ปีกปรารถนา ความงดงามของภาษา แนวคิด และจิตใจของตัวละคร


เราจะมีความสุขและปลอดภัยแต่เพียงผู้เดียวได้อย่างไร ถ้าคนในสังคมรอบข้างขาดความมั่นคง

    


          ตั้งแต่วัยสูงขึ้น (ความหมายเดียวกันกับคำว่าแก่นั่นแหละ) ครูภาทิพจะเรื่องมากกับการเลือกอ่านหนังสือ  โดยเฉพาะนวนิยาย  ภาษาต้องงดงาม   แนวคิดต้องดี  นักเขียนต้องเป็นคนนั้นคนนี้  ซึ่งส่วนใหญ่เพื่อนต้องตรวจสอบก่อน  และหลายคนยืนยันว่า  ดีมาก  ยอดเยี่ยม ดีนะ  ดีจริงๆ  จึงจะอ่าน   แล้วเพื่อน “ครูน้ำมนต์”  ผู้มีบ้านเป็นที่อยู่ของหนังสือ ก็ยื่นหนังสือใหม่มาให้เล่มหนึ่ง “ปีกปรารถนา  >>โบยบินสู่ขอบฟ้าหัวใจ”  ของดวงตะวัน

 

           เพราะเป็นคนใจร้อนมิอาจรออ่านวารสารรายสัปดาห์ได้   จึงไม่เคยอ่านผลงานของนักเขียนท่านนี้  แม้ว่าเจ้าของร้านที่เป็นสมาชิกจะพยายามแนะนำให้ลองซื้อมาหลายครั้งหลายเล่ม  ก็ไม่เคยหยิบมา  ตามปกติเมื่อได้หนังสือมาจะต้องรีบอ่านทันที  แต่หนังสือเล่มนี้ถูกทิ้งไว้แรมเดือน   จนกระทั่งถึงวันที่ว่างและเหงาที่สุดหนังสือเล่มนี้จึงได้รับเกียรติจากครูภาทิพเปิดอ่าน

 

           ตอนเริ่มต้นก็ยังไม่กระชากหัวใจ  รู้สึกว่านางเอกแข็งทะนงตนออกก้าวร้าว  แต่ก็อยากติดตามเพราะคิดว่าจุดเริ่มต้นนี้น่าจะเป็นปมให้ต้องเกิดเหตุต่อไป  ผู้เขียนวางหมาก  วางปมอะไรไว้มากมาย   ซึ่งล้วนแต่สอดคล้องกับหลักจิตวิทยา  แต่ที่โดนใจมากที่สุดก็คือ  ขณะที่อ่านนั้นเกิดความอิ่มเอิบซาบซ่านจากความงดงามทางภาษาประโยคแล้วประโยคเล่า

 

      “แค่มอง  หล่อนก็รับรู้ได้ถึงหัวใจที่เต้นเริงร่าอยู่ในอก  ฟ้าฝนครืนครั่นด้านนอกและปัญหาในโลกของการทำงาน  ดูราวจะหดตัวเหลือเล็กกระจ้อยร่อย ขณะที่ปีกนกกลางฝ่ามือของหล่อนขยายขึ้นเรื่อยๆ”


        “เสียงสรรเสริญมาพร้อมกับคำนินทา ราวกับเป็นคนละด้านของเหรียญอันเดียวกัน
          มีชนะ มีแพ้  มีล้มและย่อมมีลุก          แต่ราวกับว่าวันนี้มิใช่วันของปรารถนา ละม้ายไม่มีถ้อยคำใดเข้าไปแตะต้องหัวใจของหล่อนได้เลย  พื้นที่ทุกตารางนิ้วในหัวใจถูกคำว่า “แพ้”จับจองจนหมดสิ้นแล้ว”

 

          “ในวินาทีนี้เอง เสียงหัวเราะสดใส  รอยยิ้มเบิกบาน และความสุขเอ่อล้น  ชั่วเวลานั้นเองที่ความเย็นชื่นชนิดหนึ่งแผ่ซ่านสู่เนื้อใจที่ทั้งร้อนแล้งและแห้งผาก”

 

          “ฝันแสนสวยในยามที่เผชิญความจริงแสนปวดร้าว...........คลื่นความขมในหัวใจก็ไหลบ่าท่วมท้นขึ้นมาอย่างเร็วรี่จน.........ราวกับการทำเช่นนั้นจะช่วยปิดกั้นความจริงมิให้แทรกซ่านเข้ามาในชีวิตจิตใจของหล่อนแม้สักเสี้ยววินาทีก็ยังดี”

 

          “โลกช่างมืดมิดราวกับหล่อนเดินมาถึงทางตันปิดทึบด้วยกำแพงสูงทึม สายฟ้าในก้อนเมฆดำทะมึนที่ก่อตัวกดทับอยู่เบื้องบนมานานหนักหนา  ฟาดเปรี้ยงอย่างรุนแรง  ก่อนโหมกระหน่ำเม็ดฝนถี่ยิบลงบนหลังไหล่ที่ลู่ล้า..........ฝนตกหนักเจิ่งนองไปทั่วดินแดนหัวใจ”

 

           “คำถามและคำชักชวนอย่างเรียบง่ายไร้ชั้นเชิง ปราศจากท่าทีอื่นใดทำให้อะไรยากๆ ในหัวใจของปรารถนาเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว  กำแพงแข็งแกร่งในใจที่เคยก่อขึ้นกางกั้นไม่ให้หล่อนคืนกลับไป............อย่างคนอ่อนแอ  ขาดที่พึ่งพิงอีก ปรากฏช่องโหว่พอที่จะให้หญิงสาวมุดลอดกลับไปยังดินแดนมหัศจรรย์และเต็มเปี่ยมไปด้วย....”

 

             “ตึกต้องสร้างจากฐานราก คนก็เหมือนกัน  ..........ส่งเด็กที่เราปูพื้นฐานมาอย่างดีออกไปให้คนอื่น ๆ รับช่วงไปต่อยอดต่อไป ...ถ้าฐานดีซะอย่าง ต่อให้อนาคตยอดมันจะโอนเอนแค่ไหน ก็จะไม่พังทลายลงง่ายๆ “

 

               “แม้เพียรบอกตัวเองมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หนว่าอย่าคิดถึงเรื่องนี้  ทว่าทุกครั้งไม่เคยได้ผล ในเสี้ยวใจเร้นลึกมีคำถามเกิดขึ้นเสมอว่า.....”

 

              “แล้วเหตุใดเล่า  ยามนี้  ยามที่รอบกายคือความมืดมิดของราตรีที่ปกคลุมเมืองหลวงแห่งนี้เอาไว้ แต่ปรารถนากลับรู้สึกคล้ายดั่งว่านี่คืออรุณรุ่งที่เริ่มมาเยือน  กระจ่างงามแม้ในยามมืด  กระปรี้กระเปร่าแม้ในยามที่เหน็ดเหนื่อย และแม้ไร้แรงกายจะหยัดยืนได้ต่อไป  แต่เรี่ยวแรงพลังในหัวใจยังคงอัดแน่น...”

 

             “ฟ้ามืด  แต่หัวใจไม่ดับเหมือนคืนวันก่อน  ดาวดวงน้อยส่องแสงซีดเซียวหงอยเหงาเหมือนเคย  แต่วันนี้ มันกลับดูโดดเด่น เปล่งประกายรัศมีของตัวเองอย่างเปี่ยมพลัง”

 

             นี่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของความงดงามทางภาษาที่ดวงตะวันสรรคำจนทำให้ครูภาทิพอดใจที่จะลากสังขารมานั่งพิมพ์เพื่อบอกต่อไม่ได้  

 

              ด้านแนวคิด  ดวงตะวันสะท้อนให้เห็นเป้าหมายการทำงาน  ความฝันของคนรุ่นใหม่ที่ตะเกียกตะกายให้ถึงซึ่งปรารถนา   ซึ่งสุดท้ายแล้ว......เราจะมีความสุขและปลอดภัยแต่เพียงผู้เดียวได้อย่างไร  ถ้าคนในสังคมรอบข้างขาดความมั่นคง     คนที่กำลังแข่งขัน  ตะเกียกตะกาย  หรือคนที่กำลังพ่ายแพ้  ท้อแท้  สิ้นหวัง   หากได้อ่านเรื่องนี้ ก็เหมือนกับได้เห็นแสงอรุณท่ามกลางความมืดมิดนั่นเชียว

 

             ดวงตะวันให้เกียรติตัวละครทุกตัว     พฤติกรรมตัวละครมีเหตุมีผลแห่งการดำเนินชีวิต  ตัวละครบางตัวแม้ถูกกล่าวถึงในเบื้องต้นเพียงน้อยนิด    แต่ก็ไม่ลืมที่จะกล่าวถึงในตอนท้าย   ความสุขที่ได้รับจากการอ่าน    อิ่มเอิบ   สุขซ่าน  กับแนวคิดและพฤติกรรมของพระเอก สมหวังกับการลุ้นพระเอกนางเอก     ยิ้มหัวเราะกับคำพูดและพฤติกรรมของนักเรียนอนุบาล     อ้อ! ครูภาทิพแอบมีร้องไห้นิดๆ  ด้วยตอนความขัดแย้งระหว่างพ่อกับพระเอก   และตอนที่พระเอกเข้าใจผิดนางเอก    (ไม่เศร้า นะคะไม่เศร้า)  ไม่เชื่อก็ลองหาอ่านดูนะคะ    สำหรับครูภาทิพ ก็ขอสมัครเป็นแฟนคนหนึ่งของดวงตะวันแล้วล่ะ


            สำหรับผู้ที่อ่านบันทึกนี้อาจจะติงว่า   บันทึกนี้ไม่เห็นสอดคล้องกับชื่อบล็อก ภาษา  พาสาร  ผ่านดารา   เลย    ครูภาทิพก็จะตอบแบบแถเอาสีข้างเข้าถูว่า  “อ้าว   ดวงตะวัน  ก็เป็นดาวดวงหนึ่งนี่นา “   ฮิฮิ!


            จากนวนิยายที่มีความงดงามทั้งภาษา แนวคิด  และจิตใจที่งดงามของตัวละคร  คุณครูสามารถนำไปสู่การเรียนรู้ภาษาไทย  ได้ในหลายสาระ  เช่น  ความงามทางภาษา  ภาษาวรรณศิลป์   การสรรคำ  การหลากคำ      สำนวนโวหาร   นัยตรงนัยประวัติ   การอ่านคิดวิเคราะห์เขียน    รวมไปถึงกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน   คุณครูสามารถประยุกต์ใช้ได้ตามความเหมาะสม

 

ความดีงามใดๆ ของบันทึกนี้ขอมอบเป็นเครื่องบูชาพระคุณของคุณพ่อคุณแม่และครูบาอาจารย์

             HOME   สมุดเยี่ยม

หมายเลขบันทึก: 252688เขียนเมื่อ 2 เมษายน 2009 08:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

มาชม

คมมุมคิดดีจังที่ว่า...เราจะมีความสุขและปลอดภัยแต่เพียงผู้เดียวได้อย่างไร ถ้าคนในสังคมรอบข้างขาดความมั่นคง .

แล้วเราจะทำอย่างไรละ...

สวัสดีค่ะ คุณumi  ขอบคุณค่ะที่เข้ามาอ่าน   มีคำตอบอยู่ในหนังสือเล่มนี้ค่ะ

ผ่านมาเยี่ยม..

ได้อรรถรสและอารมณ์ของภาษาอันสุนทรีของเจ้าของไม่ตามจากอารมณ์ของผู้เข้ามาสัมผัสที่และลิ้มรส อันทำให้หัวใจของฉันมิอาจทอดทิ้งมันผ่านไป ..ลงมาเรื่อยๆนะครับ มีประโยชน์ต่อครูและนักเรียนมากที่เดียว.(โดยเฉพาะบางเวลาที่เหงาๆครับ) ขอชื่นชม ขอบคุณมากๆๆๆ

สวัสดีค่ะครูทิบ  ขอบคุณค่ะที่เข้ามาอ่าน

“ฟ้ามืด แต่หัวใจไม่ดับเหมือนคืนวันก่อน ดาวดวงน้อยส่องแสงซีดเซียวหงอยเหงาเหมือนเคย แต่วันนี้ มันกลับดูโดดเด่น เปล่งประกายรัศมีของตัวเองอย่างเปี่ยมพลัง”

อู้ย ย!!..ชอบประโยคนี้มากเลย ..ให้ความรู้สึกดี๊ดีอ่ะ..

ไม่ทราบว่าคุณครู ภาทิพ ซื้อหนังสือเล่มนี้นานมากหรือยังอ่าคะ?

..หนูอยากอ่านมาก ก --*

คนที่ซื้อหนังสือคือ ครูนฤมล  จิตรจันทร์ค่ะ

เด็กสาวชอบอ่านของกฤษณา อโศกสิน แก่ขึ้นไม่มีเวลาอ่าน แต่อ่านที่คุณครูเล่าทำให้อยากกลับไปอ่านนิยายอีกค่ะ

สวัสดีปีใหหม่ค่ะ

สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณหมอ หนังสือของดวงตะวัน น่าสะสมทั้งชุดเลยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท