จากผลการประชุมในวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ณ โรงแรมเจริญธานีปริ๊นเซส จ.ขอนแก่น ในประเด็นวิจัยเพื่อประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงในระดับชุมชน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมที่เป็นตัวแทนของนักวิจัยจากสถาบันการศึกษา และหน่วยงานราชการต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานพัฒนาองค์กรเอกชน และองค์กรภาคประชาชน เข้าร่วมจำนวน ๒๕ คน ได้พบว่า แนวทางที่ควรจะทำงานวิจัยแบบเร่งด่วน ในระยะ ๓ ปี ข้างหน้านั้น มีประเด็นหัวข้อหลัก ๆ อยู่ ๓ หัวข้อใหญ่ ๆ ด้วยกัน ตามลำดับ คือ
๑. การพัฒนาคน พัฒนากลุ่มโดยเน้นการปลุกจิตสำนึกในการพัฒนาแบบพึ่งตนเอง สามารถอยู่รอดได้ในภาวะวิกฤติทางด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม มีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขและพัฒนาระบบทรัพยากร ระบบสังคม ระบบเศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกระดับ
๒. การพัฒนาชุดความรู้ เทคนิคและวิธีการในการทำงานด้านต่างๆ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งได้แก่ ชุดความรู้ในการจัดการทรัพยากร การผลิต การแปรรูป การจัดการในระดับตัวบุคคล ครัวเรือน และชุมชน ที่เชื่อมโยงกัน จนเป็นชุดความรู้ที่สามารถสนับสนุนระบบปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้
๓. การพัฒนาระบบการผลิตและการตลาด รวมถึงการแปรรูปที่สามารถดำเนินงานในระดับชุมชนแบบพึ่งตนเองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและลดการเสี่ยงต่อเหตุการณ์ผันผวนที่อาจเกิดขึ้นทั้งในระดับท้องถิ่นและสังคมโลก
ประเด็นทั้ง ๓ ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นข้อสรุปสาระสำคัญ ของการพัฒนาที่นำเสนอโดย ผู้มีประสบการณ์สูง และเป็นตัวแทนจากชุมชนที่มีการจัดการระบบเศรษฐกิจพอเพียงระดับครัวเรือนและชุมชน จากเครือข่ายปราชญ์อีสาน จากเครือข่ายข้าวอินทรีย์ของภาคอีสาน และจากกลุ่มญาติธรรมของสันติอโศก ซึ่งมีแนวคิดและหลักการที่สามารถปฏิบัติได้จริง เป็นตัวอย่างที่ดี (Best practice) ในการดำเนินงานที่สามารถนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งในระดับกลุ่ม ชุมชน ภูมิภาค และประเทศ ได้อย่างเป็นจริง
ผมจึงหวังว่า แผนนโยบายและยุทธศาสตร์ของประเทศ ที่กำหนดขึ้นในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์การวิจัยของชาติให้เข้าสู่เส้นทางของความเป็นประโยชน์ต่อชุมชน และระบบการเกษตรที่ยั่งยืนและเป็นอยู่จริงมากกว่าเดิม
สวัสดีค่ะอาจารย์ เห็นด้วยเลยค่ะ ที่จะพัฒนาคนเป็นอันดับหนึ่ง
สวัสดีครับท่านคุณครู ดร.แสวง
3. ครูวุฒิ
ขออนุญาต แลกเปลี่ยน ท่าน อาจารย์วุฒิ ค่ะ
แต่ที่ประเทศไทยเป๋ไปเป๋มา แอ่นขวาแอ่นซ้าย ล้มลุกคลุกคลาน หัวทิ่มหัวตำ ศีรษะคะมำหน้าหงาย ไม่ยอมหายกันสักทีนั้น ก็เป็นเพราะคนของเรา "เมาความอุดมสมบูรณ์" จนเพียบแป้ จึงเป็นได้แค่ "ทาสยุคใหม่" ที่ปลดปล่อยยังไงก็ไม่ยอมหนีจากเรือนทาส (ดูแค่นิสัยพื้นฐานที่สรุปได้ว่าเป็นนายสั่งตัวเองไม่ได้ ต้องคอยให้คนอื่นบังคับ เรียนจบออกมาหางานทำ แทนที่จะเรียนมาเพื่อสร้างงานสร้างอาชีพอิสระ ฯลฯ ทั้งนี้เพราะแกร่งไม่พอนั่นเอง)
อยากขอคำแนะนำจังเลยค่ะว่า อาจารย์วุฒิ คิดว่า ประโยคข้างบน ควรจะมีทางออก หรือแก้ไข อย่างไรบ้างคะ อยากเรียนรู้มาก ๆ และอยากคิดหาทางออก ร่วมด้วยช่วยกัย น่ะค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
เรียน ท่านทั้งสอง
ผมคิดว่าเราต้องเอเรือออกจากโอ่งให้ได้ก่อนครับ
ตอนนี้กำลังวนในโอ่งของ "ระบบการศึกษา"
ที่ไม่มีทั้ง "การเรียน" และ "การศึกษา"
ผู้สอนก็ไม่เรียน
ผู้เรียน ก็ไม่เรียน
ปล่อยให้ภาคเอกชน และประชาชนเรียนกันไปตามมีตามเกิด
เราจึงมีนักบริหารธุรกิจมืออาชีพ เกษตรกรมีออาชีพ กันอยู่ประปราย แบบตามมีตามเกิด แต่ก็พอจะค้ำยันประเทศได้บ้าง แบบน่าสมเพท
มีผู้ที่สอนคนอื่นอยู่ในปัจจุบัน สักกี่คนที่กล้าจะเทียบฝีมือคนเหล่านั้น
เขาเก่งจากการปฏิบัติ ทำไมเราไม่เลียนแบบบ้าง
ไม่เรียนก็ไม่ว่า เลียนแบบบ้างก็ยังดี
เรามีทั้งข้อมูล ทฤษฎี หลักการสารพัด
ถ้าบวกการปฏิบัติจริงๆ น่าจะพัฒนาไปได้เร็วกว่าเรียนแบบไม่มีหลักการนะครับ
แต่ อนิจจา......
เรามัวแต่นั่งท่องทฤษฎี หลักการ และบีบบังคับให้เด็กรุ่นใหม่ท่องตามเราให้ได้
ใครท่องได้ก็ได้เกียรตินิยม ใครได้น้อยก็ลดหลั่นลงมา
เมื่อไหร่วิชาการของเรา จะออกดอก ออกผล ต่อยอดเป็นจริงเป็นจรังเสียที
ขนาดหลักสูตรท้องถิ่นที่ทางผู้รู้ ได้ช่วยกำหนดแนวทางให้ท่านได้มีโอกาสยกเรือออกจากโอ่ง ท่านก็เลี่ยงบาลีหาเรื่องที่จะพายเรือ เฉพาะแต่ในโอ่ง กันเสียจนแทบจะไร้สาระ
เราต้องอ้างที่จะ "เรียน" ไม่ใช่อ้างสารพัดที่จะ "ไม่เรียน"
ผมว่าครูวุฒิกำลังจะสร้างสื่งที่เป็นจริง
และน่าจะเป็นต้นแบบ ให้ท่านที่ชอบพายเรือในโอ่ง ได้เห็นว่า การจะออกนอกโอ่ง นั้นทำกันอย่างไร
ขอให้ประสพผลสำเร็จครับ
ผมก็กำลังทำในมุมคล้ายๆกัน
จะพานักศึกษาปีหนึ่งไปวางฐานคิด "เกษตรอินทรีย์" "เกษตรยั่งยืน" "เกษตรผสมผสาน" และ "เศรษฐกิจพอเพียง" ก่อนที่นักทำลายสมองมนุษย์ จะเปิดศึกทำลายเขาในปีต่อๆไป ด้วยความรู้ที่แยกส่วนและเป็นพิษ
ผมจะลองดู ว่าเขาพอจะสามารถมีภูมิต้านทานกันระบบการสอนแบบทำลายสมองได้หรือไม่ สักแค่ไหน
บางทีกระแสแรงๆ อะไรก็ต้านยากครับ
แค่คิดก็หนัก แต่ไม่ท้อครับ
เรียนขออนุญาตท่านคุณครู ดร.แสวง ใช้พื้นที่ตรงนี้นิดหนึ่งครับ
ขอบคุณคุณ บัวปริ่มน้ำ ที่ให้ความสนใจความคิดเห็นของผมขอสรุปทางออกสั้นๆต่อยอดจากที่ท่านคุณครู ดร.แสวงเลยนะครับ
ผมว่าครูวุฒิกำลังจะสร้างสื่งที่เป็นจริง
และน่าจะเป็นต้นแบบ ให้ท่านที่ชอบพายเรือในโอ่ง ได้เห็นว่า การจะออกนอกโอ่ง นั้นทำกันอย่างไร
ขอให้ประสพผลสำเร็จครับ
ผมก็กำลังทำในมุมคล้ายๆกัน
จะหาโอกาสไปเยี่ยมบ้านโคกเพชรให้เห็นกับตาครับ
ฟังแล้วไม่สะใจ!!!!
อิอิ
แหะ ๆ ๆ ๆ ...
ถ้าท่านคุณครู ดร.มาเยี่ยมโคกเพชร เห็นแน่ๆก็
แหะ ๆ ๆ ๆ...
ไว้นัดกันอีกที
ไม่ทราบครูบาไปดูหรือยังครับ
น่าจะไปพร้อมกันนะครับ
อุ อุ... ผมขอไปด้วย ช่วย 2 หลึง....
ครับ
ครูวุฒิพร้อมตลอดไหมครับ
ช่วงเปิดเทอมน่าจะดีกว่าไหมครับ
อยากจะวางแผนงานเชื่อมโยงหลักสูตรท้องถิ่นครับ
ที่คาดว่าจะต้องเริ่มใน ๒-๓ เดือนนี้ครับ
ถ้ามีแผนงานอะไรช่วยทำรสยการส่งมาให้หน่อยได้ไหมครับ
ผมจะได้วางแผนถูก