ลงแดง (1) : ฝนพิษห่าใหญ่ไหลเข้ามาหาใครในหมู่บ้าน


 

โอ้แม่เอ่ย มืดฟ้ามัวดินขนาดนี้ พสุธาจะพิโรธหรือไง จะพลิกเปลี่ยนแผ่นดินกันหรือไรนี่.......

เมฆที่ลอยอยู่สูงบนฟ้าเคลื่อนตัวต่ำลงขึ้นทุกขณะ จะทำอย่างไรได้สิ่งที่ทำได้คือวิ่งกลับบ้านอย่างเดียว.....มันจะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองเรากันแน่ละคราวนี้ ว่าแล้วก็วิ่งเร็วขึ้นเพื่อกลับบ้านได้ทัน แต่ก้าวขาได้ไม่นานหนัก ก็ตกลงมาหนักมากๆ แต่ละเม็ดฝนเกือบเท่านิ้วก้อย มองไปทางไหนเห็นแต่สายฝนที่ตกไล่ก้นเรามาทุกขณะ แต่ก็มีการตกล้ำหน้าประปราย เสียงฟ้าร้อง ฟ้าแลบ ก็มีให้เห็นรอบทิศทาง ช่างน่ากลัวอะไรขนาดนี้ ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตนี้

ก่อนที่จะวิ่งเข้าบ้านได้ทันประมาณห้าร้อยเมตร ก็เจอฝนตกอย่างหนัก เปียกปอนไม่เหลือผ้าไว้ให้แห้งเลย แต่ยังดีที่ไม่ล้มหัวฟาดพื้นกลางคันนา

ฝนห่าใหญ่ครั้งนี้ส่งผลชี้ลางบางอย่าง ที่จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงในชุมชนของเรา จากที่เราเคยใช้ไม้ฟืนหุงข้าว ก็จะมีทีมงานของเจ้าหน้าที่ขับรถมาสำรวจพื้นที่ วางแนวไฟฟ้า ว่าจะมีการไหลของกระแสไฟไปทางไหนบ้าง ก็จะมีการแบ่งระยะเป็นช่วงๆ ของการพัฒนา เมื่อมีการเดินเสา เดินสาย ได้ซักระยะหนึ่งจนเริ่มมีการปล่อยไฟได้แล้ว ก็จะมีรถมอร์เตอร์วิ่งเข้ามาเสนอสินค้ามากมาย  จากที่บ้านที่เคยใช้ตะเกียงน้ำมัน ก็มีไส้หลอดนีออนสั้นยาว ตามชอบใจ เดินไฟข้าวบ้านกดปั๊บติดปุ๊บ เทียนเล่มน้อยที่เคยใช้อ่านหนังสือ ก็แทบจะเอาไว้บนหิ้งเป็นที่ระลึก หม้อหุงข้าวก็ช่างวิเศษเหลือเกิน เมื่อก่อนต้องใช้เหล็กสามขา หรือหินสามก้อน ตอนนี้แค่เสียบสาย คลิกหนึ่งที แล้วก็รอเสียงเตือน แม้ว่าเวลาในการหุงแบบเดิมจะสุกได้ในเวลาไม่แตกต่างกัน แต่แบบใหม่นี่ช่างสะดวกจริงๆ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีกไม่ต้องเฝ้าอยู่เหมือนเตาถ่าน

จากลมพัดผ่านที่เคยนั่งตากลมที่หน้านอกชานบ้าน ลมเย็นเดือนเมษาหน้าร้อน พัดผ่านมา ให้เด็กๆ วิ่งเล่นว่าวในทุ่งนา แบบเคยมี ก็มีเสียงรถวิ่งเข้าหมู่บ้านกันต่อ วันนี้มาแบบใหม่ มีพัดลมหมุนๆ ให้คลายร้อน เมื่อก่อนร้อนทีใดก็วิ่งลงสระน้ำเลย ตอนนี้ทุกอย่างมาตามสายหมดเลย ส่งเข้ามาบริการถึงบ้าน

น้ำที่ดื่มในโอ่ง ก็เปลี่ยนเป็นน้ำเย็นในตู้เย็น ตู้วิเศษที่เราฝากชีวิตไว้กับมัน เปิดทีไรมีน้ำเย็นให้ดื่ม ช่างเย็นจนทำให้จุลินทรีย์ในลำไส้หนาวสั่นเกาะผนังลำไส้กันไม่ทันกันเลยทีเดียว นอกจากจะมีน้ำให้ดื่มแล้ว ก็มีที่พักพิงของผักผลไม้ หมู วัว ปลา อยู่ในนั้นเลยครับ นับว่าเป็นตู้สมรม ก็ว่าได้ เป็นทั้งสวนสัตว์ และพืชสวนครัว เป็นทั้งขั้วโลกเหนือให้เราหนาวจับใจด้วย นับได้ว่ามีครบหลายๆ ฤดูเลยครับ

น้ำที่เราชาวนาเกษตรกรเคยแกว่งผิวน้ำแล้วใช้มือดื่มหรือล้างหน้ากินกันในนา ยามกระหายเต็มทน ก็ดื่มได้ ยามหน้าแล้งน้ำในบ่อขอดก้นบ่อ ก็มีกรรมวิธีมากมายในการทำน้ำให้ใส่ ที่แน่ๆ หลักๆและได้ผลเร็วคือการแกว่งด้วยสารส้ม แต่แกว่งมากไปก็ได้ดื่มน้ำฝาดๆ รสเปรี้ยวๆ เข้าไปด้วย แต่เพื่อความสะดวกสบายมีน้ำตามท่อไหลมาหาถึงบ้าน พร้อมก๊อกน้ำเปิดปั๊บออกปุ๊บ ที่ออกมาอาจจะเป็นน้ำหรือลมก็แล้วแต่ว่าน้ำมาจากไหน ใครมีบ่อน้ำเป็นของตนเองก็อาจจะโชคดีไป

หลายๆ อย่างหลายๆ แนวทางเปลี่ยนไปอีกมากมาย จาก

ไม้กวาดก้านต้นไม้ กลายเป็นเครื่องดูดฝุ่น

เครื่องสีข้าวแบบครกกระเดื่อง เปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ และในที่สุดลากด้วยมอร์เตอร์ไฟฟ้า

หนังฉายจอใหญ่กลางแปลง เปลี่ยนเป็นหนังละครทีวีใช้แบตเตอร์รี่ แล้วเปลี่ยนเป็นทีวีใช้ไฟฟ้า เปิดมาสองตาดูละคร....

หนังตะลุง มโนราห์ จากที่เคยมีอยู่ทั่วไป เปลี่ยนไปเป็นนานทีมีหน จะได้มีดูก็โอกาสพิเศษ หรือไม่ก็มีแค่ในวีซีดี เปิดมาทันใจดูทีไรนึกกลับไปยามที่เคยรุ่งเรือง

ริมถนนที่เคยเดินได้ด้วยเท้าเปล่า กลับต้องระวังเศษแก้วขวดแตก ไปไหนมาไหนในระยะสองสามกิโลเมตรเดินไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ถึง กลับกลายเป็นเดินไม่ได้แล้ว ต้องขี่รถสองล้อหรือสี่ล้อ

เคยอ่านหนังสือด้วยหนึ่งแรงเทียน ไฟดับครั้งหนึ่งแทบจะงมเข็มอ่านหนังสือไม่เห็นแล้ว

ข้าวที่เคยหุงด้วยไม้ฟืน กินได้ ไฟดับ กลับไปหุงด้วยไม้ฟืน จมูกบอกว่าเหม็นกลิ่นควันไฟ ทำไมลำบากจัง

นาข้าวที่เคยใช้มือเกี่ยวทีละรวง กลับยุ่งยากเสียกระไร สู้รถเกี่ยวไฮเทคไม่ได้ เอาลงไปวิ่งไม่กี่รอบ ได้ออกมาเป็นกระสอบ

ทำนาปีได้หนี้กับซัง ทำนาปรังได้ซังกับหนี้  (ทำนาปุ๋ยอินทรีย์ไม่มีหนี้ไม่มีซัง)

............. ไม่มีอะไรอยู่ยง ยั่งยืน หมุนเวียน เปลี่ยนแปลง ...........

ใจที่เคยเอื้อเฟื้อ ข้าวแกงถึงกัน เมื่อฉันมี สิ่งนี้สำหรับเธอ.....กลับเปลี่ยนแปลงเป็นสร้างรั้วลวดหนาม กำแพงกั้น นี่บ้านฉัน นั่นบ้านเธอ....

วัดคนด้วยทุน วัตถุ ความมี สี่ล้อสองล้อ แสดงออกทางใบหน้า เพื่อบอกโลกว่า ข้าก็แน่.....

แก่งแย่งชิงดี เป็นหนี้ตลอดย่าน ดอกเบี้ยบานหฤทัย ใจของใครละเหี่ย เพลียหมดเรี่ยวแรง.....

เกียรติยศ ชื่อเสียง ทรัพย์สมบัติ และอำนาจ ทำไมเจ้าถึงศักดิ์สิทธิ์ได้เพียงนี้ มีแต่ผู้คนชอบแสวงหาเจ้ากันยิ่งนัก....ทั้งๆที่เจ้าก็ทิ้งและฝากบทเรียน เอาไว้ให้คนรุ่นหลังเรียนรู้มากมาย.....

ฝนเอ๋ยฝน ฝนห่าใหญ่ ครั้งนั้นที่ตกลงมาในหมู่บ้านฉัน จะสร้างภูมิคุ้มกันอย่างไร ทางไหนน้ำดี ทางนี้น้ำเสีย คลองไหนใครขุดร่อง คลองไหนใครปิดกั้น อันว่าสายน้ำนั้น ใครกันจะอยู่เคียงข้างชุมชน.....

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ชาวนาชาวสวน ต้องรองคอยความหวังจากน้ำฝนที่หลังลงมา บางครั้งน้ำตาปนน้ำฝน ........... จะมีใครไหมที่ไหวตัวทัน ตามทันสายน้ำนั้น ที่ไหลเข้ามาหมู่บ้านฉัน พัลวันตลอดเวลา

ฝนพิษห่าใหญ่ ตกลงไปท่วมชาวนา ใครเอยจะรู้ว่า น้ำที่ไหลมาคร่าชีวิตเรา

ฝนพิษห่าใหญ่ ท่วมลงที่ใจอันอ่อนล้า ตกลงมาแต่ละครา ทั้งน้ำตาแทบกระเด็น

ฝนพิษห่าต่อเนื่อง ท่วมนองเนืองทั่วระแหง ตกทีไรไม่เคยแจ้ง ตกแต่ละแห่งแล้งน้ำใจ

ฝนล้างพิษห่าสุดท้าย ที่จะหวังได้ก็คือท่าน ช่วยกันตกคนละวัน ตกที่ตัวท่านสร้างชุมชน

ฝนล้างพิษเกิดจากจิต ที่คิดใหม่ สร้างขวัญและกำลังใจ ตกครั้งใหม่เพื่อชุมชน

ฝนล้างพิษที่ผิดพลาด คิดร่วมกันใหม่อย่างฉลาด ไม่ควรพลาดที่แล้วมา ทบทวนด้วยการพูดจา สุขถ้วนหน้าทั่วชุมชน

ชุมชนเข้มแข็งคือคำตอบ ของคำถามทุกข้อความที่ถามมา ความสุขเกิดขึ้นที่ใบหน้า และวาจาที่ละไม.....

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกชุมชน ทบทวนตัวเอง ครอบครัว และชุมชน เพื่อชุมชนเข้มแข็ง ทางออกสุดท้ายที่เกิดได้และยั่งยืน

สำหรับเรื่องนี้ ฝนพิษคืออะไร ท่านคงหาคำตอบกันได้ในที่สุดนะครับ เพราะฝนพิษที่ตกแต่ละที่นั่น ตกในรูปแบบที่แตกต่างๆกัน ต้องค้นให้เจอเพื่อค้นหาทางออกของปัญหาครับ

กราบขอบพระคุณมากครับ

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์

หมายเลขบันทึก: 103779เขียนเมื่อ 16 มิถุนายน 2007 01:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:03 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สวัสดีครับ ท่านเม้งไฟแรง

Pเม้ง สมพร ช่วยอารีย์

ไหนบอกว่าจะพักไง  แพ้ไฟตัวเองหรือไง  แฮะๆ    จะเข้ามาหาชาดื่มใหม่

  • บางครั้งความเจริญก็เข้าสร้างความเคยชินและเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมและเรียบง่ายในชุมชนไปอย่างหมดสิ้น.....
P

สวัสดีครับท่านพี่

  • ผมได้รับของดีจากพี่แอมป์ที่น่ารัก เลยอยากจะเอามะพร้าวนี้มาฝากหลายๆ ท่านด้วยครับ
  • ลองดาวโหลดไปฟังดูนะครับ ผมเปิดไปด้วยทำงานไปด้วย....หลายๆ รอบ...โดยเฉพาะธรรมชาติ กับการศึกษาครับ

P
ดอกไม้ทะเล
เมื่อ อ. 12 มิ.ย. 2550 @ 23:15 [290890]

สวัสดีค่ะน้องเม้ง

  • วาทะของเม้งเด็ดมากอะค่ะ    "การศึกษาไทย เหมือนการใส่ปุ๋ยเคมีเข้าไปทุกที"  สงสัยจะจริง...  คือว่าเด็กทุกวันนี้ออกจะแข็งๆอยู่   : )
  • พี่แอมป์เอาลิ้งก์ที่เกี่ยวกับการศึกษา  เรื่อง ธรรมะกับการศึกษา  นี้มาฝากนะคะ   เผื่อเม้งเอาไว้ค่อยฟังตอนว่างๆ    (...ตอนว่างๆจริงๆนะคะจะได้ไม่เสียเวลาทำงาน)  : )
  • บทบรรยายธรรม โดยพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) นี้ มีความน่าสนใจหลายประการ  แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือวิธีตอบปัญหา   
  • โดยส่วนตัวพี่แอมป์ไม่ใคร่รู้เรื่องธรรมะอย่างลึกซึ้ง    แต่สนใจหลักคิดในการตอบปัญหา  และวิธีให้เหตุผลที่แยบคาย 
  • โดยเฉพาะเรื่องปรากฏการณ์และเหตุการณ์ปัจจุบัน  ที่ต้องอาศัยการคิดด้วยวิจารณญาณขั้นสูง   หากคำตอบสมแก่เหตุปัจจัย   ฟังแล้วรู้สึกสมเหตุสมผล   ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าควรค่าแก่การฟัง   
  • แถมลิ้งก์นี้  มาด้วยอีกลิ้งก์ค่ะ   ถ้าเม้งเคยฟังหรือเคยผ่านตามาแล้ว    พี่แอมป์ก็ขออภัยมณีที่เอามะพร้าวมาขายสวนสมรมนะคะ   : )

ของฝากจากเมล์.....น่าคิดน่าสนใจ

เด็กหนุ่มคนหนึ่ง...เป็นชาวสงขลา...

เรียนเก่งมาก...

ได้ทุนไปเรียนอเมริกา...ตั้งแต่เด็ก...จนจบด็อกเตอร์....

จึงกลับมาเยี่ยมบ้าน... ..

บ้านของเด็กหนุ่ม...

อยู่อีกฟากหนึ่ง...ของทะเลสาบสงขลา...

ต้องนั่งเรือแจว...ข้ามไป...ใช้เวลาแจวประมาณหนึ่งชั่วโมง..  

เรือที่ติดเครื่องยนต์....ไม่มีเหรอ...ลุง...?

ไม่มีหรอกหลาน...ที่นี่มันบ้านนอก...

มันห่างไกลความเจริญ...มีแต่เรือแจว...

โอ...ล้าสมัยมากเลยนะลุง....โบราณมาก...

ที่อเมริกา....เขาใช้เครื่องบินกันแล้วลุง...ลุงยังมานั่งแจวเรืออยู่อีก...

ไปส่งผมฝั่งโน้น...เอาเท่าไร...ลุง...?

80 บาท...

OK...ไปเลยลุง...

ในขณะที่ลุงแจวเรือ...

หนุ่มนักเรียนนอก...ก็เล่าเรื่องความทันสมัย...

ความก้าวหน้า...ความศิวิไลช์...ของอเมริกาให้ลุงฟัง....

เมืองไทย...เมื่อเทียบกับอเมริกาแล้ว...ล้าสมัยมาก...

ไม่รู้คนไทย...อยู่กันได้ยังไง...?

ทำไมไม่พัฒนา...ทำไมไม่ทำตามเขา...เลียนแบบเขาให้ทัน....?

ลุง...ลุงใช้คอมพิวเตอร์....ใช้อินเตอร์เน็ต...เป็นไหม....?

ลุงไม่รู้หรอก...ใช้ไม่เป็น...

โอโฮ้...ลุงไม่รู้เรื่องนี้น่ะ....ชีวิตลุงหายไปแล้ว....25 %....


แล้วลุงรู้ไหมว่า...เศรษฐกิจของโลก...ตอนนี้เป็นยังไง...?

ลุงไม่รู้หรอก...

ลุงไม่รู้เรื่องนี้นะ...ชีวิตของลุงหายไป...50 %


ลุง...ลุงรู้เรื่องนโยบายการค้าโลกไหม...ลุง...?

ลุง...ลุงรู้เรื่องดาวเทียมไหม...ลุง...?

ลุงไม่รู้หรอก...หลานเอ๊ย...

ชีวิตของลุง...ลุงรู้อยู่อย่างเดียว...

ว่าจะทำยังไง...ถึงจะแจวเรือให้ถึงฝั่งโน้น...

ถ้าลุงไม่รู้เรื่องนี้....ชีวิตของลุง...หายไปแล้ว...75 %


พอดีช่วงนั้น...

เกิดลมพายุพัดมาอย่างแรง...คลื่นลูกใหญ่มาก...ท้องฟ้ามืดครึ้ม...

นี่พ่อหนุ่ม...เรียนหนังสือมาเยอะ...จบดอกเตอร์จากต่างประเทศ...

ลุงอยากถามอะไรสักหน่อยได้ไหม...?

ได้...จะถามอะไรหรือลุง...?

เอ็งว่ายน้ำเป็นไหม...?

ไม่เป็นจ๊ะ...ลุง....



ชีวิตของเอ็ง...กำลังจะหายไป 100 % ...แล้วพ่อหนุ่ม..

P

สวัสดีครับ อ.ลูกหว้า

  • ขอบคุณมากครับ ครับ วิถีเปลี่ยนไปตลอดเวลาครับ แล้วแต่ว่าหากคิดได้ทันทราบว่าเดินผิดทาง เราควรจะเลี้ยวยูเทิร์นข้างหน้านี้หรือเปล่าครับ
  • ขอให้อาจารย์สนุกและโชคดีในการทำงานเพื่อชุมชนนะครับ
  • ขอบคุณมากครับ
ธรรมะกับการศึกษา
ลำดับที่
ธรรมะกับการศึกษา เรื่อง...
คลิกฟัง/
คลิกขวาดาวน์โหลด
หลักสิกขา: ความจริงแห่งธรรมชาติของมนุษย์ที่เป็นสัตว์ฝึกได้
คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา
2 ทางแยกแห่งชีวิต ที่เริ่มจากอายตนะ (1. สายความรู้สึก 2. สายความรู้)
คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา
สู่ชีวิตแห่งการศึกษาและสร้างสรรค์ บนฐานของอายตนะ ๖
คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา
โรงเรียนต้องช่วยสังคมไทย อนุรักษ์ความเจริญทางจิตใจและก้าวไปในปัญญา
คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา
ฝึกคนเริ่มต้นที่ไหน
คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา
ถ้าเชิดชูพระคุณแม่ขึ้นมาได้ การศึกษาไทยก็ยังไม่สิ้นความหวัง
คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา
การศึกษาอย่างพุทธต้องถึงธรรมชาติ
คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา
ฟื้นวินัยชาวพุทธขึ้นมา ให้เป็นวิถีของสังคมไทย
คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา
กุญแจไขความสำเร็จในยุคข่าวสารข้อมูล
คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา
๑๐
เดินหน้าไปเป็นพุทธอย่าหยุดแค่เป็นพรหม
คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา
๑๑
การศึกษากับเศรษฐกิจ : ฝ่ายไหนจะรับใช้ฝ่ายไหน
คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา
๑๒
การศึกษาแนวพุทธ
คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา
๑๓
เด็กยุคนี้โชคดี แต่จะจมอยู่กับที่หรือก้าวหน้าไป
คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา
๑๔
ครูไทยยุคไอที
คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา

ของดีที่อยากจะฝากและเน้นแล้วเน้นอีก จาก http://www.dhammathai.org/sounds/pa_payutto/papayutto_edu.php

สวัสดีค่ะน้องเม้ง

  • ชื่อบันทึกนี้ของเม้งเร้าใจดีชะมัด   เรื่องที่เล่าก็อ่านเพลิน  อ่านแล้วก็ทำให้ได้คิด  .......คิดหนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน (คิดหนักแปลว่าสนุกอย่างพอดี ...  ซีเรียสอย่างพอเพียง)  
  • เม้งเล่าให้เห็นถึงวงจรความเจริญที่ซ้อนทับกัน และพันธนาการเราไว้ด้วยความทันสมัย  แฝงอยู่ในค่านิยมลวงของคำว่า "พัฒนา"  เพราะการพัฒนาที่ว่า  เน้นไปที่ความเจริญทางวัตถุ เทคโนโลยี  และค่านิยมต่างๆอันขึ้นอยู่กับเงินตรา  มากกว่าความเจริญทางจิตใจ  
  • การใช้คำว่า "ฝนพิษ" นึ้ได้อารมณ์มาก  เพราะหากไม่อยู่ในที่กำบังอันดี ก็มีหวัง"เปียกโชกไปด้วยพิษ"  และพิษอันเนื่องด้วยใจ(ที่ไม่รู้จักการพัฒนาอย่างแท้จริง)นั้นก็ร้ายกาจนัก
  • แปลกแต่จริง... ทั้งที่รู้ว่าเป็นพิษ ก็ยังมีผู้ผลิตซ้ำ และยังเชื่อเอาโดยง่ายว่า พิษนั้นจะไม่มาถึงตัว  ทั้งที่อยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน....   ที่ว่า "ฝนตกไม่ทั่วฟ้า"  นั้นจริง   ....แต่ "ฝนตกไม่เลือกฟ้า" นั้นจริงกว่า     (คือว่าเรื่องนี้คงต้องเรียนถามผู้เชี่ยวชาญด้านพายุและฝนฟ้าคะนอง)   :)
  • เม้งให้คำตอบที่เป็นทางออกอย่างมีความหวังไว้แล้ว  และพี่แอมป์ก็เห็นด้วย  พร้อมๆกับตั้งคำถามตัวเองว่า  เราควรลงมือทำอะไร  และทำอย่างไรบ้าง แล้วก็เรียนรู้ไปทุกวัน ทุกขณะที่ทำ 
  • แล้วก็ได้พบว่าเราอาจไม่ได้ทำอย่างถูกต้องในทุกๆครั้ง  เพราะบางครั้งเราก็ไม่รู้จริงๆว่าอะไร ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด ณ ขณะนั้น  หรือบางครั้งเรารู้  แต่เราไม่สามารถเลือกได้ (เสมอไป) ในภาวะแบบที่เราเป็น  
  • อย่างการที่เราต้องไปตลาดสด (แบบต่อรองราคาสด) คู่กับตลาดแห้งเอ๊ยตลาดทันสมัย (แบบบังคับราคาแห้ง  ห้ามต่อรอง) อย่างห้างสรรพสินค้า  เพราะของที่เราต้องการ  ไม่ได้มีอยู่ในทุกๆที่เสมอกัน
  • คราวนี้พี่ค่อยๆเข้าใจแล้วละ  ว่าทำไมลัทธิ "จำกัดความต้องการให้เท่าๆกัน  และแบ่งสรรให้เท่าเทียม" จึงดำรงอยู่ได้ยาก   เพราะมนุษย์มีความต้องการไม่จำกัด  และทวีความต้องการที่แตกต่างหลากหลายได้มากขึ้น โดยอิทธิฤทธิ์ของเทคโนโลยี   ลัทธิหรือ "ความเชื่อ"นี้จึงถูกปฏิเสธ  ถูกรื้อถอน และทลายกำแพงกันครั้งแล้วครั้งเล่า 
  • พี่แอมป์สนใจเรื่องความเชื่อของมนุษย์  เพราะความเชื่อกำกับทั้งวิธีคิดและวิธีทำของมนุษย์   พี่แอมป์จึงต้องค้นคว้าหาหลักคิดที่จะช่วยให้พิจารณาความเชื่อต่างๆโดยแยบคาย 
  • ทั้งนี้.....โดยไม่ได้ปฏิเสธว่า  หลักคิด  ก็จัดอยู่ในชุดของความเชื่อได้เหมือนกัน  แต่ถามว่า หลัก ที่เราเลือกที่จะเชื่อ นั้นสมเหตุสมผลไหม  ก็คงต้องศึกษาพิจารณากันต่อไป  
  • พี่แอมป์ดีใจที่เม้งชอบเรื่องที่ฟังนะคะ  พี่แอมป์ก็เปิดฟังตอนทำงานเหมือนกัน   เพลินดี  และถึงแม้พี่แอมป์จะไม่ใช่คนที่เข้าใจอะไรยากๆได้เร็วนัก     แต่ได้พบว่าในเรื่องที่ฟัง(แต่ละครั้ง)หากพยายามจนจับแก่นของ หลักคิด ได้  ก็จะช่วยให้เราคิดได้ "อย่างถึงแก่น" 
  • แล้วเราก็จะเห็นได้โดยวิจารณญาณว่า สิ่งใดเป็นคุณ สิ่งใดเป็นโทษ  สิ่งใดเป็นพิษ  เมื่อเรานำไปใช้ หรือเข้าไปสัมพันธ์ด้วยผิดมุม  
  •  ที่พี่แอมป์ชอบที่สุด  คือหลักคิดนี้  ไม่ได้คิดเป็นราคา  แต่คุณค่าจะเกิดเอง  เมื่อผู้นำไปใช้มองเห็นมุมมองที่เป็นคุณ  ผู้นำเสนอหลักคิด    ก็ไม่ได้อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของ  ไม่ได้เรียกร้องลิขสิทธิ์   และไม่หากำไรเอาจากหลักคิดนั้นแต่ประการใด  
  • พี่แอมป์มองเห็น"การให้" โดยไม่เรียกร้องเอาอะไรตอบแทนเช่นนี้  ทำให้รู้สึกเหมือนกับได้สัมผัส ฝนอีกชุดหนึ่ง..... ที่ไร้พิษ   ...เป็นฝนที่ทำให้จิตใจฉ่ำเย็นดี ...    
  • ขอยืมคำของเบิร์ดมานิดนะจ๊ะ...  : )
  • สุดท้ายนี้ขอให้เม้งทำงานด้วยใจที่ฉ่ำเย็นและเบิกบาน  ขอให้ผ่านทุกอย่างโดยราบรื่นนะจ๊ะ  : )
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท