บันทึกจากพ่อถึงลูก บทที่หนึ่ง


เราก็มักจะทะเลาะกันเป็นประจำ จนแทบจะลืมไปเสียแล้วว่าตอนรักกันน่ะ มันหวานแหววขนาดไหน

 

สารบัญ

บทที่                                                                         หน้า

1)                พ่อกับแม่

2)                กว่าลูกจะมาเกิด

3)                ลูกเมื่อช่วงแรกเกิด   จนถึงสองขวบ

4)                เรื่องของลูกวัยสองขวบ จนถึงสี่ขวบ

5)                ชีวิตวัยเด็กของพ่อ

6)                ชีวิตวัยเด็กของแม่

7)                ชีวิตการทำงานของพ่อ

8)                ชีวิตการทำงานของแม่

9)       ใครจะรักลูกเท่าพ่อและแม่

10)      บ้าน

11)      เพลง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บทที่ 1   พ่อกับแม่

 

 

          พ่อเริ่มรู้จักกับแม่เมื่อประมาณยี่สิบปีมาแล้ว   แม่อ้างว่าเคยเห็นพ่อ   มาตั้งแต่ปีการศึกษาแรกที่พ่อกับแม่เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย   ส่วนวันที่ วันแรกที่พ่อจำได้ว่า เจอแม่วันแรกนั้น   เป็นวันสุก-ดิบช่วงเปิดเทอม   หรือก่อนวันรับน้องรถไฟ   ตอนนั้นพ่อเรียนที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ชั้น ปีที่3   พ่อยืนดูบอร์ดรายชื่อน้องใหม่   ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา (..)   แล้วบอกแบบล้อๆกับเพื่อนๆที่ยืนดูว่า  ดูซิเขา รับน้องตอ(ไม้)  ก็บังเอิญมีเพื่อนเก่าจาก สงขลา ที่เรียนอยู่ คณะแพทย์ฯ ชื่อ...อยู่ด้วย

เธอพูดขึ้นมาว่า "แหมไปแซวเขาว่า ตอ  แถวนี้ มีเด็ก ตอ-ออ   ตัวจริงอยู่ด้วยนะ" 

และเด็กหน้าหมวยคนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า "เขาเรียก ตอ-ออ  ไม่ใช่ตอ"

 

พ่อรู้สึกทึ่งและฉงน ในความกล้าปะทะคารมของเด็กคณะนี้ (หมอ)   เธอตัวเล็กๆ หน้าขาวๆ ไว้ผมหน้าม้าทรงบ๊อบแบบ "จินตหรา"  ซึ่งก็น่าจะไม่กล้าปะทะกับเด็กซ่าๆจากคณะวิศวะ ไว้ผมยาว ผูกได้ มาดเซอร์ หรือ โลโซ ตามภาษาสมัยนี้ แบบพ่อ พ่อก็เลยยอมยกธงขาว ไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย 

 

ในแว่บของความรู้สึก พ่อรู้สึกคุ้นๆหน้าบ้างพอสมควรในฐานะเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย  แต่จำไม่ได้เหมือนกันว่าเคยเห็น หรือ เจอกันตอนไหน   คงตอนเดินผ่านๆ  หน้าโรงอาหารของมหาวิทยาลัย   หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยเจอหน้ากันสักเท่าไหร่ จนเหตุการณ์ผ่านไปนานพอสมควร

 

สำหรับการพบคุยกันอย่างเป็นทางการ  ที่เรียกว่า"ขายขนมจีบ"น่ะ 

 

เรื่องมันก็เกิดขึ้นตอนเพื่อนพ่อ ชื่อ...ให้พ่อไปช่วย ซื้อของที่ตลาดหาดใหญ่พลาซ่า  วันนั้นตรงกับวันมหิดล ซึ่งทางมหาวิทยาลัยจัดงานประชาสัมพันธ์ของคณะแพทย์ เพื่อเผยแผ่ความรู้ทางการแพทย์ให้แก่ประชาชนโดยทั่วไป  มีนิสิตจากทางคณะแพทย์เป็นผู้ดูแลเรื่องบอร์ดแสดงเรื่องราวทางการแพทย์  แม่ของลูกเป็นคนๆ หนึ่งซึ่งยืนคุมบอร์ดเรื่อง VD หรือ กามโรค!!! นั่นเอง   ระหว่างยืนรอเพื่อนไปซื้อของ  พ่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการไปยืนอ่านและซักถามเกี่ยวกับเรื่องทางการแพทย์

 

พ่อยืนถามๆ แม่อธิบายเสียเป็นคุ้งเป็นแคว แถมตบท้ายด้วยการถามพ่อกลับว่าเคยเป็นเหรอ เห็นอยากรู้เรื่องนัก  (ซึ่งจริงๆแล้วพ่อถามเพื่อไปอธิบายให้เพื่อนร่วมห้องต่างหาก) 

 

หลังจากเหตุการณ์วันนั้น จนนับถึงวันนี้ ช่วงปีที่ลูกเกิดขึ้นมาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวเรา รวมเวลาเกือบสิบหกปี 

 

เราก็มักจะทะเลาะกันเป็นประจำ จนแทบจะลืมไปเสียแล้วว่าตอนรักกันน่ะ   มันหวานแหววขนาดไหน

  

พ่อนัดแม่กินข้าวครั้งแรก  เป็นวันหลังสอบเสร็จ ก่อนปิดเทอมกลาง   ที่ร้านอาหารในเมือง  แม้ว่าแม่จะมีรูมเมทไปด้วยเป็นโขยง เราคบกันแบบเพื่อนสนิททั้ง "ก๊วน"

 

ฝนตกปรอยๆ  ตอนเดินกลับหอพักเพื่อไปส่ง มีช่วงโอกาสจำกัดอยู่หน่อยหนึ่ง พ่อร้องเพลง"กุหลาบสีแดง"ให้แม่ฟัง (ภายหลังแม่ฟังเทปแล้วบอกว่าไม่เห็นเหมือนเทปเลย)

 

จากจุดนั้น ความสัมพันธ์จากเพื่อนสนิทค่อย ๆ ก่อตัว เปลี่ยนแปลง แปรรูปเป็น...เสียงพูดคุยทางโทรศัพท์, สื่อข่าว เล่าเรื่องราวทางการเขียนจดหมาย, นัดกินข้าวฯลฯ  (จีบผู้หญิงก็ต้องลงทุนอย่างนี้ล่ะลูก)

 

แต่แม่บอกพ่อภายหลังว่า สิ่งที่แม่ประทับใจพ่อ  อยู่ตรงที่พ่อเป็นคนมีอารมณ์ขันและอ่านหนังสือมาก ๆ ทำให้แม่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ขำขัน ได้ความรู้เสริมเพิ่มเติมเป็นส่วนประกอบ         

 

แม่จำได้และเป็นคนเล่าให้พ่อฟังว่า(ผู้หญิงมักจำเก่งในเรื่องแบบนี้...นิย้าย นิยาย)

 

พ่อส่งแม่ขึ้นรถไฟเพื่อ กลับกรุงเทพฯครั้งแรก สิ่งละอันพันละน้อยที่แม่ได้รับจากพ่อเสมือนเป็นของที่ระลึก คือ...

 

นิยายจีนเรื่องฟันฟ้าผ่านรก(ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นเรื่อง กระดึง สายลม และคมดาบ)”

 

และยาทาแก้หวัด  Vic vaporub เป็นสิ่งที่เตือนให้ระลึกได้แปลก!!!  ไม่เหมือนใครอื่น

 

 

  

อีกอย่างก็คือ เทปเพลงม้วนกุหลาบสีแดงของธีระศักดิ์ อัจจิมานนท์

 

เป็นมุขที่แปลกดี หรืออาจจะเรียกว่าไม่ลงทุนก็ได้ (ฮา) 

ภายหลังจากนั้น แม่และพ่อก็ผลัดกันส่งอีกคนหนึ่ง เพื่อ นั่งรถไฟบ้าง รถเมล์บ้าง เครื่องบิน บ้าง  กันมาเกือบตลอดเวลานั่นแหละ

 

ชีวิตคือ การเดินทาง และการทำงาน

 

พ่อ(คิดว่าแม่ด้วยนะ) มีคติประจำชีวิตอย่างนี้

 

 

(มีต่อ)



ความเห็น (12)

เป็นอดีตที่หวานแหววจังค่ะ อิๆๆๆ

น่ารักจัง รออ่านต่อค่ะ

  • ดีจังเลยค่ะ ได้อ่านทั้งสองเวร์ชั่น เหมือนดูหนังที่ผ่านมุมมองบุคคลสำคัญ(ตัวเอก)สองคน แต่เนื้อเรื่องเดียวกัน (จำชื่อเรื่องไม่ได้แล้วค่ะ)
  • รอติดตามและลุ้นต่อค่ะ

P   อย่างที่คุณดาวลูกไก่จำได้  ใช่แล้วค่ะ มีสองเวอร์ชั่น

อันโน้น..ดิฉันลองเรียบเรียงจากความทรงจำ  ซึ่งมันน้าน นาน มาแล้ว

*ต้องหมั่นรดน้ำพรวนดิน ใช่มั้ยคะ อิ อิ*

ความรักเราจึงจะคง      ยืนยงยืดยาวนิรันดร์

คู่กัดคู่เพี้ยนสัมพันธ์      คืนวันหวาน-ขม...โอ้..นิยาย(ยุงชุม)

(อ่านแลเลียนแบบหนังสือกลุ่มฮาวทู ;P)

Pพี่หมอคะ เวอร์ชั่นนี้ เขา(สามี)มีสอดแทรกการวางแผน(ชีวิต,การงานและ...)

เมื่อเขามาช่วยบอกคำและที่สำคัญลงมือพิมพ์ให้  น้องจึงคิดว่าดูมีสาระกว่าอันที่น้องเคยแอบ ๆ เกริ่นไว้

**แต่น้องชอบเรื่องพี่หมอค่ะ มันดูมี.."ชีวิต"**

P ขอบคุณคุณเพ็ญศรีนะคะ  อันนี้ถ้าติดตามไปมี..ความฝันเฟื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่..มาดเซอร์ เมื่อก่อน แต่ในความคิดของเรา เดี๋ยวนี้เขาทำให้เรา..เซอร์เสียเอง..เซอร์ไพรส์ !!!

P  ในเวอร์ชั่นนี้ บางตอนก็ ขม(เป็นยา)..ค่ะ

P  นาน ๆ ถึงจะได้อ่าน เม้นท์น้องซาน

(working woman,คุณอากายสิทธิ์...)

ขอบคุณค่ะ

*(ปริศนา นะคะ อะไรเอ่ย..ไปหรือมาช้า  แต่ไปหรือมาจนได้  อิ อิ)

สวัสดีค่ะ มาขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมเยือนค่ะ

เรื่องราวน่ารักจังเลยค่ะ

P  ขอบคุณค่ะ ที่ชอบ รู้สึกว่าส่วนครอบครัว แต่อาจมีประโยชน์บ้างจึงนำมาบันทึกค่ะ ;P

บทต่อ ๆ ไป จะมีคำสอนมากขึ้น ๆ แอบสอนเรา-แม่และลูกน่ะค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท