กำแพงในใจ ... (ท่านชุติปัญโญ)


โปรดอย่าสร้างกำแพงขวางกั้นจิตใจของเราให้อับเฉา เพราะกำแพงที่ก่อขึ้นในใจนั้น ท้ายที่สุดคนที่ถูกจองจำ และกลายเป็นเชลยที่น่าสงสารที่สุด ก็คือ ตัวเราผู้สร้างมันขึ้นมา

"แม้ชีวิตไม่เหลือใคร จงเก็บใจไว้เพื่อตัวเอง" เขียนโดย ท่านชุติปัญโญ ที่ผมเป็นแฟนคลับธรรมะประจำของท่าน แถมยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับอิฐสองก้อนที่ผมเขียนถึงบันทึก ฟังหูไว้หู ... แล้วเราจะรู้ว่า หูทั้งสองข้างสอนอะไร (ท่านชุติปัญโญ)

หากเรื่องราวคติธรรมที่ซ้ำ ๆ นี้ ยังคงมีประโยชน์ต่อการเอาชนะเงื่อนไขในใจบางอย่างของมนุษย์ แล้วไยผมจะไม่นำมาลงไว้ในบันทึกนี้ล่ะครับ

 

อ่านแล้วคิด คิดแล้วอ่าน นะครับ :)

 

:) ............................................................................................................................... (:

 

สิ่งที่คนเราและสัตว์โลกทั้งหลายมีความแตกต่างกันคือ คนเรามีความคิดและสติปัญญาที่มากกว่าพวกเขา และมีความรู้สึกที่เปี่ยมล้นด้วยจินตนาการที่คาดไม่ถึงอยู่เสมอ

แต่ปัญหาของคนเราก็เกิดจากความคิดเช่นเดียวกันก่อให้เกิดเป็นความทุกข์ใจ เมื่อไม่สามารถควบคุมความรู้สึกที่ฟุ้งซ่านขึ้นมาได้ กระวนกระวายใจทุกครั้งเมื่อสิ่งที่คิดไม่เป็นดั่งหวัง ซึ่งเป็นกำแพงที่ก่อขึ้นแล้วขวางชีวิต เพื่อไม่ให้เราได้พบกับสิ่งที่ดีกว่าอย่างน่าเสียดาย

กำแพงเมืองจีนที่ว่ายิ่งใหญ่ ย่อมมีโอกาสผุพังได้ในสักวัน หรือ สามารถก้าวข้ามได้เมื่อเราต้องการข้ามไป แต่มีกำแพงอย่างหนึ่งที่คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าพยายามข้ามไปแต่ก็ยังไร้ผล นั่นก็คือ กำแพงในใจของตัวเราเอง

เป็นกำแพงที่เกิดขึ้นเพราะการสร้างจากตัวเราเป็นหลัก โดยมีความคิดคอยสั่งการให้กำแพงนั้นค่อย ๆ ใหญ่โตขึ้น ก่อให้เกิดเป็นความคิดหนึบในใจ กระทั่งกลายเป็นอัตตาตัวตนที่วางไม่ลง

แม้บางครั้งคนอื่นอาจจะมองว่า เรื่องที่เราคิดว่ายิ่งใหญ่นั้นเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ ไม่ควรนำมาเป็นสาระให้หนักใจ แต่เราผู้เป็นเจ้าของความคิดก็มักจะสลัดไม่หลุด เพราะรู้สึกว่า มันยิ่งใหญ่เกินจะข้ามไหว

กำแพงในใจที่ขวางกั้นอยู่แม้อาจจะดูเล็กน้อย ทว่าหากก้าวข้ามไปไม่ได้ มันก็ช่างดูยิ่งใหญ่เสียเต็มประดา แต่ถ้าก้าวข้ามไปได้ เราอาจรู้สึกได้ว่ามันก็เป็นเพียงสิ่งบาง ๆ ที่กั้นกลางระหว่าง ใจที่รู้เท่าทัน และใจที่ไร้สติครองเท่านั้นเอง

 

เมื่อ พระอาจารย์พรหม (พระวิสุทธิ์สังวรเถร) ผู้เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อชา สุภัทโท ไปจำพรรษาที่ประเทศออสเตรเลีย ท่านได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำในการก่อสร้างกำแพงวัด แต่ด้วยความที่ไม่เคยเป็นนายช่างมาก่อน ท่านจึงต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อให้งานก่อสร้างนั้นออกมาดีที่สุด

ขณะที่ทำการก่อสร้าง ปรากฎว่ามีกำแพงช่องหนึ่งที่ท่านก่อผิด ทำให้กำแพงช่องนั้นมีการวางอิฐผิดที่อยู่ 2 ก้อน เมื่อกำแพงแห้งแล้วก็ยากที่จะแก้ไขได้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สร้างความผิดหวังให้กับท่านเป็นอย่างมาก แม้ต่อมาจะขออนุญาตทุบกำแพงช่องนั้นเพื่อสร้างใหม่ แต่ท่านเจ้าอาวาสก็ไม่ประสงค์ที่จะให้ทำเช่นนั้น

เมื่อมีญาติโยมมาเยี่ยม และพระอาจารย์พรหมต้องนำพาชมวัด ท่านจะพยายามเลี่ยงพาไปที่อื่น เพื่อจะไม่ให้พวกเขาเห็นกำแพงช่องที่วางก้อนอิฐผิด เพราะรู้สึกอายในฝีมือของตนเอง

อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่ท่านกำลังนำพาญาติโยมชมวัดอยู่นั้น มีผู้ชายคนหนึ่งสังเกตเห็นก้อนอิฐ 2 ก้อนที่วางผิดแผกไปจากกำแพงช่องอื่น พร้อมกับพูดด้วยความรู้สึกชอบใจว่า

"กำแพงนี้สวยดี"

พระอาจารย์พรหมมองหน้าเขาด้วยความประหลาดใจในวิธีคิดนั้น พร้อมกับถามว่า

"คุณลืมแว่นตาไว้ในรถหรือเปล่า สายตาคุณเสื่อมหรือเปล่า คุณไม่เห็นหรือว่ามีอิฐถึง 2 ก้อนที่วางไม่ดี จนทำให้กำแพงนี้เสียหายหมด ?"

แทนที่ชายผู้มาเยือนจะสงสัยในคำถามนั้น เขากลับให้คำตอบ ซึ่งเป็นการพลิกมุมความคิดของพระอาจารย์พรหมและก่อให้เกิดความคิดที่ดีงามอย่างน่าสนใจว่า

"ใช่ ผมเห็นอิฐที่วางไม่ดี 2 ก้อนนั้น แต่ผมก็ได้เห็นด้วยว่า มีอิฐอีก 998 ก้อน ที่ก่อไว้อย่างสวยงามเป็นระเบียบ"

เมื่อฟังถ้อยคำดังกล่าว กำแพงที่เคยอยู่ในใจของพระอาจารย์พรหมได้พังทลายลงทันที พร้อมกับปัญญาใหม่ก็ท่านได้รับจากการมองเห็นสิ่งดี ๆ ที่เคยคิดว่าเป็นความบกพร่อง

ชีวิตของเราก็เช่นเดียวกัน หลายครั้งที่เรามักจะสร้างกำแพงเพื่อบดบังสิ่งดี ๆ ในตัวเรา และกักขังคุณค่าที่ซ่อนอยู่ภายในใจ จึงทำให้สิ่งดี ๆ ที่ซ่อนอยู่ไม่สามารถเปิดเผยตัวได้

เพราะกำแพงที่สร้างด้วยอิฐ หิน ปูน ทราย แม้จะมีความยิ่งใหญ่ หรือแข็งแกร่งสักปานใด แต่เราก็สามารถที่จะทะลวงให้ร่วงมากองกับพื้น กระทั่งทำให้ละเอียดเป็นผุยผงได้

แต่กำแพงที่เราสร้างขึ้นในใจของตน เป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าที่ใครจะมาทำให้เป็นอย่างอื่นได้ นอกจากเจ้าของชีวิตคือ เราต้องการที่จะให้เป็นไปอย่างไร

โปรดอย่าสร้างกำแพงขวางกั้นจิตใจของเราให้อับเฉา เพราะกำแพงที่ก่อขึ้นในใจนั้น ท้ายที่สุดคนที่ถูกจองจำ และกลายเป็นเชลยที่น่าสงสารที่สุด ก็คือ ตัวเราผู้สร้างมันขึ้นมา

แล้วเราล่ะ ... สลายกำแพงที่กักขังจิตใจของเราให้หมองเศร้าได้หรือยัง ?

 

:) ............................................................................................................................... (:

 

กำแพงในใจของเราเป็นอย่างไรกันบ้างครับ ...

สถานการณ์อันวุ่นวายไม่ยุ่งเท่ากับในใจของเรา ๆ ท่าน ๆ หรอกนะครับ

อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น อย่าเชื่อในสิ่งที่คิด

ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน ... ฉันใดก็ฉันนั้น !!!

"ลับ ลวง พราง" ยังคงถูกใช้ ให้มนุษย์เป็นแค่ "เบี้ย" รอวันตายของใครบางคนเท่านั้นแหละครับ

ทลายกำแพงในใจ พร้อม ฟังหูไว้หู เถอะครับ

บุญรักษา คนดี ครับ :)

 

 

แหล่งอ้างอิง

ชุติปัญโญ (นามแฝง).  แม้ชีวิตไม่เหลือใคร จงเก็บใจไว้เพื่อตัวเอง.  พิมพ์ครั้งที่ 2.

             กรุงเทพฯ: ใยไหม, 2551.

 

หมายเลขบันทึก: 203684เขียนเมื่อ 26 สิงหาคม 2008 23:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:28 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

เห็นด้วยครับ กำแพงที่เเข็งแรงกว่ากำแพงใดๆ คือ กำแพงในใจโดยเฉพาะในใจที่เต็มไปด้วย อคติ ไม่มีวันที่จะทะลุไปได้เลย

หลายๆคนกักขังตัวเองอยู่ในกำแพงของจิตใจ...

 

ขอบคุณครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร ...

กำแพงที่เต็มไปด้วย "อคติ" ... ไม่เห็นโรงศพ ไม่หลั่งน้ำตา :)

เราเป็นคนสร้างกำแพงในใจของเราเอง

เราก็น่าจะทลายให้พังลงได้ด้วยตัวของเราเอง

แต่..กว่าจะทลายลงได้..ทำไมจึงยากเย็นยิ่งนัก

บางคนอาจใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน

บางคนชั่วชีวิตนี้ก็ไม่สามารถทำลายลงได้เลย

เป็นเพราะ ..ความคิด...ปัญญา..ของความเป็นมนุษย์นั่นแล

สวัสดีครับ คุณครูจุฑารัตน์ NU 11 :)

มนุษย์มักชอบตั้งกำแพงเอาไว้ เพื่อป้องกันตัวเอง หรือ เพื่อความปลอดภัย อันเป็นสัญชาตญาณที่มนุษย์มีทุกผู้ทุกคน ครับ

กำแพง คือ เงื่อนไขของชีวิต ไม่มีใครทลายได้ นอกจากตัวเอง

อาจารย์ พอ.นพ.พงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา กล่าวไว้ว่า ...

"ไม่มีใครจะเปลี่ยนใครได้ ถ้าเจ้าตัวไม่เปลี่ยน แต่หากฟังคนมีเหตุผลกว่า เขาจะเปลี่ยนในเสี้ยววินาที" ครับ

ขอบคุณครับ คุณครู :)

ทักทายจากเกาะไกลโพ้น ค่ะ ท่านอ.เสือ สบายดีนะคะ

... แม้เราต่างพยายามจะทลายกำแพง เหล่านั้น แต่

หาก สิ่งหนึ่งที่ยังส่งผลกระทบต่อ จุดยืน และศีลธรรม

ต่อประเทศชาติแล้วเล่า ... คงยากจะทลาย หรือลบเลือน?  

และเมื่อเห็นหลายๆ คนที่พร้อมเสียสละ เพื่อ ... ส่วนรวม

... และ เพียงรอวันพิพากษา ความถูกต้อง จนถึงที่สุด เพื่อ

... รอวันตายของใครบางคนเท่านั้นแหละ .... ก็คงจะเอวัง

อย่างไรยังยิ้มได้ และยิ้มแยะเมื่อได้แทะค่ะ :) ให้อ.ยิ้มทุกวี่วันค่ะ

 

ขอบคุณครับ คุณ poo ... สบายดีครับ ผมยังเลือกทางเดินของตัวเองอยู่ครับ และคงอยากยิ้มทุกวัน เพื่อความสวยงามของโลก :)

สวัสดีค่ะ ไม่ต้องเป็นกำแพงอิฐหรอกค่ะแค่กำแพงใจก็ทำเราทุกข์ได้แสนสาหัสแล้ว

ลองอ่านบันทึกให้เข้าใจแล้วลองนำไปปรับใช้ดูก่อนครับ คุณ aamlug ;)

ขอบคุณครับ

อยากทะลายกำแพงของตัวเอง แต่ก็ยังทำไม่ได้

อยู่ที่ใจนะครับ คุณ suyuki ;)...

กำแพงที่คนรอบข้างร่วมช่วยสร้างให้ฉัน ต่างคนต่างสร้างยืนคนละข้างของกำเเพง ทั้งสููงทั้งหนาจนบังตาบังแสง ท้ายหมดเรี่ยวแรง ที่จะทลายกำแพง กำแพงความรักยังอยู่ ห้าชีวิตร่วมสร้างเดินคนละทางของกำแพง นี้ละ อะไรที่มากเกินหรือนอ้ยเกินมักไม่พอดี ตอนนี้ยึดถือไว้คือทางสายกลาง ขอบคุณกับบันทึกดีดี จากใจจริง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท