ค้นหาเส้นทาง สร้างความรู้ สู่ความสำเร็จ


ถือว่าโชคดีที่เรามีโอกาสได้เข้ามาเรียนรู้ ขอให้ใช้โอกาสที่ดีเหล่านี้เป็นไปเพื่อพัฒนาตนเองให้ช่ำชองในศาสตร์กระแสหลัก และบูรณาการศาสตร์เข้าสู่การปฏิบัติเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ พัฒนาองค์ความรู้เดิมเพื่อตอบโจทย์ใหม่ๆของสังคม สร้างเครือข่ายการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อความเข้มแข็งของระบบปัญญาชาติต่อไป

ค้นหาเส้นทาง สร้างความรู้ สู่ความสำเร็จ

 

ได้รับการติดต่อให้ไปพูดคุยกับ นศ.ปริญญาโท สาขาหนึ่งของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในหัวข้อ "เรียนปริญญาโทอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ" การปฐมนิเทศนักศึกษาครั้งนี้ ทางคณาจารย์รวมถึง นักศึกษาไปเก็บตัวทำกิจกรรมกันยัง วิมานดารารีสอร์ท อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เรียกว่าใช้บรรยากาศธรรมชาติเพื่อทำกิจกรรมสัมพันธ์เตรียมตัวสำหรับการก้าวเข้าสู่การเรียนรู้ระดับปริญญาโท ให้เป็นผู้รู้รอบ พร้อมทั้งคุณธรรม จริยธรรม

 

ผมตอบตกลงแบบไม่ลังเล เพราะผมเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นศิษย์เก่าที่นั่น รวมถึงรับผิดชอบสอน-แลกเปลี่ยนในบางกระบวนวิชาที่เกี่ยวข้องกับ การวิจัย และการวิเคราะห์ชุมชน การกลับไปยังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในครั้งนี้ก็เหมือนได้กลับบ้าน กลับไปเติมเต็มความรู้สึกดีๆ พร้อมกับ พบปะ อาจารย์และนักศึกษาใหม่สายเลือดเดียวกัน

 

 

ย้อนมาถึงประเด็นเรียน ป.โท อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ...เป็นประเด็นที่กว้างมาก และผมก็คิดว่าผมเองก็ไม่น่าจะใช่บุคคลเป้าหมายที่ประสบความสำเร็จตามความคาดหวังของหลายท่าน แต่คิดว่าการได้ใช้ความรู้อันเป็นศาสตร์ รวมถึงวิธีคิดที่ถูกลับคมในช่วงเรียนปริญญาโท การเคี่ยวกรำในช่วงนั้นหล่อหลอมให้เรากล้าแกร่งในการทำงานในสถานการณ์จริงมากขึ้น และได้นำผลผลิตของการเรียนรู้เหล่านั้นมาใช้ในงานโดยตรง...และผลงานเชิงประจักษ์ รวมถึงผลกระทบที่ส่งผลต่อเป้าหมายจากการทำงานเป็นผลงานที่บอกถึงความสำเร็จในการทำงานหลังจากที่เรียนจบในภาคการศึกษากระแสหลัก ผมอยากบอกว่า มีปัจจัยมากมายที่เป็นเงื่อนไขของความสำเร็จ การเรียนในระบบแต่เพียงอย่างเดียว เป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งเท่านั้นเอง แถมยังรู้สึกจะอ่อนแรงด้วยซ้ำไปหากเราไม่ได้ บูรณาการความคิดความสนใจ  กับประสบการณ์ การคิดเชิงระบบ รวมถึงสร้างความรู้จากการปฏิบัติจริง

 Md1

การเรียนระดับปริญญาโทผสานเอาสามส่วนเข้าไปด้วยกัน

เขียนมาแบบนี้ ดูเหมือนไม่เห็นกระบวนการที่พาไปสู่ความสำเร็จของการเรียนในระบบ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งของความสำเร็จใหญ่ ผมเข้าใจว่านักศึกษาเข้ามาเรียน สิ่งที่คาดหวังและผมพูดแบบจริงใจว่า ส่วนใหญ่คิดว่าทำอย่างไรจะให้จบปริญญาโท? ตรงนี้เป็นความคาดหวังหลัก เพราะช่วงที่ผมเรียนผมก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน

 

กระบวนการเรียนการสอน รวมถึงเส้นทางสู่ความสำเร็จ

ผมขอแยกออกเป็นช่วงๆ ให้เห็นชัดเจนนะครับ

ในการเรียนระดับปริญญาโทนั้น หลักๆน่าจะมีอยู่ ๔ ประเด็น คือ ก่อนเรียน ระหว่างเรียน และหลังเรียน ที่ลืมไม่ได้คือหัวใจของการศึกษาระดับนี้คือ วิทยานิพนธ์ (Thesis) และการค้นคว้าอิสระ (Independent Study)  ตามแต่ละหลักสูตรกำหนด

 

ก่อนเรียน เตรียมตัวอย่างไร?

 

สะสางการงาน หากเรายังเคลียร์งานยังใม่ลงตัว เป็นดินพอกหางหมู ยิ่งไปเพิ่มภาระการเรียนให้หนักมากขึ้น เพราะการเรียนจะต้องทุ่มเททั้งเวลาและพลังสมอง

สุขภาพร่างกาย เหมือนเรากำลังขึ้นเวทีเพื่อชกมวย (เวทีนี้มีพี่เลี้ยง) จำเป็นต้องใช้พลังแรงกาย แรงใจ รวมถึงองค์ความรู้เดิมที่มีอยู่ออกมาใช้ สุขภาพที่ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญ

การเงิน การเรียนคือการลงทุน(Invest) ดังนั้นการมีงบประมาณที่เพียงพอทำให้ไม่มีปัญหาในการใช้จ่าย จะหาอย่างไร ก็ตามแต่ละบุคคล

หัวข้อ Thesis ตรงนี้ ผมแนะนำว่าเตรียมไว้ในใจหรือร่าง(Proposal)ไว้ก่อน คิดเผื่อไว้ ให้สอดคล้องกับสาขาวิชาที่เรียน เราสนใจ รวมถึงสอดคล้องสถานการณ์มีประโยชน์ต่อสังคม

ทักษะที่จำเป็น บางวิชาจะกำหนดทักษะบางอย่างควรต้องฝึกฝนไว้ ส่วนทักษะที่ต้องมีทุกคนคือ "ทักษะภาษาต่างประเทศ" การเรียนการสอนระดับนี้ต้องใช้ทักษะด้านนี้เยอะ

 

 

ระหว่างเรียน เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุด และกระบวนการนี้สำคัญ ต้องวางแผนให้ดี

 

อาจารย์ที่ปรึกษา อย่างที่บอกว่าเวทีนี้มีพี่เลี้ยง เราจะมีอาจารย์ที่ปรึกษาประจำตัว ท่านจะคอยดูแลให้คำปรึกษา และให้ข้อเสนอแนะ ดังนั้นการเข้าหาอาจารย์ที่ปรึกษาสม่ำเสมอจึงเป็นเรื่องที่ควรอย่างยิ่ง

เครือข่าย - กลุ่มเพื่อน สำคัญครับ เพราะระบบการเรียนการสอนเป็นการฝึกฝนด้านวิธิคิด การแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน ทำให้เราได้ความรู้ใหม่ รวมถึงการช่วยเหลือเกื้อกูลในเรื่องต่างๆ

แหล่งข้อมูลความรู้ ยุคนี้สะดวกสบายมากขึ้น ทั้งครูกู(กูเกิ้ล)  ที่อยากรู้อะไรก็หามาให้ได้ แต่ต้องกรอง และหาเพิ่มเติม เอกสารตำรา รวมถึงห้องสมุดที่เป็นแหล่งความรู้ ให้เราใช้ประโยชน์จากแหล่งความรู้นี้เต็มที่ ที่ลืมไม่ได้คือแหล่งความรู้ที่เป็นตัวบุคคล ตรงนี้ถือว่าการสนทนาแลกเปลี่ยนกับผู้รู้เราได้เรียนรู้ทางลัดครับ

ประสบการณ์เสริมหลักสูตร จำเป็นอย่างยิ่ง นอกจากเราเรียนรู้ทฤษฎี ตำราแล้ว การปฏิบัติงานเป็นเสมือนสนามทดลอง  การเรียนรู้ที่มีพลังเกิดจากการปฏิบัติแล้วถอดบทเรียน เป็นกระบวนการผลักวงล้อของความรู้ไปข้างหน้าอย่างมีพลัง

การวางแผนการเรียน ทุกอย่างต้องมีการวางแผนที่เป็นระบบ การเรียนก็เช่นเดียวกัน เพราะมีระยะเวลากำหนดอยู่ตามปีการศึกษา เราควรวางแผนให้ชัดเจนว่า ช่วงไหนจะทำอะไร? อย่างไร?

 

หลังเรียน หากสำเร็จไม่สำเร็จวัดก็วัดกันตรงนี้

เรามีกระบวนการนำศาสตร์ที่เราได้รับมีการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างไร? มีการเชื่อมโยงศาสตร์อย่างไร? มีการสร้างนวัตกรรมของการเรียนรู้ใหม่ๆ หรือไม่? การถอดบทเรียนความสำเร็จ เป็นกระบวนการจัดการความรู้ที่มีทิศทาง และวิทยานิพนธ์หรือ การค้นคว้าอิสระ ของเรามีคุณค่า  มีคุณภาพนำไปต่อยอดเพื่อพัฒนาองค์กร สังคมได้อย่างไร? ผมคิดว่าประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของระบบการเรียนการสอนปริญญาโทควรมี Output ตรงนี้

 

มาคุยถึงหัวใจของ การเรียนการสอนระดับปริญญาโท กันครับ...

Md

หลังจากที่เรียนทฤษฏี(ในหลักสูตรที่มี Course work) ผสานกับชุดประสบการณ์ นำไปสู่การทำThesis นั่นเองที่เป็น "ผลผลิตของความคิด" ที่เป็นการบูรณาการศาสตร์ของนักศึกษาสู่งานเขียนจากงานศึกษาคุณภาพเป็นองค์ความรู้ที่ใช้อ้างอิง ต่อยอด ขยายผล สร้างประโยชน์ให้กับตนเองในแง่ของการได้เรียนรู้ สร้างประโยชน์ให้กับองค์กรในกรณีที่ตอบโจทย์พัฒนาได้ และสร้างคุณูปการให้กับสังคมภาพรวมได้เมื่อองค์ความรู้ที่มีพลังพัฒนาจากปัจเจกและองค์กร  

 

ถือว่าโชคดีที่เรามีโอกาสได้เข้ามาเรียนรู้ ขอให้ใช้โอกาสที่ดีเหล่านี้เป็นไปเพื่อพัฒนาตนเองให้ช่ำชองในศาสตร์กระแสหลัก และบูรณาการศาสตร์เข้าสู่การปฏิบัติเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ พัฒนาองค์ความรู้เดิมเพื่อตอบโจทย์ใหม่ๆของสังคม สร้างเครือข่ายการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อความเข้มแข็งของระบบปัญญาชาติต่อไป

 

ด้วยจิตคาราวะ

----------------------------------------------------------------------------------------------------

จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

๑๗ มิ.ย. ๕๑

๐๗.๑๐ น.

นนทบุรี

 


 

บันทึกนี้ผมตั้งใจจะใช้เป็นเอกสารประกอบการบรรยายเชิงวิชาการ "เรียนปริญญาโทอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ" ของ นักศึกษาปริญญาโท สาขาการส่งเสริมสุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปีการศึกษา ๒๕๕๑
ณ วิมานดารารีสอร์ท อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ วันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๑
หมายเลขบันทึก: 188469เขียนเมื่อ 17 มิถุนายน 2008 07:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (27)

เยี่ยมเลยครับ นิสิต นักศึกษา น่าจะมาเรียนรู้ด้วยครับ นำอาหารเช้ามาฝากด้วยครับ

สวัสดีค่ะคุณเอก

  • กำลังนึกถึงอยู่พอดีเลยค่ะ เงียบหายไป
  • ขออนุญาตนำข้อคิดของอาจารย์มา ลปรร.ด้วยค่ะ   อาจารย์รศ.ดร.สมบัติ นพรัก ท่านเคยให้ข้อคิดไว้ ซึ่งขอยกมาเป็นบางส่วนค่ะ
  • เรียนบัณฑิตศึกษา ควรเกิด 4 สิ่ง ต่อไปนี้ คือ ความรู้ ปัญญา คุณค่า วิสัยทัศน์  ต้องฝึกฝนตนให้เกิดการเรียนรู้ โดยกระบวนการ สุ(ต)การฟัง   จิ(ต)การคิด    ปุ(จฉา)การพูด - ถาม   ลิ(ขิต)การเขียน
  • ถ้าจบปริญญาโท เรียกว่า มหาบัณฑิต “มหา” แปลว่า ใหญ่ ยิ่งใหญ่ มหาบัณฑิต จึงหมายถึง ผู้ทรงความรู้อันยิ่งใหญ่ ผู้มีปัญญาอันยิ่งใหญ่ นักปราชญ์ใหญ่
  • ขอบคุณค่ะ

                                                    

สวัสดีครับ อาจารย์JJ

เปิดบันทึกมาอีกครั้งพบ บะหมี่แห้งปู โชว์ขนาดนี้ เล่นเอาหิวเลยครับ เหมือนกับการเรียนรู้และได้รู้ในสิ่งที่ชอบใจ มีความสุข และที่สำคัญอิ่มครับ

ยังต้องกระหายความรู้ต่อไป เมื่อความหิวนั้นเริ่มถามหาอีก

ขอบพระคุณท่านอาจารย์มากๆครับผม

:)

อรุณสวัสดิ์ค่ะนิสิตคนเก่งของลูกช้าง

... สุดยอดเลยค่ะคุณเอกสำหรับบันทึกนี้

มีประโยชน์มากๆ เลยค่ะ ...

... นี่ขนาดร้างลาวงการมาจะขึ้นปีที่ 3 แล้วใช่ไหมคะ

เป็นกำลังใจให้กับคุณเอกในทุกๆ กิจกรรมเสมอค่ะ

 

  • แวะมาเรียนรู้ครับผม...
  • ขอบคุณครับ

แวะมาทักทาย และเรียนรู้ค่ะ 

ขอบคุณค่ะ

เรื่องการเรียนในระดับปริญญาโท สาขาใดก็แล้วแต่  เริ่มด้วยที่ใจและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม  ของชีวิตใหม่ในมหาวิทยาลัย  และชีวิตใหม่ที่เราเอาภาระมาฝากคนอื่นเขา  เช่นพ่อ  แม่  พี่  น้อง  แฟน  ภรรยา สามีแล้วแต่ว่าสภาพแวดล้อมท่านเป็นอย่างไร  หากเขาไม่เข้าใจเราก็จบ(ไม่ใช่ได้ปริญญานะครับ  จบชีวิตที่มีความสุข)

เวลาเรียนต้องมีความสุขครับใครพอเริ่มเรียนแล้วมีความทุกข์ให้กลับไปดูที่ใจเราครับ

ลุงเอกแนะนำได้เพราะบ้าเรียนโทมา 3 ปริญญา สิ่งสำคัญเราต้องเอาวิชาการผสมผสานไปกับสังคม  ถ้าไม่มีสังคมก็จบอีกนั่นแหละ 

การเริ่มต้นปฐมนิเทศน์ที่บรรยากาศธรรมชาติก็ดีแล้วเพราะหากใช้ชีวิตไปฝืนธรรมชาติก็จบอีก  บางคนบ้าเรียนไม่เอาเพื่อน  บางคนเอาเปรียบเพื่อน  บางคนเอาแต่กิจกรรมวิชาการไม่เอา  ต้องผสมผสานให้ลงตัวลองปรับตัวสักพักก็เข้าที่ครับ

การเรียนปริญญาโทต้องทำกรณีศึกษา  ตอบให้ได้ว่ามีประสบการณ์หรือยัง  ถ้ายังต้องเปิดหูเปิดตามากๆ  เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยได้ติดตามดูเหตุการณ์บ้านเมือง  ที่พูดอย่างนี้คือทั้งเมืองนอกเมืองนาและเมืองไทยนะครับ  หากดูแต่เมืองไทยก็เน่าอีก  เพราะสภาพการณ์ในปัจจุบันที่ไหนๆของไทยมีแต่เรื่องเน่า  ตั้งแต่ทีวีเน่าๆ  การเมืองเน่าๆ  นักธุรกิจเน่าๆ  ข้าราชการเน่าๆ  มากมายก่ายกอง  อย่าหลงเอาตัวดีๆไปเกลือกกลั้วกับสิ่งเน่าๆก็แล้วกัน  เว้นแต่ตัวเราเน่าอยู่แล้วก็มาฟอกตัวใหม่ที่เวทีนี้ครับ

การเรียนปริญญาโทเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์  รู้ว่าจะบูรณาการความรู้อย่างไรเพราะแต่ละกรณีไม่มีสูตรสำเร็จ 

 สิ่งที่สำคัญอย่าไปคาดหวังว่ามาเรียนแล้วให้จบได้ปริญญาโท  แต่ควรมาเรียนแล้วให้ได้ความรู้กลับไป  ไม่ใช่ได้ปริญญาแต่ไร้ความรู้  ดูสถาบันพระปกเกล้ารับสมัครพนักงานมีคนมาสมัครเกือบ 500 ผ่านมาให้สอบสัมภาษณ์เพียงประมาณ 20 กว่าๆแถม 20 กว่าๆสัมภาษณ์ผ่านเพียง 10 กว่าคน  นี่เป็นอะไรไปในการศึกษาไทย  ผม

สมัยลุงเอกเรียนแบบโง่ๆ  สรุปเอกสารเล่มหน้าเหลือหนึ่งถึงสองหน้าหมดยังเก็บไว้ถึงทุกวันนี้ยังอยู่ในสมองบางส่วนหยิบมาเมื่อไรใช้ได้ทันที

อย่าไปกังวลต่อสิ่งที่ไม่รู้หาดูได้ข้อสำคัญ ต้องหัดฟัง-คิด-ถาม-จด  ที่จริงก็สุ-จิ-ปุ-ลิ นั่นแหละประเสริฐแท้  แล้วอย่าไปติดอัตตาของฉันต้องถูกเปิดจักกะให้พร้อมรับ  ทำเป็นน้ำครึ่งแก้วครับ

การเรียนอ่าไปก่อนน่ะดี  แต่ขอบอกลุงเอกก็ทำไม่ได้นี่คือจุดอ่อนคนไทยครับ

เอาแค่นี้ก่อนครับเดี๋ยวจะได้เกียรตินิยมดีเด่นกันหมด

หวัดดีค่ะ...

แวะมาทักทายค่ะ  คุณเอกสบายดีนะค๊ะ ?

          

                    ^_^

ยอดเยี่ยมมากครับ...สำหรับ..ข้อมูล ความรู้..และแนวคิดที่นำเสนอ..ในฐานะคนที่เคยเรียนปริญญาโทแบบ...จวนเจียน..จะจบแหล่..มิจบแหล่...อย่างผม..เห็นด้วยกับน้องเอก...และยืนยัน..ว่า..เชื่อน้องเอก..ของผมเถอะ...ผมเคยได้บทเรียนมาแล้ว...ของน้องเอกนี่แหละ..ของดีรุ่น..ขลัง..เชียวนักศึกษาปริญญาโททั้งหลาย

ชะแว่บ ๆ ครับ ... เพิ่งสอนเสร็จ เหลืออีก 2 ห้อง

เข้ามาก็พบความรู้กองใหญ่ครับ :)

+++++++++++++++++++++++++++++++

พล.อ.พิจิตร องคมนตรี ถาม คุณเจริญ เจ้าของบริษัทน้ำเมาว่า ทำไมบริษัทไทย ไม่มีนโยบายจ้าง GM เป็นคนไทยหรือ เห็นมีแต่ฝรั่ง หรือ คนไทยไม่เก่งภาษา ?

คุณเจริญ ตอบว่า ผมเคยจ้างได้สัก 2 เดือน แล้วผมก็ต้องให้ออก เพราะ "เขาเอาปริญญามาขายผม"

+++++++++++++++++++++++++++++++

เข้าใจนะครับ "เอาปริญญามาขาย" หมายถึงว่า เรียนจบระดับสูง มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง แต่ทำงานไม่เป็น ไม่มีความสามารถ เปรียบเหมือน เอาปริญญามาขาย

คนเรียน ป.โท ... หวังแค่จะเรียนเพื่อให้ได้ใบปริญญาเพื่อเอาไปขาย มีเยอะครับ ... ไม่รู้จริง ไม่ทำจริง จ้างเขาบ้าง ลอกคนโน้นบ้าง ประเทศชาติคงจะเจริญขึ้นเป็นแน่แท้นะครับ

:) ชอบวิธีคิดของบันทึกนี้ครับ

สวัสดีทุกท่าน และขอบคุณทุกความเห็นครับ

ผมต้องขออนุญาตทุกท่านที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น เพิ่มเติมลักษณะการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นี้ ประมวลลงเอกสารเพื่อให้ นักศึกษาใหม่ ได้อ่าน ได้เรียนรู้ร่วมกันครับ

ความเห็นทุกท่านมีคุณค่ามากครับ

ท่านไหนมีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ ขอความกรุณาเขียนเพิ่มเติมได้ครับ

ขอบคุณมากครับ

จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

๑๐.๐๐น.

๑๗ มิ.ย.๕๑

แวะมาขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ

ผมถามตัวเองก่อนเรียนว่าเรียนไปเพื่ออะไร เรียนไปทำไม

ผมเรียนปริญญาโททางรัฐประศาสนศาสตร์ เพราะเป็นข้าราชการที่มีความคาดหวังจะใช้ความรู้ที่ได้รับไปทำงานให้สมกับเงินเดือน เพื่อรับใช้สังคม ทั้งๆที่เสียตังค์เอง เรียนจบแล้วก็ไม่ได้ทำให้เงินเดือนขึ้น เหนื่อยด้วย

แต่สิ่งที่ได้คือการมองโลกที่กว้างขึ้น คิดเป็นระบบมากขึ้น สามารถนำความรู้ที่เรียนไปช่วยงานสังคมหลากหลายด้าน จนเป็นที่ยอมรับในสังคม

อย่าคิดเรียนโดยหวังกระดาษใบเดียว ไม่มีประโยชน์ใดๆเลย

แล้วขณะเรียน เคยย้ายไปรับราชการห่างจากเพื่อนที่เรียนด้วยกัน วิชานั้นแย่เลย แต่พอย้ายกลับมาได้คุยได้ปรึกษาพูดคุยถึงแนวความคิดต่างๆ ทั้งในบทเรียนในสภาพสังคมที่เราเห็นจริง แล้วเอามาวิเคราะห์เข้ากับทฤษฎี คราวนี้รู้สึกว่าการเรียนมีประโยชน์กับตัวเองอย่างยิ่ง

การเรียนปริญญาโทจึงต้องเรียนเป็นกลุ่ม เพราะจะทำให้เกิดการพูดคุยแสดงความคิดเห็น และมันจะแตกฉาน มุมมองของแต่ละคนล้วนมีประโยชน์ หยิบจับมาให้ได้ การเรียนก็จะประสบความสำเร็จครับ

แผ่นของลุงเอกดูคุ้นๆตอนเรียนนิด้า อิอิ

ขอบคุณพี่ นก NU 11  ครับ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ได้เเง่คิดที่ดีมากครับ :)

////////////////////////////////////////

เรียนบัณฑิตศึกษา ควรเกิด 4 สิ่ง ต่อไปนี้ คือ ความรู้ ปัญญา คุณค่า วิสัยทัศน์  ต้องฝึกฝนตนให้เกิดการเรียนรู้ โดยกระบวนการ

  • สุ(ต)การฟัง   
  • จิ(ต)การคิด   
  • ปุ(จฉา)การพูด - ถาม   
  • ลิ(ขิต)การเขียน

/////////////////////////////////////////////////////////////

และการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติด้วยครับ ตรงนี้เป็นพลังมหาศาลของความรู้เลยครับ

มาเชียงใหม่ไม่โทรหากันเลยนะค่ะคุณพี่ชาย

เรียนอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ มันก็ต้องเรียนด้วยจิตและใจที่อยากเรียนแหละ เรียนให้สนุก สนุกกับการเรียน เรียนแล้วนำไปใช้กับชีวิตจริงดีที่สุดเลย เรียนแล้วเก็บไว้ก็อย่าเรียนมันเลยล่ะกันนะ เสียดายตังส์ โอกาสไม่ได้มีมาง่าย ๆ ...

สวัสดีจ้ะ เอก วันที่29 มิย. คุยกับ นศ.ป.โท ที่กำแพงเพชรด้วยนะจ้ะ พี่อยากเพิ่ม ปัจจัยสำคัญ ใจ สู้ อดทน ท้อได้แต่ถอยไม่ได้

ผมอ่านอะไรซับซ้อนไม่ค่อยจะได้ สมาธิมันจะไม่อยู่กับหน้ากระดาษ นั่นคือเหตุผลที่ผมไม่ได้เรียนอะไรที่สูงไปกว่าปริญญาตรี อิอิ..

ว่าแต่ ชามก๋วยเตี๋ยวข้างบนดึงความสนใจผมได้มาก แล้วก็ทำให้ผมหิวด้วยละ แต่จะไม่กินอะไรตอนดึกนอกจากดื่มนมครับ ^____^

  • มาเป็นกำลังใจให้พี่ จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
  • ขอให้การบรรยายพิเศษ ประเด็นเรียน ป.โท อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ บรรลุผลตามที่มุ่งหวังนะครับ
  • มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (ลปรร.) นิดนึงนะครับ
  • ศาสดาทุกศาสดา เผยแพร่คำสอนด้วยการเทศนา/สนทนา ยกตัวอย่างเช่น พุทธศาสนา
  • พุทธองค์เทศนาสังสอนบรรดาเหล่าพุทธบริษัท ทั้งหลายมีจำนวนเหลือคณานับที่บรรลุธรรมขั้น พระโสดาปัตติมรรคหรือพระโสดาปัตติผล หรือการที่เราเรียกกันว่า บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน 
  • โสดาบัน= โสต+อาบัน
  • โสต,  [โสด, โสตะ–] น. หู, ช่องหู. (ป.; ส. โศฺรตฺร).
    โสตเป็นคำนามแปลว่าหู ถ้าเป็นคำกริยา น่าจะแปลว่า ฟัง
     
  • อาบัน  ก. ต้อง เช่น อาบัติอาบัน ว่า ต้องอาบัติ; ถึง, ลุ, เช่น โสดาบัน ว่า  ถึงโสตธรรม คือ กระแสพระนิพพาน. (ป., ส. อาปนฺน).
  •  ผู้ที่บรรลุโสดาปัตติผล ก็ด้วยการละ สังโยชน์ เบื้องต่ำ 3 ประการ คือ
    1. สักกายทิฏฐิ คือ ความเห็นเป็นเหตุถือตัวตน
    2. วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสังสัย 
    3. สีลัพพตปรามาส คือ ความเชื่อถือยึดมั่นว่าความศักดิ์สิทธิ์มีได้ด้วยศีลและพรตอย่างนั้นอย่างนี้ (รักษาศีลแต่เพียงทางกาย ทางวาจา แต่ใจยังไม่เป็นศีล) 
  • โดยสรุป การพูด+การฟัง ที่ดี ทำให้เกิด ปัญญา
  • ผู้ที่เกิดปัญญาเพราะการฟัง เรียก บรรลุโสดาบัน
  • การพูด ให้ผู้อื่นฟังเพื่อให้เกิดปัญญา จึงต้อง
  • พูดให้เขาหมดสิ้น สักกายทิฏฐิ (คือ ความเห็นเป็นเหตุถือตัวตน /พูดทำลายอัตตา ของผู้ฟัง ผู้ฟังก็ต้องทำลายอัตตา ของตัวเองด้วย)
  • พูดทำลาย วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสังสัย (พูดชี้แจงให้เขาหายสงสัย) 
  • พูดทำลาย สีลัพพตปรามาส คือ พูดชี้แจงให้เขา ทำวิจัยด้วยใจ มิใช่ทำวิจัยด้วยกระดาษ) อะไรทำนองนี้ นะครับ
  • โยงพุทธศาสนามา ประยุกต์นิดนึงนะครับ ช่วงนี้กำลังฝักใฝ่ในพระธรรมคำสอน
  • ขอบคุณครับ
  • สวัสดีครับ
  • แวะมาเยี่ยมเยียน
  • จะว่าแลกเปลี่ยนก็ไม่เชิง
  • การเรียน ป.โท สิ่งสำคัญอยู่ที่จะต้องมีความรู้กลับไปรับใช้สังคม สิ่งที่ช่วยสนับสนุนได้ทางหนึ่งก็คือการทำวิทยานิพนธ์ ซึ่งเป็นกระบวนการฝึกให้คิดเป็นระบบ แต่ก็เป็นเพียงแบบฝึกหัดเพียง 1 เรื่อง

 

 

 

ขอบคุณมากๆค่ะที่เขียนบันทีกนี้ไว้อย่างดี

เห็นด้วยค่ะ ขอบคุณอีกครั้ง

มาเสริมนิดนึงนะครับ

สีลัพพตปรามาส =ระเบียบวิธีวิจัย (method)

ความยึดถือว่าบุคคลจะทำวิจัยสำเร็จได้ด้วยระเบียบวิธีวิจัย (method)  (คือ ถือว่าเพียงประพฤติตาม ระเบียบวิธีวิจัย  ให้เคร่งครัดก็พอที่จะทำให้การวิจัยนั้นลุล่วงไปได้ ไม่ต้องอาศัยสมาธิและปัญญาก็ตาม ถือระเบียบวิธีวิจัยที่งมงาย หรืออย่างงมงายก็ตาม), ความถือระเบียบวิธีวิจัยที่สักว่า ทำตามๆ กันไปอย่างงมงาย หรือโดยนิยมว่าขลังว่าศักดิ์สิทธิ์ ไม่เข้าใจความหมายและความมุ่งหมายที่แท้จริง, ความเชื่อผลสัมฤทธิ์แห่งงานวิจัยด้วยเข้าใจว่า จะมีได้ด้วยระเบียบวิธีวิจัยอย่างนั้นอย่างนี้ล่วงธรรมดาวิสัย 

ประยุกต์จากคำนิยามความหมายของ “สีลัพพตปรามาส” ใน “พจนานุกรมพุทะศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์” ของพระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต)

  • แวะมารอบ 2 ครับ
  • ช่วยลบความคิดเห็นของผมออกบ้างนะครับ ไม่รู้ว่าเพิ่มมาเพราะเหตุใด
  • มาเสริมต่อครับว่าเห็นด้วยกับทุกๆ ท่าน และขอเพิ่มอีกนิดว่าในการเรียนระดับนี้นั้นผู้เรียนต้องมีความมุ่งมั่น....
  • ขอบคุณมากครับ 

มาตามบันทึกค่ะ

ดูมาย์ปแม๊ป คุณเอกแล้วมีกำลังใจอยากเรียนต่อค่ะ

วิจัยดีๆนี่เองใช่ไหมค่ะ

มาอ่านเรียนรู้ไปด้วย ไม่เคยเรียนป.โท เห็นคนที่บ้านเรียน ค่อนข้างเหนื่อยไปด้วย (ป.โท ,เอก)

กำลังชั่งใจตัวเองว่า ทุ่มเวลาเรียนสิ่งที่ชอบ(ภาษา) หรือทุ่มเวลาสอนสิ่งที่รู้ (งานหลัก)คิดออกแล้ว..สองอย่างเลย

จัดการเวลาตามคำแนะนำของบันทึกดี ๆ นี้

ขอบคุณนะคะ :)

สวัสดีครับทุกท่านที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้

 

ช่วงนี้กระผมมีภาระกิจที่จัดสรรเวลาลำบากบ้างครับ ...อาจเข้ามาเขียนข้อเสนอแนะเพิ่มเติมช้าไป ใจจริงแล้วอยากเขียนให้ละเอียดมากในแต่ละประเด็นที่ทุกท่านนำเสนอมาซึ่งมีประโยชน์มาก สำหรับการปฐมนิเทศ นศ.ป.โท มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ นศ.ป.โท ของ มรภ.กำแพงเพชร

ผมขออนุญาตนำความคิดดีๆของทุกท่านไปเติมเต็มให้กับ เมล็ดพันธุ์ของสังคม ให้เติบโตเป็นต้นใม้ใหญ่ที่สร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศ อันได้แก่สังคมเราครับ

ผมต้องขอบคุณ พี่บัณฑูร (ท่านอัยการชาวเกาะ ) ที่ท่านได้กรุณาส่ง CD เกี่ยวกับ "คุณธรรม จริยธรรม" ซึ่งผมเองก็ต้องพูดในประเด็นดังกล่าวด้วย

เมื่อวานท่านอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ท่านได้โทรศัพท์แจ้งรายละเอียดที่อยากให้กระผมเติมในกระบวนการก็คือ ประเด็นคุณธรรม จริยธรรมพอดี ...ต้องกราบขอบพระคุณท่านมา ณ โอกาสนี้ครับ

ขอขอบคุณทุกท่าน ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนนะครับ มีเวลาผมจะเขียนตอบเป็นรายบุคคลเพื่อแสดงความขอบคุณอีกครั้ง

ครูนกNU 11 ,คุณpoo ,น้องอำนวย สุดสวาสดิ์ ,ครูอ้อย แซ่เฮ ,ลุงเอก ,ครูพิสูจน์,ครูWasawat Deemarn ,ครูจารุวัจน์ ,น้องดอกไม้บานในใจเรา ,ครูหิ่งห้อย ,คุณสิขเรศ เอี่ยมประชา,น้องกวิน ,พี่สิงห์ป่าสัก ,คุณหมอมัทนา,ครูเอ ,คุณหมอจริยา

ขอบคุณทุกท่านที่กล่าวมา พร้อมกับผู้อ่านทุกท่านด้วยครับ

ด้วยศรัทธาในความดีของทุกท่านครับ

---------------

จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

๑๙ มิ.ย.๕๑

เอกสารประกอบการแลกเปลี่ยน "การเรียน ป.โท อย่างไรถึงจะสำเร็จ"


แสดงผล
ดาวน์โหลด

ณ วิมานดารารีสอร์ท อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

วันที่ ๒๑ มิ.ย.๕๑

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท