มันเป็นแค่บันทึกธรรมดาเท่านั้นเอง : คำนำจากคนนอกฤดู


แต่ถ้าโชคดี จะมีสักคนที่อ่านแล้ว หันกลับไปเปลี่ยนมุมคิดของตนเองให้ก้าวทะยานออกไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และใส่ใจกับคนรอบข้างขึ้นบ้าง ผมก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างยิ่งใหญ่สำหรับผม

จริงอยู่ การมีหนังสือที่เขียนขึ้นด้วยตัวเองตีพิมพ์ออกมาสักเล่ม เป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของชีวิตของผมเอง  แต่ครั้นเมื่อตัดสินใจลงมือทำจริงๆ แล้ว ผมกลับมีความรู้สึกว่า
ความฝันของตัวเองนั้น หาใช่แก่กิเลสในทางวรรณกรรมส่วนตัวเท่านั้น  แต่มันมีความหมายมากมายเกินกว่าที่ผมคิดเอาไว้นัก

ก่อนหน้านี้  ผมเคยส่งต้นเรื่องจำนวนหนึ่งให้บรรดาน้องๆ ในแวดวงนักเขียนแถวอีสานได้อ่านกันบ้างแล้ว  หลายคนเป็นนักเขียนเต็มตัว หลายคนก็โลดแล่นอยู่ในแวดวงคนทำหนังสือ และอยู่เบื้องหลังหนังสือสวยๆ ของนักเขียนดังๆ หลายคนเหมือนกัน

ส่วนหนึ่ง ให้คำแนะนำว่าให้ผมปรับกระบวนการของการนำเสนอใหม่ทั้งหมด  ให้นำเอากลวิธีการเขียนแบบสารคดี บทความ หรือแม้แต่เรื่องสั้น และนวนิยายเข้าไปขับเคลื่อน

ซึ่งผมชี้แจงไปสองประเด็นหลักคือ หนึ่ง,ผมต้องการคงต้นแบบของการเป็นบันทึก หรือ
“บล็อก”  อันเป็นที่มาที่ไปไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเป็นการแสดงความคาราวะต่อต้นธารแห่งการบันทึก ซึ่งนั่นก็คือ gotoknow  นั่นเอง

สอง, การจะให้ปรับแต่งใหม่ทั้งหมดนั้น ผมว่ามันยากมาก ให้เขียนใหม่แบบถอดด้ามยังง่ายกว่าเยอะเลย  เพราะทั้งหมดนั้น มันเป็นแค่บันทึกธรรมดาๆ เท่านั้นเอง  กล่าวคือ  ณ วันที่เขียนบันทึกและเผยแพร่ในบล็อกนั้น  ผมก็ไม่เคยได้วางประเด็น วางโครงเรื่อง หรือวางกลวิธีการเขียนไว้ล่วงหน้า-พบเจออะไรมาก็เขียนสดๆ เน้นความสดของเรื่อง  เพียงหวังจะเป็นการบันทึกชีวิตประจำวันและบันทึกเรื่องราวอัน “ดีงาม”
ที่พบผมได้เจอมาเท่านั้นแหละ  และในห้วงนั้น  ก็ไม่เคยคิดว่าจะนำมาทำเป็นหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คเลยแม้แต่น้อย

ดังนั้น  มันจึงเป็นแค่บันทึกธรรมดาๆ เท่านั้นเอง..
และก่อนนั้น ก็ไม่เคยคิดที่จะนำเอาบันทึกที่ว่านี้มาทำเป็นหนังสือขาย-จ่ายแจกเลยสักนิด

เมื่อเป็นเช่นนั้น  เรื่องการทำหนังสือจึงหยุดชะงักไปห้วงหนึ่ง  ซึ่งห้วงที่ว่านั้นก็ยาวนานหลายเดือนเลยทีเดียว

กระทั่งวันหนึ่ง  ขณะที่เดินเล่นเพลินๆ อยู่ในร้านหนังสือแห่งหนึ่งกลางใจเมืองมหาสารคาม  ผมมีโอกาสได้เจอนักเขียนชื่อดังท่านหนึ่งโดยบังเอิญ
(ปัจจุบันเข้ารอบสุดท้ายของซีไรต์ปีนี้)  คล้ายกับนักเขียนท่านนี้แว่วยินเรื่องราวการทำหนังสือของผมมาบ้างแล้ว  ดังนั้นการสนทนาในเรื่องดังกล่าวจึงเปิดตัวขึ้นอย่างง่ายงาม ..

ครั้งนั้น (หรือวันนั้น) ...  นักเขียนที่ว่านี้ก็บอกกล่าวต่อผมในทำนองว่า
“ทำเลย ไม่ต้องปรับแต่งแล้ว รักษาต้นฉบับนั้นให้มากที่สุด  มายังไงก็เสนอไปตามนั้น  ทำเล่มแรกให้มันได้ แล้วมันจะทะลายกำแพงบางอย่างลง  บางทีเราอาจจะพบพลังมหาศาลที่อยู่ในตัวเรา  พอทำเล่มที่สอง ค่อยจัดวางระบบเรื่องใหม่  เอาให้ชัดตั้งแต่ต้นเลย...”

เช่นนั้นแหละ  ถัดจากวันนั้น  ผมก็หันกลับมาปัดฝุ่นต้นฉบับ และเอาจริงเอาจังกับความฝันของตนเอง  ด้วยการเดินหน้านำเอาบันทึกในบล็อกมาทำเป็นหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊คอย่างที่ใจพึงปรารถนา..

ผมไม่สนใจว่ามาตรฐานของเนื้อหานั้นจะเป็นอย่างไร  เพราะผมไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพที่ต้องคิดให้หนักหากต้องทำหนังสือสักเล่ม  มีเพียงมาตรฐานเดียวเท่านั้นที่ผมสัมผัสได้ นั่นคือ “ความสุข” หรือ “มาตรฐานแห่งใจของผมเอง”  ซึ่งนั่นก็หมายถึง ...มันเป็นความฝันของผมเอง  เมื่อพร้อมผมก็ควรต้องลงมือทำ ไม่ใช่ขลาดกลัว หรือทรยศต่อความฝันของตัวเอง  พร้อมๆ กับการย้ำเตือนตัวเองว่า  ความฝันที่เป็นจริงได้ ย่อมเกิดจากการลงมือทำ  และหากเราติดยึดกับมาตรฐานของคนอื่นมากจนเกินไป  เราย่อมไม่อาจมีก้าวแรกของเราได้เลยก็เป็นได้...

และจากนี้ไปก็คือ ส่วนหนึ่งที่ปรากฏในคำนำหนังสืออันเป็นที่รักของผม..
ผมอยากให้ทุกท่านได้อ่าน  เพราะบันทึกต่อไป  ผมจะบอกเล่าถึงบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ปรากฏในคำนำของหนังสือ  แต่เป็นพลังที่ผมคิดและปรารถนาที่จะให้หนังสือของผมได้ทำหน้าที่ที่มากกว่าการเป็นความฝันส่วนตัวของผมเอง...

เชิญครับ...

 

 

มันเป็นแค่บันทึกธรรมดาเท่านั้นเอง-
ครับ-ผมบอกกับใครต่อใครในทำนองนั้นเสมอเมื่อจำต้องพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้  เพราะในความเป็นจริงนั้น  เรื่องทุกเรื่องก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ  และผมก็ไม่อาจเรียกได้ว่างานเขียนของผมนั้นเป็นบทความ, สารคดี, หรือแม้แต่ความเรียงได้เลย  เพราะไม่ว่าองค์ประกอบใดก็ตาม  ล้วนยังคงไกลสุดกู่นักหากต้องเทียบเคียงกับประเภทของงานเขียนที่ผมกล่าวถึง         

เรื่องทุกเรื่องที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ ล้วนเป็นบันทึกที่ผมเขียนไว้ในบล็อก (Blog) ของสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (gotoknow.org)  โดยใช้นามแฝงว่า “แผ่นดิน” 

ผมเขียนเรื่องราวเหล่านี้ด้วยจุดหมายอันชัดเจนมาตลอด  นั่นคือการพยายามที่จะบันทึกเรื่องราวอันดีงามของนิสิตที่เพียรพยายามทุ่มเทกายและใจให้กับการทำประโยชน์ต่อสังคม  และนั่นอาจหมายรวมถึงการทำหน้าที่บอกกล่าวให้รู้ว่า คนหนุ่มสาวในมหาวิทยาลัยยังคงเต็มไปด้วยไฟฝันของชีวิต  เช่นเดียวกับชีวิตในโลกใบนี้ก็ยังมีเรื่องราวอันดีงามให้สัมผัสพบเจออยู่อย่างไม่เหือดแห้ง

นอกจากนี้ยังมุ่งหวังเป็นการส่วนตัวว่าเรื่องราวในบันทึกของผมนั้นจะกลายเป็นจดหมายเหตุชีวิตของนิสิตบนถนนสายกิจกรรมของมหาวิทยาลัยโดยปริยาย  ในภายภาคหน้าจะได้ไม่ต้องมาวิ่งวุ่นและกุมขมับปะติดปะต่อข้อมูลต่างๆ ให้ยุ่งยากเหมือนที่ผมกำลังประสบอยู่  รวมถึงการย้ำให้ผู้คนไม่ลืมว่า ในมหาวิทยาลัยอันเป็นที่รักของผมนี้  ยังคงมีอีกวิถีหนึ่งที่มีคุณค่าและมีความหมายต่อการดำเนินชีวิตของคนหนุ่มสาวปัญญาชนเป็นยิ่งนัก  ซึ่งวิถีนั้นก็คือ วิถีกิจกรรม หรือวิถีการเรียนรู้นอกห้องเรียนนั่นเอง...

และการเรียนนอกห้องเรียนนั่นแหละที่ผมเรียกอีกชื่อว่า “เรียนนอกฤดู”  อันเป็นชื่อของหนังสือเล่มนี้  เรื่องทุกเรื่อง ล้วนเป็นเรื่องจริงที่ปราศจากการปรุงแต่ง  และส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับค่ายอาสาพัฒนาแทบทั้งสิ้น  เพราะผมเองก็เชื่อเสมอว่า  ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน  งานค่ายอาสาพัฒนาก็ยังเป็นทางเลือกในอันดับต้นๆ ที่เหมาะต่อการเป็นเครื่องมือแห่งการเพาะบ่มให้คนหนุ่มสาวในมหาวิทยาลัยเกิดกระบวนการเรียนรู้โลกและชีวิต  สร้างเจตคติที่ดีต่อการชีวิตและมีจิตสำนึกที่ดีต่อการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม

ที่สำคัญ ผมเองก็เชื่อและศรัทธาเรื่อยมาอย่างไม่เปลี่ยนแปลงว่า  ถึงแม้สังคมในมหาวิทยาลัยจะพลิกผันไปแค่ไหน  แต่งานค่ายอาสาพัฒนาก็ยังเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ให้คนหนุ่มสาวที่เรียกตนเองว่าปัญญาชนได้ก้าวเข้าไปสัมผัสอย่างไม่รู้เบื่อ...

ด้วยเหตุดังกล่าวนี้  “เรียนนอกฤดู”  จึงเป็นการยืนยันว่านี่คือ “ห้องเรียนชีวิต” อีกห้องเรียนหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ โดยเฉพาะในวันและวัยของคนหนุ่มสาวที่กำลังเตรียมความพร้อมออกไปสู่การเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอย่างแท้จริง

แต่สำหรับผมแล้ว  ผมมีความสุขเป็นที่สุดกับการได้บันทึกเรื่องราวอันดีงามเหล่านี้ไว้ด้วยตนเอง  และไม่อาจเฝ้าฝันหรอกว่าหนังสือเล่มนี้  จะมีพลังมากพอที่จะขับส่งให้ผู้อ่านได้ก้าวออกไปเรียนนอกฤดูของตนเองได้  เพราะมันเป็นแต่เพียงบันทึกธรรมดาๆ เท่านั้นเอง

แต่ถ้าโชคดี  จะมีใครสักคนที่อ่านแล้ว หันกลับไปเปลี่ยนมุมคิดของตนเองให้ก้าวทะยานออกไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และใส่ใจกับคนรอบข้างขึ้นบ้าง  ผมก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างยิ่งใหญ่สำหรับผม

หากแต่วันนี้  ผมก็เชื่อว่า เราทุกคนล้วนมีฤดูกาลของชีวิตด้วยกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่า  คนแต่ละคนกล้าพอที่จะเรียนรู้นอกกรอบนอกกติกาบ้างหรือไม่เท่านั้นเอง


โชคดีกับชีวิตกันทุกคน
พนัส  ปรีวาสนา

 

 

หมายเลขบันทึก: 276832เขียนเมื่อ 15 กรกฎาคม 2009 21:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (43)

ว๊าว..ออกมาเป็นรูปเล่มแล้วเหรอคะเนี่ย..ตื่นเต้นด้วยจังค่ะ..วู๊๊๊ๆๆๆ

..
ยินดีด้วยนะคะ..หนุ่มน้อยหน้าปกหล่ออย่าบอกใครเชียว..อิอิ..

เชียร์นะคะ..อาจารย์พนัสเป็นคนที่เขียนคำสละสลวย มากค่ะ..

อันนี้..แฟนคลับหนังสือทำมือฝากมาค่ะ..อิอิ..

ขอบคุณมิตรภาพที่งดงามเสมอนี้นะคะ..

^^

 

สวัสดีค่ะ

ขอเป็นกำลังใจ

ให้ประสบความสำเร็จ

ที่ตั้งความปรารถนาไว้

  • สวัสดีค่ะ อ.แผ่นดิน
  • หนังสือเล่มที่ให้ป้าแดงมาเมื่อครั้งไปดงหลวง ป้าแดงก็ชอบมาก ไม่เฉพาะเนื้อหา แต่รวมถึง ขนาดของหนังสือและสีสันที่เรียบๆแต่ลึกซึ้ง
  • หนังสือเล่มนี้ก็เช่นกัน แค่ปกก็น่ารักแล้วค่ะ

ปกน่ารักและสื่อความได้ดี

รออ่านข้างในอยู่ค่ะ

ขอให้โชคดีนะคะ

เป็นกำลังใจให้ตลอดเวลานะคะ บันทึกคุณพนัสน่าอ่านทุกบันทึกค่ะ
หน้าปกหนังสือ สวยมากค่ะ

  • มาเป็นกำลังใจ
  • และรอเป็นเจ้าของ
  • เล่มแรกหนังสือทำมือ
  • ยังเก็บอยู่เลยครับ
  • ขอบคุณมากครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์แผ่นดิน

  • ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ ที่ประสบความสำเร็จไปอีกก้าวหนึ่งค่ะ สมกับความตั้งใจไว้
  • คงมีโอกาสได้อ่านและชื่นชมหนังสือเล่มนี้ค่ะ
  • ขอให้มีความสุขกับการทำงานและในทุก ๆวันค่ะ

สวัสดีค่ะ น้องแผ่นดิน

  • พี่ไม่อาจวิพากษ์วิจารณ์หนังสือของน้องได้...
  • ...แต่ที่สำคัญที่สุด คือ พี่เห็นการเปลี่ยนแปลงของน้องที่โตวันโตคืน...
  • พี่ดีใจที่ได้เห็นน้องตั้งแต่แรกเข้ามา และเติบโตอย่างสมบูรณ์แบบใน G2K...สิ่งที่น้องไม่เหมือนใคร คือน้องไม่เคยยกยอตนเอง ไม่คุยโว หรือแม้จะอวดอ้างตนหรือผลงาน...น้องถ่อมตนเสมอมา และที่เป็นเสน่ห์คือ ความกตัญญูต่อถิ่นกำเนิดในทุกถิ่น ไม่ว่าจะเป็นกำเนิดกาย  กำเนิดวิชาชีพ กำเนิดครอบครัวหรือกำเนิดความรู้... 
  • พี่ยังประทับใจในทุกๆเรื่องที่รับทราบจากบันทึกที่น้องถ่ายทอดเสมอ(แม้ออกจะห่างเหินไปในปัจจุบัน เพราะภารกิจของพี่ที่ไม่เอื้ออำนวยนัก)...แต่น้องยังคงเป็น พนัส...นักเขียนมืออาชีพตัวจริง...ของพี่เสมอมา
  • ขอให้เส้นทางนี้เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่ทำให้น้องบรรลุเป้าหมายของการนำเสนอศักยภาพของเด็กหนุ่มสาว...ที่คนเรียนในฤดูจะไม่มีวันเห็น
  • ...ขอให้ประสบความสำเร็จจนถึงที่สุด

                                             โชคดีน้องรัก

                                                         พี่ติ๋ว.

สวัสดีค่ะ

*** อ่านบันทึกความเห็นชื่นชมและให้กำลังใจอาจารย์แล้วปลื้มแทน

*** ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • ป้าคิม...มาติดตามเป็นกำลังใจให้เสมอ
  • รออ่านหนังสือค่ะ
  • ปกน่ารักมาก ๆ

มาชื่นชมกับผลผลิตที่น่าสนใจยิ่ง

ผมอ่านบันทึกของอาจารย์แล้วอยากกลับไปเป็นนักศึกษาทำกิจกรรม อยากให้ลูกเป็นลูกศิษย์อาจารย์เพราะเชื่อมั่นว่าเขาจะได้รับแต่สิ่งดีๆของชีวิต แต่เขาก็จบมาแล้วจากสถาบันการศึกษาทางภาคใต้ทั้ง สงขลานครินทร์และวลัยลักษณ์ครับ

อยากอ่านหนังสือของท่านจังเลยครับ

ติดตามอ่านบล็อกมา 2-3 ครั้ง

ประทับใจการนำเสนอครับ

ขอชื่นชม

  • มาขอเรียนลัด..ผ่านตัวหนังสือที่ถ่ายทอดออกมาครับ...

สวัสดีครับ...คุณครูแอ๊ว

จริงๆ แล้วหนังสือทำมือเล่มนั้น (เสียงจากโลกแคบ)  หลายบท ผมอ่านแล้วก็เขินตัวเองไม่น้อยนะครับ  เพราะบางที เหมือนนักรักพเนจร บางทีก็เหมือนนักเดินทางที่ไร้หลักแหล่ง...และเหมือนผู้รู้อะไรสักอย่าง แต่จริงแท้นั้น เป็นเพียงบทสังเกตการณ์ของผมที่มีต่อโลกและชีวิตเท่านั้นแหละ...

ขอบคุณสำหรับคำชื่นชมที่มีให้นะครับ
ผมน้อมรับและขอเก็บรักษาไว้ด้วยใจ

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ..ท่าน อ.JJ

ดังที่ผมเคยเรียนกับท่านอาจารย์ฯ แหละครับว่า นี่คือเครื่องมือหนึ่งที่ผมหวังจะใช้ในกระบวนการรของการพัฒนานิสิต 

มันเป็นเพียงบันทึกธรรมดาๆ..ของผมเอง
และความสุขก็คือการได้ทำ และได้ให้กับคนอื่นในรูปแบบของตัวเอง

...ขอบคุณครับ..

สวัสดีครับ พี่รุ่ง... ตันติราพันธ์

หนังสือเล่มนี้  ไม่ได้ตั้งเป้าว่าต้องได้กำไรเลยนะครับ
ขอเพียงไม่ขาดทุน หรือขาดทุนน้อยที่สุดเท่าที่พึงมีได้
ก็ถือว่า ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวดแล้ว

 และขอให้คำพรนั้นเป็นจริง...
"ขายดีๆ"

ขอบคุณนะครับ 

จะเข้ามาบอกว่า ไปรษณีย์มาส่งหนังสือให้แล้ว ทั้งเล่มเดิมและเล่มใหม่
พี่จะรีบติดต่อไปในอีเมลนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีครับ..ป้าแดง pa_daeng

เมื่อต้องลงมือทำหนังสือสักเล่ม  ผมจะทุ่มเทมาก ..ถึงแม้ทุกครั้งทุกเล่ม จะมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่ก็ด้วยเหตุสุดวิสัยแทบทั้งสิ้น

ผมมีความรู้สึกว่า หนังสือ...คือ...คนรักของข้าพเจ้าฯ

...ขอบคุณครับ...

สวัสดีค่ะ

* แวะมาเตือนสัญญาค่ะ  อิอิ

* รอ รอ รอ รอ รอ  รออ่านค่ะ

* สุขกายสุขใจนะคะ

แวะมาขอบคุณและมาเยี่ยมค่ะ บทความของคุณดีมากค่ะ

จากครูเปิ้ล

สวัสดีค่ะพี่แผ่นดิน

โอ้โห พี่แผ่นดินเก่งจังเลยค่ะ

แวะมาให้กำลังใจ อ.แผ่นดินครับ ผมชื่นชอบบทความของอาจารย์มากเลยครับ ได้อารมณ์ ความรู้สึกดีจริงๆ

สวัสดีครับ ครูอรวรรณ

ขอบคุณการมาเยี่ยมเยียนอย่างสม่ำเสมอ นะครับ..
พรุ่งนี้เช้า  จะวานให้คุณแดนไท บรรจุหนังสือลงในวองไปรษณีย์
และส่งไปให้ นะครับ ..และคงได้ฝากหนังสือเข้าห้องสมุดเป็นการทดแทนบุญคุยของโรงเรียนเดิมของผมเองด้วยเช่นกัน

สมัยที่เรียน...
ไม่มีเงินกินข้าวเที่ยง เลยไปเก็บตัวอยู่ในห้องสมุด พลอยให้ต้องเสพวรรณกรรมประเภทต่างๆ แทนอาหารเที่ยง...เรื่อยมาเลยก็ว่าได้

ขอบคุณครับ

 

สวัสดีครับ พี่ศศินันท์ . Sasinand

ผมเลือกปกนี้..เพราะมีคนต่างวัยที่ไปใช้ชีวิตร่วมเรียนรู้อยู่อย่างครบครัน อีกทั้งปกนี้ มีเจ้าตัวเล็กสองคนอยู่ในนั้นด้วย  จึงคิดว่าอยากให้รางวัลนี้กับเขา  เพราะเขาเองก็ถามเรื่อยมาว่า ปกหนังสือจะมีรุปเขาหรือไม่

ครับ-ที่จริง ปกอื่นก็สวยกว่านี้นะครับ
แต่ด้วยเหตุผลข้างต้น ผมจึงปลงใจเลือก...

ขอบคุณครับ

อาจารย์ ค่ะ  ขอสั่งเพิ่ม จาก 1 เป็น 2 เล่ม ส่วนตัว หนึ่ง เล่ม  เข้าห้องสมุด โรงเรียน 1 เล่ม นะคะ  โอนเงินวันเสาร์  เพราะ อยู่ไกลแบงค์   เจ้า

 

ชวนอาจารย์  ไปชม  **** แต่งเพลง****ผลงาน ชิ้นใหม่ของน้องพอ  ด้วยค่ะ   ขอบคุณ  จ๊าด  นักเจ้า

สวัสดีครับ พี่ยาว . เกษตรยะลา

ตอนนี้มีหลายคนชวนให้ผมผมนำหนังสือเสียงจากโลกแคบฉบับทำมือมาทำใหม่อีกรอบ..

ผมบอกว่าไม่ไหวแล้ว..
อยากให้มีแค่นั้น-มันจะได้เป็นตำนานของมันเอง...
เชื่อไหมครับ  หนังสือทำมือเล่มนั้น  ชาวบล็อกเท่านั้นที่ได้อ่านและเป็นเจ้าของ  ครั้งนั้นหักเงินเข้าสมทบโกทูโน 3,000 เลยทีเดียว

แต่คนที่มหาวิทยาลัยฯ แทบไม่ได้อ่านเลย นะครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์ 4 กค... มีความหมายจังเลยค่ะ

ขอให้มีความสุขในการทำงานนะคะ...ฮักแพงกันเด้อค้า คนอีสานคือกัน...

 

 

สวัสดีครับ... เมียวดี

..มันเป็นความฝันของผมเอง
มันเป็นจริงได้ เพราะใจรักที่จะ "ทำ"

บางทีนะครับ  ใครสักคนอ่านแล้ว  อาจคิดที่จะเขียนเรื่องราวของตนเองเผยแพร่..แบ่งปันการอ่าน...

ผมก็ถือว่า ผมประสบความสำเร็จแล้วแหละครับ

อยากได้หนังสือที่อ.แต่งค่ะ

มีวางจำหน่ายที่ไหนค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณมากค่ะสำหรับของขวัญวันเกิดย้อนหลัง ที่เป็นหนังสือเล่มนี้

อ่านและดูภาพประกอบแล้วรู้สึกดีมากๆค่ะ

ขอบคุณที่ได้เป็นส่วนหนึ่งส่วนเล็กๆของหนังสือและชีวิต....

ขอบคุณมากมาย 

ตามมา จากบล็อคน้องกอคะ

ชื่นชมอาจารย์นะคะ  อยากจะรู้ความในใจ ที่อาจารย์บรรยายคงจะเกี่ยวกับการเข้าค่ายของนักศึกษา  ที่เต็มไปด้วย ของจริง และสิ่งที่ได้พบและสรรหามา ในชีวิตจริง ใช่ไหมคะ

สนใจนะคะ  ราคาเล่มละเท่าไร  ส่งมาทางไปรษณีย์ แล้วจ่ายเงินไปพร้อม เขาเรียกว่า  อะไรหละ ส่งมาทางไปรษณีญ์ เราไปรับเอาเงินไปให้พร้อม  ส่งพัสดุภัณฑ์ หรือเปล่า  ได้เลยนะคะ

จะนำมาอ่านเวลาว่าง เก็บใส่ตู้หนังสือไว้

สวัสดีครับ พี่ติ๋ว..กฤษณา สำเร็จ

  • พี่ไม่อาจวิพากษ์วิจารณ์หนังสือของน้องได้...
  • ...แต่ที่สำคัญที่สุด คือ พี่เห็นการเปลี่ยนแปลงของน้องที่โตวันโตคืน...
  • พี่ดีใจที่ได้เห็นน้องตั้งแต่แรกเข้ามา และเติบโตอย่างสมบูรณ์แบบใน G2K...สิ่งที่น้องไม่เหมือนใคร คือน้องไม่เคยยกยอตนเอง ไม่คุยโว หรือแม้จะอวดอ้างตนหรือผลงาน...น้องถ่อมตนเสมอมา และที่เป็นเสน่ห์คือ ความกตัญญูต่อถิ่นกำเนิดในทุกถิ่น ไม่ว่าจะเป็นกำเนิดกาย  กำเนิดวิชาชีพ กำเนิดครอบครัวหรือกำเนิดความรู้... 
  • พี่ยังประทับใจในทุกๆเรื่องที่รับทราบจากบันทึกที่น้องถ่ายทอดเสมอ(แม้ออกจะห่างเหินไปในปัจจุบัน เพราะภารกิจของพี่ที่ไม่เอื้ออำนวยนัก)...แต่น้องยังคงเป็น พนัส...นักเขียนมืออาชีพตัวจริง...ของพี่เสมอมา
  • ขอให้เส้นทางนี้เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่ทำให้น้องบรรลุเป้าหมายของการนำเสนอศักยภาพของเด็กหนุ่มสาว...ที่คนเรียนในฤดูจะไม่มีวันเห็น
  • ...ขอให้ประสบความสำเร็จจนถึงที่สุด

............

ผมอ่านทุกคำที่พี่บอกเล่าซ้ำไปซ้ำมาอย่างอิ่มอุ่น  อ่านไปยิ้มไป ไม่เคยมีใครชมผมได้ยืดยาวปานนี้เลยก็ว่าได้  จนอดคิดไม่ได้ว่า  นี่น่าจะเป็นคำ (ไม่นิยม) ในหนังสือเล่มต่อไปของผมได้ (ถ้าผมทำได้นะครับ)

จากวันนั้นถึงวันนี้  ผมเองก็ยังคงรักและประทับใจพี่ติ๋วเรื่อยมา..
แทบจะเรียกว่า เป็นบล็อกเกอร์กลุ่มแรกๆ เลยที่ผมมีโอกาสได้พบเจอ..และนั่นก็ทำให้ผมเขิน-และอาย อย่างออกหน้าออกตา 

และยิ่งเมื่อครั้งเดินทางไป ม.ราชภัฏเชียงใหม่ด้วยกัน  ผมยิ่งรู้สึกประทับใจเป็นที่สุด  ไม่ว่า พี่ติ๋ว หรือแม้แต่ อ.แป๋ว...ดูแลผมอย่างดี และนั่นยังไม่รวมถึง นิทานสนุกๆ ที่เจ้าสองหนุ่มของผมได้เคยฟังผ่านบล็อกของพี่ติ๋ว...

คิดถึง และเป็นกำลังใจให้เสมอนะครับ

สวัสดีครับ.. กิติยา เตชะวรรณวุฒิ

ชาวบล็อก..มีมิตรภาพที่ดีเสมอ
ผมไม่เคยกังขาในเรื่องนี้เลย...
ทำอุทิศในหนังสือ  ผมจึงจงใจและตั้งใจอย่างมากกับการ กล่าวถึง G2K ...
พอหนังสือเล่มนี้ เล่มมีข่าวความเคลื่อนไหว ตั้งแต่ต้นจนบัดนี้
ผมก็สัมผัสได้อย่างยิ่งใหญ่ว่า...
กำลังใจของผู้คน-งดงาม เหลือเกิน

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ. ครูคิม

ครับผม-
ยังไง  ผมจะส่งหนังสือไปให้นะครับ
"รอรับได้เลย..."

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ พี่อัยการชาวเกาะ

ขอบพระคุณมากครับ.
ผมเชื่อว่า ทุกสถาบัน มีแหล่งเรียนรู้ที่ดีด้วยกันทั้งนั้น
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม อาจมีทำเลเหมาะ เพราะตั้งอยู่ติดกับชุมชน มีหมู่บ้านมากมายรายรอบ  ดังนั้น  การนำพานิสิตไปสู่การเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งหมายถึงการอยู่ร่วมกับชุมชนนั้น ก็จำต้องอาศัยกิจกรรมนิสิตนี่แหละครับเป็นเครื่องมือนำพาเข้าไปสร้างสายสัมพันธ์..

ยังหวังว่า..คงมีโอกาสได้นั่งคุย และนั่งฟังเพลงเพราะจากพี่ฯ อีกนะครับ

แวะมาขอบคุณ...กับคำกล่าวชมของน้องเช่นกันค่ะ...

...และที่แน่ๆ  ยังไม่ลืมว่าจะต้องเล่านิทานให้หลานฟังอีก...เพราะสัญญาไว้  หากช้ากว่านี้เดี๋ยวหลานเป็นหนุ่มก่อน จะต้องเปลี่ยนจาก"เล่านิทาน" เป็น "เล่านิยาย" ละยุ่งแน่เลย...อิ อิ

ฝากความคิดถึงมายังเด็กๆด้วยค่ะ

สวัสดีครับ บินหลาดง


ขอบคุณนะครับสำหรับการติดตามบันทึกของผม
ผมเป็นคนประเภทเขียนบันทึกแบบ "เปิดเปลือย"
รู้สึกยังไง ก็ว่าตามนั้น...
และเป็นคนประเภท วิชาการสามบรรทัด..
เขียนด้วยแรงบันดาลใจ-ถ่ายทอดความรู้สึก
และเน้นรุปแบบบันเทิง มากกว่าวิชาการ จะได้อ่านไม่เคร่งเครียดจนเกินไปนัก

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ.. เกษตร(อยู่)จังหวัด

ในโลกนี้ มีเส้นทางลัดสำหรับการเรียนรู้มากมาย
แต่ไม่ว่าจะเส้นทางใด หรือวิธีการใดก้แล้วแต่
ขอเพียงเราลงแรงสัมผัสด้วยตนเอง
สิ่งนั้น ก็มีค่าต่อการตอบโจทย์ของชีวิต แล้วนะครับ

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ พี่ศศินันท์  Sasinand

ดีใจมากครับ ที่ทุกอย่างเดินทางไปถึงปลายทางได้สำเร็จ

หวังอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้คงให้อะไรบ้างนะครับ หรืออย่างน้อยก็ความบันเทิงในยามผ่อนพักชีวิตจากการงาน

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ อ.แผ่นดิน

เข้ามาอ่านครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

  • มาชื่นชมความสำเร็จ การก้าวอย่าง จาก G2K สู่หนังสือเล่วแรก ครับ
  • แม้ว่าจะได้ติดตามบันทึกใน G2K ของ พนัส มาตลอดตั้งแต่เริ่มแรกแต่ก็ไม่ได้อ่านทุกบันทึก  รอที่จะได้อ่าน บันทึกธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ครับ
  • สวัสดีค่ะ คุณแผ่นดิน
  • เข้ามาแสดงความยินดี
  • อย่างจริงใจและจริงจัง
  • บนความมุ่งมั่นไม่แปรผัน
  • ผ่านเวลาผ่านชีวิตแต่ละวัน
  • ขอยืนยันคำขอบคุณกำลังใจ....

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท