ผมกลับมาเรียนเรื่องการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่สิงคโปร์อีก ๒ สัปดาห์ ช่วงที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๕ -๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๐
วันแรกที่เราเจอ เพื่อนร่วมรุ่น อีกครั้ง มีช่วงเวลาสั้นๆสำหรับคำทักทายกันอย่างสนิทสนม ก่อนที่เราจะเริ่มชั่วโมงแรกอย่างไม่มีพิธีรีตอง กับครูคนใหม่ เป็นพยาบาลชื่อ Katrina Breaden
เธอให้ทุกคนแนะนำตัวให้เธอรู้จัก พร้อมกับพูดว่า ๒ อาทิตย์ที่มาเรียนเมื่อเดือนพฤษภาคมคราวก่อน ได้เรียนรู้อะไร เอาไปใช้อะไรบ้าง
reflective learning ตั้งแต่ชั่วโมงแรกเลยครับ การที่เราได้มีโอกาสมองย้อนกลับไปดูตนเองว่า ได้เรียนอะไร เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างจากสิ่งที่ได้เรียนรู้ มันเหมือนเป็นการตอกย้ำ เรียนรู้อีกครั้ง
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ นักเรียนทั้ง ๑๗ คนที่ผ่านด่านมาเรียนช่วงที่ ๒ นี้ได้ (๓ คนไม่กลับมาเรียนต่อ ๑ คนจากฟิลิปปินส์เพราะสุขภาพ ๑ คนจากพม่าเพราะเหตุการณ์ในบ้านเมืองเขาไม่ดี และ ๑ คนจากเนปาลเพราะผลงานไม่ผ่าน) แทบจะทุกคนพูดถึง Why framework
อะไรที่ทำให้เราติดใจกับ แนวคิดนี้ ผมสรุปจากตนเองและเพื่อนร่วมรุ่นได้ว่า เพราะ แนวคิดนี้ทำให้เราไม่จมอยู่กับสิ่งที่ปฏิบัติจนเคยชิน สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมจากเดิม เกิดการเปลี่ยนแปลงในวิถีปฏิบัติของตนเอง ด้วยการตั้งคำถามกับตนเองเสมอว่า ทำไม ทำไม ทำไม
การค้นหาคำตอบก่อนที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย มีส่วนประกอบของความรู้จาก หลักฐานเชิงประจักษ์ (evidence based) บวกกับ มุมมองจากผู้ป่วย (patient preference) เพื่อใช้ตอบคำถามของเราที่ว่า ทำไม
สิ่งที่ทุกคนได้เรียนรู้ ไม่ใช่เนื้อหา (content) แต่เป็นกระบวนการเรียนรู้ (process) ครับ และทุกคนก็สามารถแสดงผลลัพธ์ (outcome) ออกมาได้ว่า ตนเองพฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่างไร
๕ ตุลาคม ๒๕๕๐
<< APHN Diploma of Palliative Care ๑๘: เรียนผ่าน Gotoknow
APHN Diploma of Palliative Care ๒๐: มนตราแห่ง palliative care >>
ขอบคุณค่ะอาจารย์ อ่านแล้วคิดต่อ
คิดว่าเปิดเทอมนี้ จะใช้เทคนิคการสอนอันนี้ ได้เรียนรู้อะไร เอาไปใช้อะไรบ้าง ไปเพิ่มเติมในการสอนภาคปฏิบัติกับลูกศิษย์เพิ่มเติม
แบ่งปันนะคะ ปกติมักตั้งคำถาม ให้เขาเขียนสะท้อนหลังสิ้นสุดการฝึกงานแต่ละสัปดาห์ "ในสัปดาห์นี้เราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการดูแลผู้ป่วย และหากเหตูการณ์นั้นเกิดขึ้นอีก เราจะทำให้มันดีขึ้นอย่างไร" นอกจากจะช่วยให้เค้าสะท้อนคิดถึงการเรียนรู้แล้ว ครูก็รู้จักลูกศิษย์ของเรามากขึ้นด้วยค่ะ