เส้นทางที่หนูวิ่งออกกำลังกาย และเดินกลับบ้าน เมื่อผ่านไปบริเวณของกรมควบคุมโรค บ่อยครั้งที่หนูมองเข้าไปที่สนามที่มีต้นปาล์มปลูกไว้เรียงราย
ในขณะที่หนูรู้สึกเหนื่อยกับการทำงาน และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ในชีวิต เพราะสถานะของหนูต้องย้ายห้องทำงาน ย้ายหน้างาน ทุก ๆ 1 เดือน หรือ 3 เดือน ตามแต่รอบ การย้ายทุก ๆ ครั้งก็เหมือนการเริ่มต้นใหม่ ด้านดีก็คือ หนูมีโอกาสเรียนรู้อย่างไม่จำกัด ทำให้หนูเป็นเด็กที่อ่อนน้อมมากขึ้น ปรับตัวได้เร็วขึ้น ข้อเสียคืดบางทีก็เครียด การเปลี่ยนหน้างาน เปลี่ยนหัวหน้า เปลี่ยนเพื่อนร่วมงาน หนูก็ไม่ปฏิเสธว่าบางทีหนูก็ เผลอคิด จนกลุ้มใจไปเองก็เมื่อ ในวันที่เหนื่อยล้าของหนู พอเดินผ่านข้าง ๆ กรมควบคุมโรคหนูมองเห็นต้นปาล์มต้นนี้
อย่างนี้นี่เอง ครูถึงย้ำนักย้ำหนาว่า
"ให้หัดสังเกต ให้ช่างสังเกต สิ่ง ๆ ต่างคือ ครู"
พอหนูเห็นต้นปาล์มต้นนี้แล้วใจหนูสว่าง โล่งใจสบาย เหมือนได้คำตอบของความเปลี่ยนแปลง และยอมรับมัน
ขอบพระคุณนะคะครู ที่เมตตาปลูกฝังสิ่งดี ๆ ให้หนูเสมอมา อ.ตือ ท่านก็บอกหนูบ่อยครั้งว่า ให้ละเอียดหน่อย ให้ช่างสังเกต แล้วเราจะได้อะไรอีกเยอะ อย่างนี้นี่เอง
สังเกต สิ่งต่างๆ คือ ครู...ชอบใจมากค่ะ ขอบคุณค่ะ มีความสุขมากมายนะคะ
เป็นหัวใจของการเรียนวิทยาศาสตร์เลยค่ะ "ให้หัดสังเกต ให้ช่างสังเกต สิ่ง ๆ ต่างคือ ครู"
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๓
ขอให้คุณใบไม้ร้องเพลงและครอบครัวชาวมีความสุขดังบทบาลีที่ว่า เต อัตถลัทธา สุขิตา วิรุฬหา พุทธสาสเน อโรคา สุขิตา โหถะ สหสัพเพหิ ญาติภิ. ขอให้ครอบครัวของท่านพร้อมด้วยหมู่ญาติ จงประสบสุขในสิ่งที่ปรารถนา มีสุขภาวะที่สมบูรณ์ปราศจากโรคภัยและเจริญงอกงามไพบูลย์ในพุทธธรรมตลอดไป เทอญ.
ขอบพระคุณค่ะ ครูอ้อย แซ่เฮ
ครูที่เมตตาเตือนมาหลายที่ จนบางครั้งท่านก็เหนื่อยจนบอกว่า
"เมื่อไหร่พี่จะได้เลิกพูดคำเดิม ๆ"
ฮ่า ๆ ๆ ความจริงมันก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ เหตุก็ คือ ครูท่านบ่มเพาะ เคี่ยวเข็ญมาตลอด แล้วหนูค่อย ๆ ซึมซับจากท่าน
กราบขอบพระคุณค่ะ
ค่ะ noktalay
เป็นหัวใจของการเรียนวิทยาศาสตร์เลยค่ะ "ให้หัดสังเกต ให้ช่างสังเกต สิ่ง ๆ ต่างคือ ครู"
ติ๋วเองทำงานด้านวิทยาศาสตร์ แต่ยังอ่อนเรื่องช่างสังเกตอยู่มาก แต่ก็พยายามฝึกฝนตนเองอยู่ค่ะ
ขอบพระคุณนะคะ
สาธุ สาธุ สาธุ กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ ท่านพระมหาแล ขำสุข(อาสโย)
พระด้วยที่ท่านเมตตาอวยพรหนู ขอให้พรนั้น นำส่งถึงท่านเช่นกันเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณในความเมตตาเจ้าค่ะ
ความจริงของชีวิตที่คนส่วนมากมองข้ามครับ
ชอบประโยคนี้จริงๆ
"ให้หัดสังเกต ให้ช่างสังเกต สิ่ง ๆ ต่างคือ ครู"
การสังเกตุบางทีก็บอกเหตุ เตือนภัยเราได้ล่วงหน้าครับ
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆครับ ^^
ขอบพระคุณค่ะคุณนาย ไพรัชช์ สาระคง ว่าด้วยการเตือนภัยล่วงหน้า
ติ๋วมองย้อนมาที่ตนเอง หลายครั้งหลายครา ที่จะเจอปัญหา หรือ จะเกิดความผิดพลาดในการปฏิบัติภาวนา ครูท่านมักจะเตือนล่วงหน้าเสมอ แต่หนูก็ยังไม่มีสติ ไม่มีปัญญา จะได้เห็น ได้ยินสิ่งที่ท่านเอ่ย
จนเผชิญเอง เช่นครูเตือนว่าระวังมันจะลบหลู่ครูบาอาจารย์ มันจะหลงแล้วจะสอนไม่ได้ หนูเคยเขียนไว้ในบันทึกนี้ แฉความชั่วในใจศิษย์
ตอนนั้นหลายอย่างมันบีบคั้นมาก ๆ ค่ะ ครูสอนอะไรก็ไม่ฟังเตือนอะไรก็ไม่เชื่อ ใจเป็นแข็ง ๆ ลักษณะกลับตัวไม่ได้ ไปไม่ถึง เหมือนใจมันยืนร้องไห้ ลักษณะเป็นอย่างนั้น
ครูท่านเมตตามาก ที่จะช่วยเหลือ บ่งหนองออกจากใจเน่า ๆ หลายครั้งหลายทีท่านก็บาดเจ็บจากการออกแรงช่วยเหลือ
หลังจากที่เหตุการณ์ผ่านไป ครูก็เมตตาให้หนูถอดบทเรียนออกมาในบันทึกนี้ สองวันแห่งการเรียนรู้ ; ลบหลู่ครูบาอาจารย์ไม่เจริญ
บางครั้งเมื่อก่อนตอนที่ทำอะไรแล้วทำได้ดี เช่น เขียนบันทึกได้ดี เล่าความจริงใจ ได้อย่างไม่ปรุงแต่ง ท่านก็จะให้กำลังใจโดยการชม ใจหนูจะลิงโลดมาก ๆ ค่ะ แล้วครูท่านก็จะเตือนว่า
"วันนี้เราชมมัน แสดงว่าอีกสักหน่อยมันต้องโดนเราว่า เพราะใจมันจะหลง"
บางทียังไม่ทันข้ามวันค่ะ หลงก็จะเขียนอะไรเพี้ยน ๆ ปรุงแต่งฟุ้งซ่านหลงไป ที่ไหนก็ไม่รู้ หนูโดนกระเทาะมาแบบจะ จะ อ่านนี้เลยค่ะ
กว่าจะฝึกฝนการเขียนมาได้ ครูท่านก็เมตตาเตือนสติหลายครั้ง
มาต่อยอดกันที่บันทึกนี้เลยนะคะ
ครูเตือนเพราะครูเข้าใจและเคยผ่านมาก่อน