Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

ตอนที่ ๔ ผจญพญาเสือโคร่ง


พระครูปลัดวีระนนท์ วีรนนฺโท : เจ้าอาวาสวัดป่าเจริญราช http://www.veeranon.com/

การได้อยู่กับตัวเองในป่านั้น นับเป็นสิ่งดีที่พระหนุ่มได้ทบทวนคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์และพระธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ฝึกดูจิตของตนเอง

บางทีพระหนุ่มก็หวนระลึกถึงตอนลาหลวงปู่พิมพาออกธุดงค์ ภาพนั้นก็ปรากฏชัดอยู่ในใจ

หลวงปู่ถามว่า "คุณรู้วิธีธุดงค์แล้วหรือยัง"

พระหนุ่มตอบว่า "ไม่รู้ขอรับ"

แล้วหลวงปู่ก็บอกว่าให้ไปท่องธุดงค์ ๑๓ ข้อให้เข้าใจ เมื่อท่องได้แล้วกลับมาหาหลวงปู่ ตอนนั้นพระหนุ่มตั้งใจจะไปธุดงค์อย่างเดียว แต่ลืมนึกไปว่าต้องทำความเข้าใจให้ละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อน

หลวงปู่พูดขึ้นมาว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ไปไม่รอดแน่ ถูกเสือกัดตายแน่นอน

หลวงปู่เลยอธิบายให้ฟังทั้ง ๑๓ ข้อและอธิบายการเดินธุดงค์ให้พระหนุ่มฟังอย่างละเอียด

เรื่องข้อวัตรปฏิบัติการเดินธุดงค์และการปฏิบัติตัวอยู่ในป่าว่าควรทำอย่างไร ให้ได้เข้าใจวิธีการธุดงควัตร คือ ข้อปฏิบัติที่เข้มงวดเป็นพิเศษ เพื่อความขัดเกลากิเลสอย่างยิ่ง

พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงบังคับให้ภิกษุถือปฏิบัติ ใครจะปฏิบัติหรือไม่ก็ได้ ผู้ที่จะปฏิบัติธุดงควัตรนั้น สามารถเลือกได้เองตามความสมัครใจ ว่าจะปฏิบัติข้อใดบ้างเป็นเวลานานเท่าใด เมื่อจะถือปฏิบัติก็เพียงแต่กล่าวคำสมาทานธุดงควัตรข้อที่ตนเลือก แล้วก็เริ่มปฏิบัติได้เลย


ธุดงควัตรมี ๑๓ ข้อคือ

 

      ๑.) การถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร คือ การใช้แต่ผ้าเก่าที่คนเขาทิ้งเอาไว้ตามกองขยะบ้างข้างถนนบ้าง ผ้าห่อศพบ้าง นำผ้าเหล่านั้นมาซัก ย้อมสี เย็บต่อกันจนเป็นผืนใหญ่แล้วนำมาใช้ งดเว้นจากการใช้ผ้าใหม่ทุกชนิด (บังสุกุล = คลุกฝุ่น)


      ๒.) การถือผ้า ๓ ผืน (ไตรจีวร) เป็นวัตร คือ การใช้ผ้าเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น อันได้แก่สบง(ผ้านุ่ง) จีวร(ผ้าห่ม) สังฆาฏิ(ผ้าสารพัดประโยชน์ เช่น คลุมกันหนาว ปูนั่ง ปูนอน ปัดฝุ่น ใช้แทนสบง หรือจีวรเพื่อซักผ้าเหล่านั้น


      ๓.) การถือบิณฑบาตเป็นวัตร คือ การบริโภคอาหารเฉพาะที่ได้มาจากการรับบิณฑบาตเท่านั้น


      ๔.) ถือการบิณฑบาตตามลำดับบ้านเป็นวัตร คือ จะรับบิณฑบาตโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่เลือกว่าเป็นบ้านคนรวยคนจน ไม่เลือกว่าอาหารดีไม่ดี มีใครใส่บาตรก็รับไปตามลำดับ ไม่ข้ามบ้านที่ไม่ถูกใจไป


      ๕.) ถือการฉันในอาสนะเดียวเป็นวัตร คือ ในแต่ละวันจะบริโภคอาหารเพียงครั้งเดียว เมื่อนั่งแล้วก็ฉันจนเสร็จ หลังจากนั้นก็จะไม่บริโภคอาหารอะไรอีกเลย นอกจากน้ำดื่ม


      ๖.) ถือการฉันในบาตรเป็นวัตร คือ จะนำอาหารทุกชนิดที่จะบริโภคในมื้อนั้น มารวมกันในบาตร แล้วจึงฉันอาหารนั้น เพื่อไม่ให้ติดในรสชาติของอาหาร


      ๗.) ถือการห้ามภัตที่ถวายภายหลังเป็นวัตร คือ เมื่อรับอาหารมามากพอแล้ว ตัดสินใจว่าจะไม่รับอะไรเพิ่มอีกแล้ว ถึงแม้อาหารนั้นจะถูกใจเพียงใดก็ตาม


      ๘.) ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร คือ จะอยู่อาศัยเฉพาะในป่าเท่านั้น จะไม่อยู่ในหมู่บ้านเลย เพื่อไม่ให้ความพลุกพล่านวุ่นวาย รบกวนการปฏิบัติ


      ๙.) ถือการอยู่โคนไม้เป็นวัตร คือ จะพักอาศัยอยู่ใต้ต้นไม้เท่านั้น งดเว้นจากการอยู่ในที่มีหลังคาที่สร้างขึ้นมามุงบัง


     ๑๐.) ถือการอยู่กลางแจ้งเป็นวัตร คือ จะอยู่แต่ในที่กลางแจ้งเท่านั้น จะไม่เข้าสู่ที่มุงบังใดๆ เลย แม้แต่โคนต้นไม้ เพื่อไม่ให้ติดในที่อยู่อาศัย


     ๑๑.) ถือการอยู่ในป่าช้าเป็นวัตร คือ จะงดเว้นจากที่พักอันสุขสบายทั้งหลาย แล้วไปอาศัยอยู่ในป่าช้า เพื่อจะได้ระลึกถึงความตายอยู่เสมอ และความไม่ประมาท


     ๑๒.) ถือการอยู่ในเสนาสนะที่เขาจัดไว้ให้เป็นวัตร คือ เมื่อใครชี้ให้ไปพักที่ไหน หรือจัดที่พักอย่างใดไว้ให้ก็พักอาศัยในที่นั้นๆ โดยไม่เลือกว่าสะดวกสบาย หรือถูกใจหรือไม่ และเมื่อมีใครขอให้สละที่พักที่กำลังพักอาศัยอยู่นั้น ก็พร้อมจะสละได้ทันที


     ๑๓.) ถือการนั่งเป็นวัตร คือ จะงดเว้นอิริยาบถนอน จะอยู่ใน 3 อิริยาบถเท่านั้น คือ ยืน เดิน นั่ง จะไม่เอนตัวลงให้หลังสัมผัสพื้นเลย ถ้าง่วงมากก็จะใช้การนั่งหลับเท่านั้น เพื่อไม่ให้เพลิดเพลินในการนอน



     ข้อธุดงค์ทั้ง ๑๓ ข้อนี้ เมื่อสมาทานเลือกข้อใดก็ถือปฏิบัติเคร่งครัดในข้อนั้น



พบพญาเสือโคร่ง ๕ ตัว

 
     ในครั้งแรกพระหนุ่มคิดว่าการธุดงค์ในป่าก็ไม่ต่างกันกับคนไปหาของป่าเท่าไรนัก พอหลวงปู่อธิบายให้ฟังก็รู้สึกว่าต่างกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการกินการฉัน ไม่เหมือนอยู่ที่วัด มันแสนจะสุขสบาย แต่อยู่ในป่า ถ้าบิณฑบาตได้ก็ได้ฉัน บิณฑบาตไม่ได้ก็ไม่ได้ฉัน คืออดฉันมื้อนั้น

ส่วนเรื่องการนอน เมื่อถึงเวลานอนจะนอนเลยก็ไม่ได้ ต้องไหว้พระสวดมนต์นั่งภาวนาจึงจะนอนได้ หากพูดถึงการเดินธุดงค์รูปเดียว ต้องเคร่งครัดชื่อสัตย์บริสุทธิ์กับตัวเองจริงๆจึงปลอดภัย ในช่วงนั้นพระภิกษุหนุ่มก็เดินธุดงค์หลงป่าไปเรื่อยๆค่ำไหนนอนนั้น

     พอฝนตกต้องหลบฝน บางครั้งฟ้าผ่าต้นไม้ บางทีฝนตกต้องหลบเข้าอาศัยอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ๆ บางครั้งก็ดีไม่มีอะไร บางทีมีเจ้าของคืองูใหญ่เขาอยู่ก่อนเรา เขาก็หวงที่ เขาก็ไล่เรา ดูท่าไม่ดี เราก็ต้องไปต่อ บางครั้งมีทั้งงู ทั้งผึ้ง ทั้งต่อ ทั้งรังแตนมากมายอยู่เป็นฝูง ก็ต้องยอมเขา เพราะเขามาจองที่ไว้ก่อน การเดินธุดงค์ไปที่ภูพานในช่วงเวลานั้น พระหนุ่มก็เดินไปตามเทือกเขาเรื่อยๆ

     เช้าวันหนึ่ง ขณะที่พระหนุ่มออกบิณฑบาตเช้าตั้งแต่ช่วงเวลา ๐๖.๓๐ - ๐๙.๐๐ น. ไม่ได้อาหารแม้แต่นิดเดียว แต่พระหนุ่มไม่เคยย่อท้อก็เดินไปเรื่อยๆจนถึงภูอธิษฐาน เหมือนพระบิณฑบาตทั่วไป เพียงแต่กำหนดจิตภาวนาอยู่ตลอดเวลา

และทันใดนั้นพระหนุ่มก็ต้องหยุดชะงักยืนตรงนิ่งเหมือนไม่ได้หายใจ ในป่านั้นเงียบสงบไม่มีแม้แต่เสียงนกร้อง ลมก็ไม่พัดเมื่อมองไปข้างหน้าประมาณ ๕-๖ เมตร เห็นเจ้าป่าคือพญาเสือโคร่งยืนทะมึน หน้าตึงอยู่ตรงหน้า เหมือนว่ามันกำลังรอเหยื่อที่จะขย้ำ

พระภิกษุหนุ่มได้สติตั้งมั่นส่งกระแสจิตแผ่เมตตาจิตให้พญาเสือโคร่งทั้ง ๕ ตัว ประมาณสักหนึ่งชั่วโมง เสือก็ไม่ยอมไปไหน

พระภิกษุเห็นเสือทำท่าจะกระโจนเข้าขย้ำเหยื่อ ท่านก็น้อมระลึกถึงคุณงามความดีที่ได้ปฏิบัติมา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่า

"อาตมาพร้อมแล้วถ้าหากว่าพญาเสืออยากจะกินเราเป็นอาหาร แต่มีข้อแม้ว่าต้องกินเราให้หมดอย่าให้หลงเหลือ เพราะถ้ากินไม่หมดจะทำให้คนมาเจอ เจ้าก็ถูกล่า"

แล้วท่านก็แผ่เมตตาจิตให้กับเทวดาที่รักษาดูแลเสืออยู่ "ขอให้เทวดาที่รักษาเสืออยู่จงเป็นสุข เป็นสุขเถิดอย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย"

แผ่เมตตาประมาณสัก ๔๐ นาที พญาเสือทั้ง ๕ ตัวก็ผงกหัวแล้วถอยหลังหลีกไป

พระภิกษุหนุ่มก็รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดและเดินทางต่อไปโดยที่ไม่ได้ฉันภัตตาหารอยู่ ๓ วัน พอวันที่ ๔ ก็มีโยมมาใส่บาตรด้วยกล้วยหนึ่งหวีข้าวหนึ่งทัพพี ซึ่งเป็นเหตุการณ์การเดินธุดงค์เดือนที่ ๔ ที่อยู่ในป่า

     บทเรียนนี้ทำให้พระหนุ่มเข้าใจว่าสติสัมปชัญญะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตอยู่ในโลก พระที่เดินธุดงค์อยู่ในป่าจริงๆ คือ เดินอยู่ในป่าลึก ในเขา ยิ่งต้องมีสติมาก เพราะทุกย่างก้าวล้วนมีแต่อันตรายในป่าลึกนั้น เวลาเดินเราไม่สามารถมองเห็นภัยที่จะมาถึงได้สัตว์ทุกชนิดอสรพิษทุกตัว คอยจ้องเหยื่อที่ผ่านไปผ่านมาอยู่ตลอดเวลา ตาทุกคู่คอยจ้องมองเราอยู่ ความจริงข้อนี้พระธุดงค์ที่เดินอยู่ในป่าลึกหลายปีจะเข้าใจดีมาก

     พระพุทธเจ้าจึงตรัสธรรมบทนี้ว่า  ธรรมที่มีอุปการะมาก คือ สติสัมปชัญญะ  

เปรียบเหมือนญาติโยมที่ขับรถอยู่บนท้องถนน ถ้าหากขาดสติรถก็จะถูกชน หรือไปชนคนอื่น

การยืน การนั่ง การนอน การกิน การดื่ม การพูด การคิด ต้องมีสติ

นักปฏิบัติยิ่งต้องมีสติ และอย่าขาดสติ ถ้าขาดสติแล้ว จะทำให้เกิดแต่ความคิด เกิดความคิดฟุ้งซ่าน หรือเรียกว่า นิวรณ์เข้าครอบงำ จิตก็ตกต่ำ ทำให้เราไปสู่นรกทันที

ศีลเป็นสิ่งสำคัญในการถือธุดงควัตร เพราะต้องอาศัยถ้ำ อาศัยเงื่อมผาอยู่ ต้องอาศัยโคนต้นไม้ใหญ่ที่ไม่มีลูกอ่อนไม่มีลูกสุก

พระภิกษุที่ออกธุดงค์จะต้องมีความรู้มีความเข้าใจในการออกธุดงค์ เช่น การอยู่โคนต้นไม้ ต้องสังเกตดูว่ามีลูกไม้หรือไม่ ถ้ามีเป็นอย่างไร มีลูกอาจมีสัตว์มากิน เช่น ลิงหรือชะนี มากินลูกไม้ที่สุกทำให้ตกลงมาถูกเราได้

     ดังนั้นพระธุดงค์จึงต้องทำความเข้าใจการถือข้อธุดงค์ ๑๓ ข้อ แล้วต้องมีความเข้าใจในสิ่งแวดล้อมของป่า รู้จักสังเกตเหตุการณ์ สัตว์บอกทาง สัตว์บอกราง หรือเตือนภัย


วิญญาณในป่า

 

     ส่วนเรื่องของจิตวิญญาณเป็นเรื่องปกติของพระธุดงค์ที่จะต้องพบต้องเห็นเป็นเรื่องธรรมดา

   มีอยู่วันหนึ่งเวลาบ่าย ๓ โมงเย็น ขณะที่พระภิกษุหนุ่มเดินทางอยู่ในป่าดงลึก ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่อยู่รอบๆประมาณ ๑๐ กว่าต้น มีญาติโยมกำลังแบกกล้วยป่าผ่านมา

พระหนุ่มถามว่า "โยมแถวนี้มีธารน้ำหรือไม่"

โยมก็ชี้ไปทางขวามือ พระภิกษุหนุ่มก็เดินตามทางเล็กๆ เป็นช่องทางเดินพอสังเกตได้เท่านั้น แต่พอเดินไป กลับไม่มีทางเดินต่อ มีแต่ป่าไม้ ต้นไม้หนาทึบไปหมด

พระภิกษุหนุ่มก็หันหลังกลับไปถามโยมอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ปรากฏว่าไม่เห็นโยมเสียแล้ว ถ้าเป็นคนก็ไม่น่าจะหายไปได้เร็วขนาดนั้น แต่พระหนุ่มก็มิได้ใส่ใจ ได้แต่ออกเดินธุดงค์ต่อไป....


โปรดติดตามตอนต่อไป

 

ตอนที่ ๑ ศิษย์เอกหลวงปู่พิมพา

http://gotoknow.org/blog/prapastory/381886

 

ตอนที่ ๒ ความลี้ลับแห่งขุนเขา

http://gotoknow.org/blog/prapastory/381897

 

ตอนที่ ๓ กัมมัฏฐานหลวงปู่มั่น

http://gotoknow.org/blog/prapastory/381914

 

หมายเลขบันทึก: 381925เขียนเมื่อ 5 สิงหาคม 2010 10:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 13:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

พอไว้แค่นี้ก่อนครับเมื่อย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท