พระเทพสิทธินายก (ห้อง ชาตสิริ-ท้วมเทศ ป.ธ.๖, ๒๔๓๘ - ๒๔๙๙)
ที่มาของคำว่า "เทพวิทยาคม" ต่อท้ายชื่อโรงเรียนหนองบัว
และชื่อ "วัดเทพสุทธาวาส"ของอำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์
โรงเรียนอนุบาลหนองบัว (เทพวิทยาคม) เป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษาที่ใหญ่ที่สุดและจัดว่าเป็นโรงเรียนประถมศึกษาประจำอำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๖๖ ชื่อเดิมของโรงเรียนคือ โรงเรียนหนองบัว (เทพวิทยาคม) ซึ่งมีประวัติความเป็นมาที่เชื่อมโยงกับความโดดเด่นของอำเภอหนองบัวอีกหลายด้านอย่างใกล้ชิด
พื้นที่ดั้งเดิมของโรงเรียนเป็นที่ดินผืนเดียวกันและอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกันกับลานวัดหนองกลับซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชนและเป็นวัดที่เชื่อว่าได้ก่อตั้งเป็นศูนย์กลางของชุมชนมาแต่โบราณนับแต่ยุคต้นของกรุงรัตนโกสินทร์......
วัดหนองกลับสร้างเมื่อ พ. ศ. ๒๓๖๓ สมัยรัชกาลที่ ๒ ใครสร้างไม่ปรากฏประวัติ ทราบตามคำบอกเล่าว่าตรงที่สร้างวัดหนองกลับนี้ ในสมัยสงครามเวียงจันทร์เป็นที่ตั้งค่ายของชาวหนองบัว-หนองกลับ เพื่อป้องกันทัพเวียงจันทร์ที่ผ่านมา : พระมหาแล อาสโย(ขำสุข) ใน ทุนทางสังคมของอำเภอหนองบัว http://gotoknow.org/blog/civil-learning/273652
ต่อมาในปี ๒๔๖๖ พระครูนิกรปทุมรักษ์ หรือหลวงพ่ออ๋อย ศิษย์ของพระครูนิวาสธรรมขันธ์ หรือหลวงพ่อเดิม แห่งวัดหนองโพธิ์ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือและรู้จักกันอย่างแพร่หลายของประเทศ ได้มีดำริพัฒนาการศึกษาของพระสงฆ์ และพัฒนาสาธารณสถานของวัดเพื่อชุมชนหนองกลับและชุมชนหนองบัว จึงได้นิมนต์หลวงพ่อเดิมมาเป็นประธานนำชุมชนสร้างศาลาการเปรียญซึ่งต่อมาก็ถือว่าเป็นศาสนสถานและเป็นเอกลักษณ์ที่มีคุณค่าของชุมชนหนองบัวเพราะเป็นศาลาสร้างด้วยเสาไม้ขนาดใหญ่กว่า ๑๐๐ ต้น
และในปีเดียวกันนั้น ก็ได้ร่วมกันสร้างโรงเรียนเพื่อจัดการศึกษาแก่ยุวชน โดยได้นิมนต์เจ้าคุณพระเทพสิทธินายก ในขณะเป็นเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์และเป็นคนหนองบัวจากชุมชนวัดใน หรือวัดเทพสุทธาวาสในปัจจุบัน มาเป็นประธานนำชุมชนให้ร่วมกันก่อสร้างโรงเรียนขึ้นในผืนดินซึ่งเป็นลานวัดหนองกลับ
เมื่อเสร็จสิ้นแล้วประชาชนจึงตั้งชื่อโรงเรียนที่สร้างขึ้นนี้ให้เป็นอนุสรณ์และเป็นเครื่องน้อมรำลึกเป็นกตัญญูกตเวทิตาในคุณูปการของท่านว่า โรงเรียนหนองบัว(เทพวิทยาคม) ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนหนองบัว(เทพวิทยาคม) ดังปัจจุบัน
ความเป็นมาของโรงเรียนหนองบัว(เทพวิทยาคม)นี้ นอกจากมีความหมายเชื่อมโยงถึงความมีวิสัยทัศน์ของพระสงฆ์ผู้นำทางจิตใจของประชาชนที่มีต่อการพัฒนาการศึกษาของสังคมแล้ว การระดมพลังชุมชนเพื่อสร้างโรงเรียนก็เป็นปรากฏการณ์แห่งความร่วมแรงร่วมใจของราชการ ชุมชน และประชาชนทุกกลุ่ม ดังบันทึกถ่ายทอดข้อมูลที่ได้จากความทรงจำของผู้ร่วมเหตุการณ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ถึงปัจจุบัน.....
การสร้างอาคารเรียนครั้งนั้นมีทั้งหมด ๕ หลัง นายอำเภอสมัยนั้นคือนายอำเภออรุณ วิไลรัตน์ ...ยังนึกว่าการสร้างอาคารเรียนครั้งนี้ก่อนหรือหลังโรงเรียนบ้านตาลิน(โรงเรียนวันครู๒๕๐๔) ผู้นำท้องถิ่นสองตำบลคือตำบลหนองบัว-ตำบลหนองกลับ ตำบลหนองกลับมีกำนันยัน พวงจำปา(ชื่อของท่านสะกดถูกหรือไม่ยังไม่ได้ตรวจสอบ) ตำบลหนองบัวมีกำนันเทอญ นวลละออง ผู้นำสงฆ์คือหลวงพ่ออ๋อย(พระครูนิกรปทุมรักษ์) เจ้าอาวาสวัดใหญ่(หนองกลับ) ....นายอำเภออรุณท่านขอแรงงานคนสองตำบล(หนองบัว-หนองกลับ)ไม่ใช่ขอแรงงานอย่างเดียวท่านขอไม้จากชาวบ้านด้วย อุปกรณ์ทั้งหมดได้รับบริจาคจากชาวหนองบัว-หนองกลับ เสา-พื้น-ฝา-เครื่องบน-สังกะสี-ตะปู ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ชาวบ้านท่านนำมารวมกันสร้างอาคารเรียนได้ ๕ หลัง ใครมีไม้ฝาก็นำมา มีพื้นก็เอามา คนละชิ้นสองชิ้น มีไม้ที่บ้านเลื่อยเสร็จแล้วก็มาบริจาคสร้างอาคารเรียนร่วมกัน ...อาคารเรียน ๕ หลังนี้ไม่ใช้เงินรัฐ แรงงานก็ได้จากชาวบ้านหนองบัว-หนองกลับ โยมพ่อก็ไปช่วยทำและนำไม้ไปบริจาคด้วย ...โยมพ่อเล่าว่าคนรุ่นโยมนั้นอายุ ๒๐ กว่า ๆ เป็นช่างไม้กันหมดทำงานสร้างบ้านเรือนชานได้สบาย ...โยมบอกว่าคนสองตำบลสามารถช่วยกันสร้างอาคารเรียน ๕ หลังเสร็จภายในวันเดียว คือสามารถใช้ประโยชน์ได้เลย.....โดย พระมหาแล อาสโย(ขำสุข) ใน ลานปัญญาของคนหนองบัว เข้าดูได้ที่ http://gotoknow.org/blog/nongbua-community/322873 (หมายเหตุ : ตัวเน้นโดยผู้เขียน : วิรัตน์ คำศรีจันทร์)
นอกจากนี้ เจ้าคุณพระเทพสิทธินายก ก็เป็นผู้นำชาวบ้านและชุมชนให้ร่วมกันสร้างวัดเทพสุทธาวาส ซึ่งก็สามารถระดมความพร้อมเพรียงของประชาชนให้สามารถสร้างให้เสร็จสิ้นในวันเดียวเช่นกัน....
.....ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ได้สร้างวัดเทพสุทธาวาสที่ตำบลหนองกลับ มีกุฏิ ๔ หลัง หอสวดมนต์ ๑ หลัง หอระฆัง ๑ หลัง รวมเป็น ๖ หลัง ทำเสร็จเพียงวันเดียวเท่านั้นด้วยความพร้อมเพรียงของประชาชน ภายใต้การนำของพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธินายก(ห้อง ป.ธ.๖ ท้วมเทศ)นั่นเอง ....โดย พระมหาแล อาสโย(ขำสุข) ใน ลานปัญญาของคนหนองบัว เข้าดูได้ที่ http://gotoknow.org/blog/nongbua-community/322873 (หมายเหตุ : ตัวเน้นโดยผู้เขียน : วิรัตน์ คำศรีจันทร์)
โรงเรียนหนองบัว(เทพวิทยาคม) ซึ่งปัจจุบันคือ โรงเรียนหนองบัว(เทพวิทยาคม)และวัดเทพสุทธาวาส จึงมีชื่อที่พ้องกันเพราะได้นำราชทินนามพระราชาคณะของท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธินายกมาเป็นส่วนหนึ่งของการตั้งชื่อโรงเรียนและวัดที่สร้างขึ้นด้วยการนำของท่าน อีกทั้งเป็นอนุสรณ์แห่งความสามัคคีและความร่วมแรงร่วมใจกันต่อการสร้างสรรค์ความเป็นส่วนรวมของประชาชน เสมือนการวางรากฐานของการสร้างความเป็นชุมชนซึ่งพัฒนามาเป็นอำเภอหนองบัวดังปัจจุบัน
ด้วยความเป็นมาดังกล่าวนี้ ความสามัคคี จึงเป็นหลักปรัชญาชุมชนที่สะท้อนอยู่ในคำขวัญอำเภอหนองบัวว่า ....
หลวงพ่อเดิมสร้างเมือง ลือเลื่องความสามัคคี
ประเพณีบวชนาคหมู่ หินสีชมพูคู่เขาพระ
เมืองพันสระนามกล่าวขาน พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านมากมี
ข้าวสารดีมีชื่อ นามระบือคือหนองบัว
แหล่งข้อมูลและที่มา :
[๑] ข้อมูลการสร้างวัดและโรงเรียน : พระมหาแล อาสโย(ขำสุข) และ เสวก ใยอินทร์ ใน http://gotoknow.org/blog/nongbua-community/322873 และ http://gotoknow.org/blog/nongbua-community/295169
[๒] ภาพถ่ายเจ้าคุณพระเทพสิทธินายก จากทำเนียบเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ อ้างถึงใน dialogue box ๕๗๑ โดย เสวก ใยอินทร์ http://gotoknow.org/blog/nongbua-community/295169
สวัสดี ครับ อาจารย์วิรัตน์
การได้เข้ามาอ่านและเข้ามาสวัสดีอาจารย์ ผ่านบันทึกที่อาจารย์ตั้งใจถ่ายทอดให้อ่าน
ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นและความพลังความรักของคนในชุมชนแห่งนี้
...
อ่านแล้วมีความสุขในหัวใจดีแท้ ครับ
พลังสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในตัวตนของคนในชุมชน ต้นแบบ เช่นนี้
...มาด้วยความรักและเคารพในตัวตนของอาจารย์วิรัตน์...
สวัสดีครับคุณแสงแห่งความดีครับ
สวัสดีครับอาจารย์
ผมทราบจากเอกว่าจะมีการเสวนาที่ศาลายา
กำลังพยายามจัดโอกาสให้ไปร่วมฟังด้วยครับ
ด้วยความระลึกถึงครับ
ในฐานะศิษย์เก่าหนองบัวเทพฯขอรายงานตัวเป็นคนแรก
นึกถึงบรรยากาศเวลามีกิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมหนองบัวกับทีมชุมแสงฉำฉาต้นใหญ่ข้างอาคารเรียนนั้นจะช่วยเป็นร่มเงาบังแดดให้แก่ผู้ผู้ชมกีฬาเป็นอย่างดี ส่วนอีกด้านก็มีร่มเงาต้นฉำฉาเหมือนกัน คือทิศตะวันตกที่ติดกับรั้วเมรุวัดหนองกลับ
คนดูจึงอาศัยร่มเงาสองด้านนี้เป็นที่ยืนชม-เชียร์กีฬากัน
สวัสดีครับหนานเกียรติ
โรงเรียนอนุบาลหนองบัว(เทพวิทยาคม) ที่แต่เดิมชื่อว่าโรงเรียนหนองบัว(เทพวิทยาคม) นั้น อาคารเรียนที่สร้างขึ้นด้วยไม้หลังเดิมในยุคก่อตั้ง เป็นอาคารเรียนสำหรับชั้นประถมต้น ข้างอาคารเรียนมีต้นฉำฉาหรือต้นจามจุรีขนาดใหญ่ ร่มรื่นและแผ่กิ่งก้านสาขาเป็นวงกว้างจน แดดไม่สามารถส่องถึงพื้น จึงเป็นลานดินทรายที่เรียบ น่านั่งเล่น เด็กๆทั้งหญิงชายใช้ร่มฉำฉานี้เป็นลานเล่น ทั้งหมากเก็บ ทอยลูกแก้ว กระโดดเชือก ริมรั้งแนวเดียวกันซึ่งอยู่ด้านทิศตะวันตกของสนามโรงเรียนอย่างที่พระคุณเจ้ากล่าวถึง ก็มีต้นฉำฉาต่อเนื่องเป็นแนวไปตามรั้ว
สวัสดีค่ะอาจารย์
ไม่ใช่ขอแรงงานอย่างเดียวท่านขอไม้จากชาวบ้านด้วย อุปกรณ์ทั้งหมดได้รับบริจาคจากชาวหนองบัว-หนองกลับ เสา-พื้น-ฝา-เครื่องบน-สังกะสี-ตะปู ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ชาวบ้านท่านนำมารวมกันสร้างอาคารเรียนได้ ๕ หลัง ใครมีไม้ฝาก็นำมา มีพื้นก็เอามา คนละชิ้นสองชิ้น มีไม้ที่บ้านเลื่อยเสร็จแล้วก็มาบริจาคสร้างอาคารเรียนร่วมกัน ...อาคารเรียน ๕ หลังนี้ไม่ใช้เงินรัฐ แรงงานก็ได้จากชาวบ้านหนองบัว-หนองกลับ โยมพ่อก็ไปช่วยทำและนำไม้ไปบริจาคด้วย ...โยมพ่อเล่าว่าคนรุ่นโยมนั้นอายุ ๒๐ กว่า ๆ เป็นช่างไม้กันหมดทำงานสร้างบ้านเรือนชานได้สบาย ...โยมบอกว่าคนสองตำบลสามารถช่วยกันสร้างอาคารเรียน ๕ หลังเสร็จภายในวันเดียว คือสามารถใช้ประโยชน์ได้เลย.
- ข้อความข้างบน..เป็นความงดงามมากนะคะ แสดงว่าจิตสาธารณะเกิดขึ้นกับคนไทยโดยติดตัวมาช้านาน
- แต่ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมทำให้สิ่งเหล่านี้ลดลงไปและเปลี่ยนไปด้วย
- โรงเรียน..ในสมัยก่อนส่วนมากจะเริ่มขึ้นที่วัด แสดงถึงความศรัทธาของการนับถือศาสนาเป็นสำคัญ
- ขอขอบพระคุณค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์ ผมแวะมาทักทายครับ
สวัสดีครับคุณครูคิมครับ
สวัสดีครับคุณบีเวอร์คนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ขอบคุณที่แวะเข้ามาทักทายกันครับ ส่งเสวนามาจากแห่งหนไหนของประเทศไทยกันละเนี่ย พลังชีวิตมากมายดีจริงๆ ไปได้ทั่วประเทศอย่างรวดเร็วเลยเชียว
สวัสดีค่ะ
สวัสดี สมาชิก เวทีคนหนองบัว ทุกๆ ท่าน
คงไม่สายและช้าไปน๊ะครับ ที่จะเข้ามา Post ใน Blog นี้ ถ้าผมจำมาไม่ผิด บางทีชาวบ้านจะเรียก โรงเรียนหนองบัวเทพวิทยาคม ว่า “โรงเรียนยาว” ซึ่งเข้าใจว่าจะเรียกตามลักษณะอาคาร ที่ปลูกตามแนวยาวของรั้วโรงเรียน รุ่นพ่อแม่มีแค่อาคารเดียว เรียนกันแค่ ป.๔ สมัยผมเด็กๆ จำได้ว่า เป็นอาคารเตี้ยๆ บันไดน่าจะ ๓-๔ ขั้น ขึ้นลงสะดวก พอเดินเข้าประตูโรงเรียน ผ่านตัวอาคารมา ก็จะเป็นสนามฟุตบอล มีต้นชำฉาให้ร่มเงา เวลาจัดงานกีฬา (กีฬากลุ่ม) จะมีนักกีฬาจากกลุ่มต่างๆ มาแข่งมากมาย เช่น กลุ่มธารทหาร, กลุ่มห้วยร่วม ฯลฯ เท่าที่จำได้ ตอนเด็กๆสนุกมาก ผมเป็นแค่นักกีฬาวิ่งเปรี้ยวครับ
ส่วนโรงเรียนหนองบัวมัธยม หรือ “หนองคอก” บางคนอาจจะเรียกว่า “โรงเรียนแดง” ส่วนชื่อที่มาของทั้ง ๒ ชื่อ ผมยังไม่รู้ถึงที่มา รบกวนผู้รู้ช่วยเพิ่มเติมด้วย
ขอบคุณครับ
บุญเลิศ ทรงทอง (DekThape ชาวหนองบัวอีกคน)
ดูเหมือนท่านพระอาจารย์มหาแล คุณเสวก และคนเก่าๆที่เคยมาพูดถึงโรงเรียนในเวทีคนหนองบัวก็เคยบอกว่าเขาเรียกอย่างที่คุณบุญเลิศเรียกนี้เหมือนกันครับ คือ โรงเรียนหนองคอก เรียกโรงเรียนแดง และโรงเรียนหนองบัว(เทพวิทยาคม)เรียกโรงเรียนยาว แต่ผมไม่ค่อยคุ้นทั้งสองชื่อเลยละครับ จะคุ้นโรงเรียนหนองคอก และหนองบัวเทพ ส่วนโรงเรียนวัดเทพสุทธาวาสก็เรียกโรงเรียนวัดเทพ
สนามและลานใต้ต้นฉำฉาอย่างในภาพนั้น รุ่นผมนั้นยังมีต้นฉำฉาไม่กี่ต้น ต้นที่ใหญ่และมีลานเล่นลูกแก้ว ลานเล่นฮูลาฮู ห่วงยาง ก็อยู่ด้านหลังตึกยาว และด้านข้างก็มีรั้วสังกะสี ผุพังโหว่เป็นช่วงๆ วัวหลวงพ่ออ๋อยเดินโผล่ลอดออกมากินหญ้าในสนามโรงเรียนได้เลยทีเดียว และเวลาเตะบอล บอลก็มักจะลอดรั้วออกไปในเขตแดนวัดหลวงพ่ออ๋อยซึ่งจะเป็นป่าช้า โรงทึม โรงลิเก ที่วางศพ และเมรุเผาศพ ก็ต้องอาศัยผู้กล้าเดินออกไปเอากลับมา ทั้งสนามหญ้าและลานวัด จะเต็มไปด้วยหญ้าเจ้าชู้ ชอบเกาะถุงเท้าและเสื้อผ้า เดินผ่านไปทีงี้ กลับออกมาก็นั่งแกะเป็นนานเลยถึงจะหมด
สวัสดีค่ะ
แวะมาทักทายและตามมาอ่านค่ะ ดิฉัน นักเรียนโรงเรียนวัดเทพฯ ค่ะ เดินไปโรงเรียนผ่านวัดทุกวันค่ะ
วันนี้ได้ลองชักชวนพระใหม่ ทำปฏิทิน๒๕๕๕ เพื่อถวายพระและญาติโยมในวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๔ ในงานรับตราตั้งรองเจ้าคณะอำเภอหนองบัว ประมาณครึ่งร้อยกว่าๆ
เป็นปฏิทินชุมชนหนองบัว ได้นำรูปถ่ายรูปวาดจากเวทีคหนองบัวไปทำ เมื่อทำเสร็จได้นำตัวอย่างไปให้เจ้าของงานดูท่านชอบก็เลยทำให้เล็กๆน้อยๆ ในระหว่างที่ทำพระใหม่ท่านก็สอบถามบุคคลในภาพที่นำมาขึ้นปกปฏิทินว่าคือใคร(หลวงพ่อเทพสิทธินายก) ก็เลยมีโอกาสได้เล่าให้ฟังว่าเป็นใครมีความสำคัญอย่างไร
พระทั้งสองรูปนี้ก็เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนหนองบัวเทพวิทยาคมเหมือนกัน
พระรูปที่นั่งขวามือนั้น โยมพ่อของท่านซึ่งเป็นรุ่นพี่อาตมา๑ปีสมัยที่บวชได้อยู่ที่กุฏิหลวงพ่ออ๋อยและเป็นผู้อุปัฏฐากดูแลท่านอย่างใกล้ชิดหนึ่งพรรษา(๑ ปี)
สวัสดีวันดีๆค่ะพี่อาจารย์...ระลึกถึงเสมอค่ะ..
ตอนนี้คุณอัญชันกับครอบครัว
และหมู่มิตรของเวทีคนหนองบัวที่สวีเดน เป็นอย่างไรบ้าง คงสุขสบาย และลหัลงจากขับรถได้แล้ว ก็ได้พึ่งตนเอง เที่ยวหาประสบการณ์ต่างๆได้มากมายยิ่งๆกว่าเดิมอีกนะครับ มีความสุขในวันคริสตมาสและปีใหม่ครับ คิดหวังสิ่งใดก็ประสบความสำเร็จ ได้ความงอกงาม และมีความแจ่มใสรื่นรมย์ในชีวิตอยู่เสมอ
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์มหาแลที่เคารพครับ
พระคุณเจ้าเป็นครูของสาธารณะในทุกโอกาสดีจริงๆเลยนะครับ ได้ส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ทางสังคมไปด้วยเป็นอย่างดีเลยครับ
สวัสดีครับคุณครูอ้อยเล็ก
นี่แอบไปเที่ยวหอคำหลวงมาอย่างไรนี่ เกือบถึงบ้านพี่แล้วนะครับน่ะ ขับเลยทางแยกที่เข้าถนนหน้าหอคำหลวงนี้ไปอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว วันหลังหากได้ไปอีกแวะไปแอ่วกันบ้างนะครับ