจอกันที่ กระทรวงสาธารณสุขนะครับ 

พี่ครูแอน Lioness_ann

บันทึกนี้ผมเขียนขึ้นมาเพื่อแลกเปลี่ยน เพื่อประโยชน์ของผู้ที่สนใจ อยากเขียน อยากเป็นนักเขียนครับ ไม่ว่าจะหนังสือ หรือ บันทึกออนไลน์

ส่วนหนึ่งก็พัฒนาตัวผมเองด้วยครับ ด้วยการแลกเปลี่ยนผ่าน Blogger ท่านอื่นๆ

วัตถุประสงค์อีกอย่างคือ เนื้อหาบันทึกและการแลกเปลี่ยนนี้จะนำไป เป็นเอกสาร ประชุมเครือข่ายนักเขียนวารสารหมออนามัย "เครือข่ายปลายปากกา ๕๑" Shift and Share for Change ...By Friendgroup "ที่จะถึงนี้ครับ วันที่ ๑๘ - ๒๐ มิ.ย.๕๑ ที่ กระทรวงสาธารณสุข

เรื่องงานเขียนของผม หากมีเวลาก็จะพยายามเขียนครับ :)

 ขอบคุณมากครับผม

พี่อุ๊  a l i n_x a n a =)

ผมต้องขอบคุณพี่เอ สิขเรศ ครับที่ให้เวลา และ ให้ข้อคิดเห็นแบบเจาะลึก ในการสัมภาษณ์ผ่าน MSN อย่างที่บอกครับ จะใช้บันทึกนี้เป็นเอกสารประกอบการฝึกอบรม การแลกเปลี่ยน จากเรื่องเล่าสู่งานเขียนออนไลน์ Blog-weblog "ช่องทางจินตนาการ ไร้พรมแดน" ที่ผมจะนำไปแลกเปลี่ยนกับเพื่อเครือข่ายปลายปากกา Shift and Share for Change ...By Friendgroup "ที่จะถึงนี้ครับ วันที่ ๑๘ - ๒๐ มิ.ย.๕๑ ที่ กระทรวงสาธารณสุข

จากบันทึกนี้ ผมเองก็ได้เรียนรู้ และสร้างความมั่นใจในการเขียนของตนเองมากขึ้นครับ

จากชั้นอนุบาล ก็เริ่มจะขึ้น ป.๑ ได้แล้วหละครับผม

:)

พี่แก้ว..อุบล จ๋วงพานิช

ผมคิดว่าวัตถุประสงค์การใช้เนื้อหาจากบันทึกตรงกันครับ

พี่สามารถ print out บันทึกนี้ เพื่อประกอบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ก็ได้นะครับ ผมคิดว่าดูมีสีสันดี

นำไปใช้ประโยชน์ได้เต็มที่นะครับผม

:)

ครูสุ

สำหรับหนังสือของ คุณสิขเรศ เอี่ยมประชา ที่เชียงใหม่หาซื้อได้ ที่ ดวงกมล และ สุริวงศ์ บุ้คเซนเตอร์ ได้เลยครับ หรือไม่ก็ร้านหนังสือในห้างใหญ่ก็มี หากหาไม่เจอ แจ้งชื่อผู้แต่งที่เจ้าหน้าที่(คนขาย) ได้เลย เขาจะค้นหาให้ทันที...

หนังสือของคุณสิขเรศ อ่านง่าย เป็นความเรียงที่อบอุ่น ที่สำคัญผมชอบการออกแบบรูปเล่มที่กะทัดรัด น่าจับต้อง มีเสน่ห์มากเลยครับ

ส่วนหนังสือของผมเหรอครับ...อ่านใน Blog ไปพลางๆก่อนนะครับผม ...

ขอบคุณครูสุครับผม  :)

อยากเขียนเหมือนกัน คงจะเริ่มเขียนจาก

บันทึกในเวปนี้ก่อน ดีไหมคะ เอาตรงนี้ให้ดีก่อน

พี่จิ๋วธวัชชัย แสงจันทร์ สสอ.ปลาปาก "KM มือใหม่ "

การเขียน เป็นเรื่องใหญ่เลยครับสำหรับบางคน เพราะเราไม่ค่อยชอบเขียน ดังนั้นเวลาจะเขียนอะไรสักอย่างก็ติดไปหมด

สิ่งที่ควรมี และผมฝึกคือ การคิดเชิงระบบ โดยใช้ mind Map มาช่วยจัดระเบียบความคิด จากนั้นก็อธิบายตามประเด็นไป แบบนี้ไม่คลุมเครือ วนไปวนมา - - - ชัดเจนและสื่อสารได้มีประสิทธิภาพครับผม

เรื่อง "อ่านมาก" นั้น ผมคิดว่าสำคัญมากครับ เพราะอย่างที่บอกเราอ่านมากๆ ทำให้ไม่ขัดสนถ้อยคำครับ เราก็ได้เรียนรู้รูปแบบ วิธีคิดที่หลากหลายไปด้วย

ลองดู เริ่มต้น..

วันที่ ๑๘มิ.ย.๕๑  ที่จะถึงนี้เจอกันที่ กระทรวงสาธารณสุขครับ หากผมไม่ติดภาระกิจเร่งด่วน นะครับ

ผมให้กำลังใจในการเริ่มต้นทำเรื่องใหม่ๆครับผม

:)

 

ถ้ารู้สึกว่า อยากเขียน จงเขียน,

ถ้าจะต้องเรียนรู้ จงเรียนรู้ตนเอง,

ถ้าจะต้องถ่ายทอด จงถ่ายทอดโดยปราศจากอคติ

***************************

บรรทัดที่สามยากนะคะ

และ อีกอย่างมั้ยคะ

ต้องมีความซื่อสัตย์ต่อคนอ่าน (วินัย เนื้อหา ค้นคว้า อ้างอิง ใช้จริงได้ พอดีเคยเขียนคอลัมน์เพื่อสุขภาพน่ะค่ะ)

มีของคุณสิขเรศแล้ว

แปลกใจตัวเองว่าหลุดรอดของคุณเอก ไปได้ไง

สามอย่างแล้วนะคะที่"ชอบ"เหมือนกันในห้วงเวลานี้

ฟ้าก่อนฝนตก แสงจันทร์ และหนังสือ

อะไรเอ่ยเป็นอย่างที่สี่

อย่างที่สี่ ชอบถ่ายรูป(ท้องฟ้า)ไง

จริง ๆ พี่(น่าจะเป็นพี่น่ะ) ชอบเงยหน้าขึ้นฟ้า ถ่ายทุกอย่าง ฟ้า เมฆ ต้นไม้ยอดสูงสุดสอย (เก็บภาพใบไม้) ช่อฟ้า(ในวัด) เศียรพระพุทธรูป ..

นึกออกแล้ว เราชอบนอนถ่ายภาพ หรือกึ่งยืนกึ่งนั่ง กึ่งนอนถ่ายนั่นเอง ฝาก ไฟล์ภาพ ค่ะ ขอออกตัวก่อนว่า มักจะ(ไม่คม)ไม่ชัดน่ะ..ยังไม่รู้ เพราะ บ่ มีครู

(ภาพที่สวยชัด นั่นขอคนอื่นมาค่ะ)

กัลยา ก็มีความฝันว่าจะเป็นนักเขียน เป็นนักข่าว โตมาก็อยากเป็นนักวิจัย อยากเป็นอาจารย์ ... สุดท้ายก็ได้เป็นอย่างที่ฝัน แต่มันก็คือการเริ่มต้น ซึ่งต่อไปก็คงจะต้องเป็นนักเขียน... เขียนตำรา ฮือ ฮือ เพราะสถานการณ์บังคับต้องเขียน แต่ก็ดีนะ ได้พัฒนาตัวเองไปอีกขั้น

ที่นครพนม ฝนตกแทบทุกวัน ตกบ่อยมากๆ ก่อนฝนตกก็อบอ้าวนิดหน่อย หลังฝนก็สดชื่นเป็นธรรมดา

เมื่อวานเข้าเมือง ระหว่างนั่งรถไปมองไปทางด้านขวา (แขวงคำม่วน) ภาพที่เห็นสวยงามมาก เย็นตา เย็นใจ ภาพภูเขาหลายๆ ลูกซ้อนกัน ภูเขาสีฟ้าจางๆ เหมือนคนวาดประหยัดสียังไงก็ไม่รู้ หรือว่าจงใจวาดให้มีสีจางๆ ก็ไม่แน่แต่ในความประหยัดสีนั้น คือความงาม เย็นตา มองได้นานๆ ไม่รู้เบื่อ

คิดจะถ่ายภาพมาอวด แต่สุดท้าย ภาพถ่ายก็ไม่สามารถถ่ายอารมณ์ภาพได้อย่างตาเห็น

คิดถึงเพื่อนๆ ทุกคน อยากให้มาชม มาดื่มด่ำ บรรยกาศยามเย็นที่นครพนมด้วยกัน นะ

ว่างๆ โปรดแวะมา

มาเก็บเกี่ยวความรู้จากนักเขียนมืออาชีพครับ ได้ความรู้และเทคนิคหลายอย่างครับ ขอบคุณมากๆนะครับกระผม

สวัสดีครับ คุณครูแอ๊ว

ครูแอ๊วก็เขียนฝันได้งดงามครับ เรื่องราวระหว่สงครูกับนักเรียน เป็นเรื่องราวที่น่ารัก มีแง่มุมที่งดงาม แฝงไปด้วยความรักระหว่างครูกับศิษย์ตัวน้อย

เมื่อครูแอ๊วลงบันทึกเมื่อไหร่ ก็ชวนติดตามเมื่อนั้นครับ...

ผมสัมผัสได้ถึงพลังความรู้สึกบวก สดใส ในบันทึกครูเสมอครับ

---------------

ตามจริงแล้วบันทึกนี้ผมเขียนมาเพื่อประโยชน์ของผู้อ่านนะครับ อย่างน้อยเรื่องราวที่คุยกันผ่าน MSN ก็คิดว่าจะเกิดประโยชน์สำหรับผู้ที่จะเริ่มเขียนฝันของตนเอง

:)

ขอบคุณมากครับผม

น้องต่ายดอกไม้บานในใจเราครับ

ดีใจครับที่น้องต่ายมาเขียนบันทึก และถ่ายทอดมุมดีๆจากการทำงานชุมชน แบ่งปันผู้อ่าน (คนทำงานจริงๆถึงจะเขียนออกมาได้แบบที่น้องเขียน)แบบนี้ถือเป็นการเริ่มที่ดีแล้วครับ และบันทึกของน้องก็น่าอ่าน เป็นธรรมชาติดีครับ

ให้กำลังใจในการเขียนเรื่องราวดีๆต่อไปนะครับ

ฝากความระลึกถึงล้านนาด้วยนะครับ

:)

สวัสดีครับ พี่ท้องฟ้า

ผมเขียนบันทึกเพื่อนำเสนอและแลกเปลี่ยนสำหรับผู้สนใจเขียนฝันของตัวเองครับ

ผมเองก็ฝึกฝน ฝึกปรือ ฝีมืออาจยังไม่ถึงขั้น

พี่ท้องฟ้าอ่าน Blog ผมไปพลางๆก่อนนะครับ หากผมมีงานเขียนออกมาเป็นเล่มเมื่อไหร่ จะแจ้งให้ทราบครับผม

ยินดีสำหรับกำลังใจที่พี่มีให้ผมเสมอมาครับ

ดูแลสุขภาพและมีความสุขมากๆครับ :)

  • แวะมาดู พี่ชายหน่อย
  • รักษาสุขภาพด้วยคะ

สวัสดีครับเอก
มาเก็บเกี่ยวเคล็ดวิชา "นักเขียน"ครับ
น่าสนใจ กระตุ้นต่อมอยากดีแท้
เอาไว้จะพยายามเข็นออกมาสักเรื่องครับ

สวัสดีค่ะ

มาเยี่ยม มาทักทาย และขอทำความรู้จักด้วยคนนะค่ะ..

หวัดดีจ้ะ...น้องเอก

สบายดีนะจ้ะ

เมื่อสมัยวัยรุ่น เคยฝันอยากจะเป็นนักเขียนนิยาย เพราะชอบอ่านนิยาย แต่สุดท้ายเพราะเขียนไม่เก่ง ลอกเก่งอยากเดียว อิอิ...จึงไม่ได้เป็นสักอย่างสิน่า อิอิ

น้องกรรณิการ์ วิศิษฏ์โชติอังกูร

ขอให้ตั้งใจ และเริ่มต้น เขียนงาน เขียนฝัน ของตัวเองและขอให้มีความสุขนะครับ

ให้กำลังใจครับ

พี่หมอ  จริยา ครับ

ยินดี และมีความสุขยิ่งครับ ที่ได้พบเจอ"คนคอเดียวกัน" ผมคิดว่าหลายคนว่าผมเป็นพวกสุขนิยม ผมก็ยอมรับนะครับ เพราะเรามักมีความสุขง่ายๆกับสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว

ด้วยเหตุนี้เอง ผมจึงรับเป็นคนถอดบทเรียน Humanized Health Care ครับ ผมอยากเรียนรู้เรื่องราวของ บุคลากรสุขภาพ ผู้ที่ทุ่มเท กาย ใจ เพื่อคนอื่น ด้วยการพัฒนาด้าน จิตวิญญาณ หากเราเรียนรู้และเข้าถึง รวมทั้งนำมาถ่ายทอดได้...ก็เป็นประโยชน์กับสังคมมาก

ผมชื่นชมพี่หมอจังครับ ที่สามารถเข้าถึงความสุขเล็กๆที่แทรกตามวิถีชีวิต ไม่ง่ายนะครับ ที่จะมองเห็น หากใจไม่ละเอียดและไม่พร้อมที่จะเรียนรู้กับบริบทรอบข้าง

เชื่อมั้ยครับ พี่หมอครับ เราชอบเหมือนกันหมดเลย สิ่งที่กล่าวมา

ท้องฟ้าสายลม แสงแดด ต้นไม้ แสงจันทร์ รวมถึง หนังสือ 

ผมชอบถ่ายภาพใบไม้ด้วยครับ ผมมองว่า ภาพใบไม้บอกถึงความอุดมของธรรมชาติ และสวยมากขึ้นหากเราถ่ายย้อนแสงขึ้นไป เราจะเห็ความงามของธรรมชาติที่ลงตัว

ผมถ่ายภาพใบเมเปิล ที่โครงการหลวงแห่งหนึ่งไม่ไกลจาก ปาย บ้านเกิดผมมากนัก ถ่ายแบบย้อนแสงครับ สวย สดใส ดี

คิดว่าพี่หมอคงชอบเช่นกัน

ผมเอามาฝากพี่หมอนะครับ

ขอให้ วันและคืนที่มีคุณค่าของพี่หมอ มีความสุขมากๆ และเจือจานความสุขนั้นเผื่อแผ่ให้ท่านอื่นๆในสังคมที่กำลังวิกฤติตอนนี้ครับ

ขอ Add Blog หมอไว้ใน Planet ด้วยนะครับ

ขอบคุณครับผม

*** ผมเคยถ่ายช่อฟ้าสวยๆ ครั้งหนึ่งที่ วัดแม่กำปอง ที่เชียงใหม่ เป็นโบสถ์ไม้เก่า และ ที่หลวงพระบาง ลาว สวยมากครับ แต่ตอนนี้หายังไม่เจอ เอาไว้หาเจอจะนำมาฝากนะครับผม 

อาจารย์กัลยา  ครับ

ขอบคุณมากครับ สำหรับ การเคาะประตูบ้าน วันนี้

...

ขอแสดงความยินดีสำหรับเส้นทางฝันของเพื่อนด้วยนะครับ วันนี้ก็ได้เป็นความจริงแล้ว ขอให้ทำให้ดีที่สุด

เรื่องจะไปเยี่ยมกัลยานั้น ผมและ ดร.ปุ๋ม ก็เล็งๆไว้แล้ว รอให้เพื่อนรักผม ดิเรก เคลียร์งานเรียบร้อยก่อน จะไปเยี่ยม ไปนอนเล่นที่บ้านกัลยาแน่ๆครับ

เตรียมตัวให้ดีนะครับ...

ไม่น่าจะเกินปีนี้

น้องกวิน ครับ

น้องกวินเป็นนักเขียนที่ดีได้เเน่นอนครับ เพราะจากบันทึกที่น้องเขียน ได้ละเอียด และมีแง่งามที่สัมผัสได้

ขอเป็นกำลังใจให้นะครับผม :)

น้องสาว กรรณิการ์ วิศิษฏ์โชติอังกูร 

ดูแลสุขภาพเช่นกัน และ บันทึกใหม่ ก็น่าจะออกได้แล้วนะ จะรออ่านครับ :)

อ้าย paleeyon  ครับ

ยินดีครับ ที่อ้ายมาเยือนบันทึก "อยากเป็นนักเขียน" ของผมครับ นี่เป็นความฝันผมเลยนะครับ พอดีสบโอกาสได้พูดคุยกับ คุณสิขเรศ นักเขียนในดวงใจของผม ก็พยายามดึงแง่มุมดีๆจากพี่สิขเรศ ออกมาเป็นบันทึก เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พัฒนางานเขียนของตัวเอง

บันทึกนี้ รวมถึง ข้อคิดเห็นของทุกท่าน ก็เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารประกอบการเสวนา เครือข่ายปลายปากกา ของ นัก(อยาก)เขียน ที่ กระทรวงสาธารณสุขอีกไม่กี่วันนี้ครับ

ขอบคุณมากครับผม :)

คุณกล้วยแขก

ยินดีต้อนรับ และ ยินดีที่ได้รู้จักและทักทายนะครับ

ให้กำลังใจในทำงานและทำตามฝันครับผม

:)

พี่สาวอ้อยควั้น
ที่คิดถึงครับ

ยะลาเป็นยังไงบ้างครับ...?? คงได้ไปอีกไม่นานนี้นะครับ

เรื่อง ความฝัน อย่าปล่อยให้หลุดลอยไปครับ มีโอกาสย้อนมานั่งเริ่มต้นก็ยังทัน ผมเชื่อว่าพี่อ้อยมีแง่มุมดีๆมาถ่ายทอดได้แน่นอนครับ

ลองดูดีมั้ยครับ ไม่แน่บางทีอาจมีนักเขียนสาวใต้ นาม "อ้อยควั้น" ก็ได้นะครับผม

คิดถึงครับ ดูแลสุขภาพด้วยครับผม

แวะมาให้กำลังใจพี่เอกค่ะ

งานเขียนที่พี่เอกถ่ายทอดลงมาผ่านบล็อกใน GotoKnow.org มีคุณค่าแก่ผู้อ่านและสังคมอย่างมากมายค่ะ

หากมีส่วนไหนอยากให้ทีมงานปรับปรุงเพิ่มเติม รบกวนเสนอแนะด้วยนะคะ

สวัสดีครับน้องสุนทรี  มะปรางเปรี้ยว และทีมงาน

ขอบคุณครับ กำลังใจที่ดี จากทีมงาน Gotoknow

บันทึกนี้ผมเขียนเพื่อใช้ประกอบการเสวนา เครือข่ายปลายปากกา ของกลุ่มนักเขียนวารสารฉบับหนึ่งครับ ผมเห็นว่าการสื่อสารสาธารณะ ประเด็นนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับ ผู้ที่สนใจ รวมถึงแนวทางการเขียน บันทึกออนไลน์ด้วย

ระบบการพัฒนาของ gotoknow เดินหน้าไปข้างหน้าเรื่อยๆตอบสนองกับผู้ใช้ที่ทันต่อสถานการณ์ รวมถึงเปิดกว้างเป็นมิตรเสมอครับ

และทุกอย่างดีแล้วครับตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคืออยากให้บันทึกทุกบันทึกเป็นไปอย่างธรรมชาติ อยากเล่าก็เล่า อยากเขียนก็เขียน ให้มีความสุข และสร้างสรรค์สังคมไปด้วย ไม่ว่าเรื่องไหนล้วนเชื่อมโยงกันได้หมด ตามวิทยาศาสตร์ใหม่ มองแบบ holistic view นะครับ

ขอให้กำลังใจ ทีมงานผู้บริหารเว็บไซต์   และ KnowledgeVolution  ครับ

:)

ผมเชื่อว่าหลายคน ฝันไว้ว่า อยากมีงานเขียนดีๆเป็นของตนเอง และฝันที่ต่อจากนั้นคือ มีหนังสือที่มีชื่อตัวเองเป็นผู้เขียน...สักเล่ม

.....

แทบไม่น่าเชื่อว่า  ผมซื้อหนังสือสองเล่มนี้มาได้ระยะหนึ่ง  และกำลังลงมืออย่างหนักกับการเขียนความทรงจำของตัวเอง

ตั้งใจว่าจะให้ชื่อหนังสือว่า "ความทรงจำไม่รู้จบ.."  เนื้อหาเน้นในแนวออกวิถีชีวิตที่ผูกพันกับท้องทุ่ง...ไร่นา เรือกสวน ฯลฯ

แต่ที่กำลังเร่งต้นฉบับนี้มีชื่อว่า "นอกห้องเรียนมหา'ลัย" ...สนใจเขียนคำ (ไม่) นิยมให้หรือเปล่า ครับ !

มาอ่านคำตอบแล้วค่ะ เชื่อในเรื่องแรงดึงดูดน่ะค่ะ  คิดดูสิคะ ฟ้าก่อนฝนตกที่เส้นทางนครชัยศรี-นครปฐม เงยหน้าขึ้นมองในเวลาใกล้กันมาก ๆ อาจจะเดียวกัน พิกัดที่มองก็น่าจะเกือบเดียวกัน เพราะภาพที่น้องเอกโพสต์น่ะค่ะ

พี่ก็มีภาพใบเมเปิ้ล..อีกแล้ว..ค้นแล้วจะโพสต์ค่ะ

วันนี้ฝากอันนี้ ต่อจากนี้..โพ(ธิ์)แดงขอลดขนาดภาพก่อนค่ะ

วันนี้ฝากอันนี้ ต่อจากนี้..โพ(ธิ์)แดงขอลดขนาดภาพก่อนค่ะ

สวัสดีค่ะน้องน้องเอก

สำหรับพี่ พี่คิดว่าน้องเอกไม่ใช่นัก(อยาก)เขียนหรอกค่ะ แต่น้องเอกเป็น "นักเขียน" ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีอารมณ์ ความรู้สึก และเสน่ห์อยู่ในตัวอักษร เป็นบล็อกเกอร์อีกคนหนึ่งที่พี่ชอบสไตล์การเขียนค่ะ... 

คุณแผ่นดิน ครับ

ผมคาดหวังจะได้อ่านงานดีๆในเร็ววันนี้ครับ

สำหรับคุณพนัส ผมได้เรียนรู้ทักษะทางภาษา วรรณกรรมผ่านการบันทึก ทำให้ผมได้มุมมองที่ต่างออกไป

ผมเองมีทักษะด้านนี้น้อยมาก แต่สิ่งที่มีคือ ความตั้งใจครับ ผมมีความหวังว่า อยากเขียนหนังสือเป็นของตัวเองสักเล่ม (ตอนนี้มีแล้ว) 

แต่พยายามจะพัฒนาฝีมือตนเองให้ดียิ่งๆขึ้นไปครับ

 

ขอบคุณครับกัลยาณมิตรของผม

สิขเรศ says:

ทุกๆครั้งที่เขียน ควรให้อะไรกับผู้อ่านด้วย ไม่ใช่แค่ให้เขาอ่านแล้วผ่านเลยไป ไม่ได้อะไรกลับไปเลย อย่างน้อยก็แค่คิด ความรู้ หรือความรู้สึกดีๆ

.................................

คุณสิขเรศ แนะนำ ได้ดีมากเลยคะ

ขอบคุณน้องเอกคะที่บันทึกให้อ่านกัน

สวัสดีครับพี่ ดอกแก้ว  ครับ

สบลายดีนะครับผม

---

พี่เอ หรือ สิขเรศ เป็นพี่ชายที่ดีครับ ผมได้แง่มุมดีๆจากเขาเสมอ และบันทึกนี้ผมตั้งใจเขียนออกมาเพื่อให้เห็นว่า คุยเรื่องอะไร และนำไปสู่เรื่องอะไร...

เราเขียนบันทึก เราก็กำลังสร้างประวัติศาสตร์ตัวเองอยู่เงียบๆ ดังนั้นการให้เกียรติทั้งตนเองและผู้อื่นเป็นเรื่องสำคัญครับ

จดหมายเหตุตัวเอง...

...เกลือกกลั้ว..อยู่กับสวนอักษร...เครือข่ายปลายปากกาหมออนามัย ตั้งแต่ รุ่น 2 จนถึง VOL.8

จนได้มุมมองใหม่ๆ จาก อ.ไม้เอก  ทั้งในขนบ และแตกนอกขนบ

อยากให้ วารสารหมออนามัย มีพื้นที่ "นอกกรอบอิสระ" บ้าง

เฉกเช่น อินดี้อื่นๆ

                             อยากรู้มุมมอง&ความรู้สึก อ.ไม้เอก????

 

ครับ ยินดีอย่างยิ่งครับ คุณขบถกวี...

จะเป็นการดีหากผมได้สดับเสียงกวีจากห้วยขาแข้งบ้าง...ผมหวังไว้ว่า บนพื้นที่แห่งนี้จะเห็น งานเขียนดีๆของเพื่อนพ้องหมออนามัยครับ

อยากให้วารสาร นอกกรอบ หรือ ในกรอบเราเป็นผู้สร้างสรรค์นะครับ

เราช่วยกันคิด และผลักดัน...

ให้กำลังใจครับ

 

ไม้เอกครับ

อ่านแล้วมีประโยน์มากครับ ขอบคุณพี่จริงๆที่ช่วยให้คำแนะนำดีๆ

ผมเองเพิ่งประสบปัญหาชีวิตจากสิ่งต่างๆ รอบตัวจนทำให้สิ่งที่เคยมีทุกอย่างหายไปหมดเลยอยากลองเขียนหนังสือเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ที่ผ่านมาให้คนอื่นฟังบ้าง

ขอบคุณครับ คุณพีท...

ลองเขียนออกมาดูนะครับ..ให้กำลังใจนะครับ

สวัสดีค่ะน้องเอก

  • ไม่ทราบว่า..อย่างพี่คิมต้องฝึกไปอีกกี่มากน้อย
  • เท่าไร..ก็จะทนฝึก ๆ ๆ ๆ ๆ ค่ะ
  • ไม่ต้องให้เก่งหรอกนะคะ..เพระอย่างไร่คิมก็เก่งไม่ได้
  • เพราะในชีวิต..ไม่เก่งอะไรสักอย่าง  งู ๆ ปลา ๆ
  • แต่มีอย่างเดียวค่ะ..คือ
  • ขอชดเชยด้วย..มั่นใจในการทำความดีค่ะ

พี่ ครูคิม

ฝึก ก็ เก่ง ได้ครับ ผมก็ฝึกไปเรื่อยๆ

ผมก็ว่าพี่คิมเก่งมากๆเลยครับ เรื่อง IT ผมไม่ค่อยเห็นผู้หญิงที่ Smart โดยเฉพาะเรื่อง IT พี่คิมทำได้ และทำได้ดีครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท