เมื่อวานนี้ แก้ปัญหาเล็กๆไปอันหนึ่งครับ
ในที่สุดนักกิจกรรมในบริษัทที่อาสามาจัดงาน ก็สรุปออกมาให้วิ่งคนละ 5 กม. ไม่คิดว่าน้อยหรอก ตัวเลขไม่สำคัญเลย ระยะ 5 กม.นั้น ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะวิ่งได้ ต้องซ้อม แล้วประโยชน์ก็เกิดในตอนซ้อม ไม่ใช่ตอนแข่ง
ทีนี้ก็เกิดปัญหากับบรรดา สว.น่ะซิครับ แต่บรรดา สว.ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารก็สู้ตาย ไม่รู้ว่าจะกลัวเสียหน้าหรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ต่างก็เริ่มออกกำลังกายกันอย่างจริงจังแล้ว
บล็อกภายในบริษัทเต็มไปด้วยคำแนะนำ (เช่น อย่าซ่า ไม่ได้กำลังทำสถิติโลก ค่อยเป็นค่อยไป ฯลฯ) และความก้าวหน้า/ผลการซ้อมของแต่ละคน อันนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีครับ
ผมเองก็เล่นด้วย เขียนเล่าไว้บ้างในอนุทิน
วันหยุด ถ้าไม่ได้พาคุณพ่อคุณแม่ออกไปไหน ก็สามารถไปวิ่งใกล้ๆบ้านได้ แต่ว่าวันทำงานนั้น ไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวง
คำว่า "ไม่เหมาะ" นี้ร้ายนัก มันเป็นคำที่เปลี่ยนสังคมไทยให้เป็นสังคมที่ไม่ค่อยมีใครทำอะไร ยังไม่ได้ลองทำเลย คิดไปก่อนแล้วว่าทำไม่ได้ ข้อแม้เยอะ เหตุผลเยอะแยะ หรือจะเป็นเพราะสังคมของเรามีคนฉลาดเยอะเกินไป จึงคิดเอาเองหมด (รวมทั้งคิดไปเองด้วย)
เพื่อไม่ให้ตัวเองหาข้ออ้างบ้าๆบอๆ เมื่อวานก็เลยขอแรงคนในบ้านให้ยกเครื่อง "เดิน" บนสายพาน ไปแลกกับจักรยานที่ใช้แม่เหล็กสร้างแรงต้านของน้องสาวที่อยู่บ้านติดกัน
เมื่อกี้ไปลองถีบดู ได้เหงื่อดีเหมือนกันครับ เป้าหมายคือ 70% max heart rate ตามที่พี่ศศินันท์ว่าไว้ อย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง