สวัสดีครับ เรื่องราววันนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของคุณครูท่านหนึ่งที่ผมดูแลอยู่ เธอมีชีวิตที่น่านับถือและผมได้เรียนรู้หลายอย่างจากเธอ เรื่องนี้เคยนำเสนอมาแล้วในบางส่วนเมื่อการพบการครั้งแรกเมื่อ 2 ปีก่อนในตอน มะเร็งกาย VS ศรัทธา
คุณครูอายุประมาณ 40 ปีนับถือศาสนาคริสต์ เป็นครูอยู่ รร.เอกชนคริสเตียน แห่งหนึ่ง อยู่กับสามีและลูกสาวอายุ 10 ขวบ
เธอป่วยเป็นมะเร็งเต้านมได้ 4 ปี ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเต้านมซ้าย และมีแขนบวม หมอบอกเธอว่าเป็นมะเร็งระยะลุกลาม ต้องให้เคมีบำบัดเพื่อประคับประคองอาการ เธอปฏิเสธเคมีบำบัดและการรักษาแผนตะวันตก หันมาดูแลตัวเองด้วยสมุนไพร ผมรู้จักเธอเพราะ sister พลอย (พยาบาลอาสาชาวคริสต์ที่มาทำงานที่ รพ. แม่สอด) แนะนำให้ผมรู้จักเมื่อ 2 ปีก่อน
sister พลอย "พี่พยายามเข้าไปเยี่ยมเธอแต่เธอไม่อยากให้ช่วย เพราะ เกรงใจ พี่ต้องเปิดมุ้งเข้าไปหาเธอ เธอถึงยอม"
จากที่ sister พลอยบอกผม ผมไม่แน่ใจว่าอะไรทำให้เธอพยายามดูแลตัวเองโดยที่ไม่ต้องการความช่วยเหลือจาก sister
บทสนทนาย่อ ๆ เมื่อ 2 ปีก่อน (เธอยอมมาคุยกับผมที่ศูนย์สุขภาพชุมชน)
ผม "เห็นว่าพี่ไม่อยากให้เคมีบำบัด"
คุณครู " พี่คิดว่าการให้เคมีทำให้ร่างกายทรุดโทรม"
ผม " พี่คิดว่าจะทำไงต่อไป"
คุณครู " เป็นประสงค์ของคุณพระที่ให้พี่ป่วยพี่ก็ยอมรับ นี่เป็นการทดสอบ....หากท่านประสงค์ให้พี่หายพี่ก็เชื่อว่าน่าจะหายได้"
ผม"เห็นว่าพี่มีลูกสาว ห่วงลูกไหมครับ"
คุณครู " ห่วงนะอยากอยู่จนถึงเขาเรียนจบปริญญา" (ตอนนั้นน้องอายุ 8 ขวบเอง...ผมนึกในใจว่าจากอาการเธอไม่น่าจะอยู่ถึง 6 เดือนด้วยซ้ำ)
ผม " แล้วบอกลูกไหมว่าป่วยเป็นอะไร"
คุณครู " ยังไม่ได้บอกเลย คิดว่าบอกลูกก็ยังไม่เข้าใจ"
ผม "แล้วลูกถามไหมว่าแม่เป็นอะไร"
คุณครู " มีบ้าง แต่ก็พยายามเข้มแข็ง คุยกับแฟนว่าช่วยดูแลลูกสาวอย่างอบอุ่น"
ผม "ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็ยินดีนะครับ"
ผู้ป่วยมีอาการปวดแขนซ้าย+แผลเริ่มมีกลิ่น เธอดูแลตัวเองทุกอย่างและยังไม่ต้องการยาใด ๆ sister พลอยบอกว่ายังไงก็จะพยายามไปเยี่ยมเธอบ่อย ๆ
ผมมองว่า การปฏิเสธการรักษาเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยเลือกได้ เรามีหน้าที่ "บำบัดทุกข์ (กาย-ใจ) บำรุงสุขให้เธอ " เพราะเป็นหน้าที่ของข้าราชการในองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ควรทำต่อประชาชนของท่าน ผมเปิดช่องทางให้เธอได้เลือกทางของตัวเอง อย่างให้เกียรติและเท่าเทียม เธอไม่ได้มาหาผมอีกเลยหลังจากวันนั้น ไม่ใช่เพราะเธอไม่เชื่อเรา-แต่เธอยังดูแลตัวเองได้-ยังมีพลังที่จะต่อสู้
ผมมองเรื่อง ศรัทธา (faith) เป็นพลังในการดำรงชีวิตอยู่ ผมได้เรียนรู้มากทั้งศรัทธาของ sister พลอยที่อยากจะช่วยเหลือ และศรัทธาของคุณครูที่มีต่อพระเจ้า
เราคงไม่มีหน้าที่ไปตัดสินใครว่าจะมีอายุยืนนานเท่าไหร่ เธอเชื่อและขอต่อพระเจ้าว่าอยากอยู่ดูลูกจนหมดห่วง-คงไม่ใช้หน้าที่ของเราที่ไปบอกเธอว่าจะอยู่ได้แค่ 6 เดือน หรือ ไม่ถึงลูกรับปริญญา
2 ปีผ่านไป sister พลอยบอกผมว่า "ผู้ป่วยอาการไม่ดี หมอช่วยไปเยี่ยมได้ไหม...ผมตอบรับทันทีแบบไม่ต้องคิด"
ตอนต่อไปน่าสนใจครับ...แล้วเจอกันครับ
จะรอตอนที่ ๒ ค่ะ
พี่ได้อบรมการเผชิญความตายจากพระอาจารย์ไพศาล วิสาโลและทีม
คุณสุ้ย ฝากคิดถึงคุณหมอค่ะ
จะรอติดตามนะคะ
ขอบคุณคุณแจ่มใสที่แวะมาครับ
พี่แก้วครับเสียดายที่ไม่ได้ไป zone อีสาน เลยไม่ค่อยได้เจอพี่ ยังไงก็เจอกันใน blog แล้วกันครับ
สวัสดีครับอาจารย์เต็ม
ผมไปดูใน livingwill แล้วครับ