เรื่องนี้บีบหัวใจ อารมณ์ไม่ดีควรเว้นวรรค


(เออ..ตาหวาน หมู่นี้มนุษย์ทำไมวุ่นวายไม่จบสิ้นนะ)

 

มนุษย์ทุกคนต้องการความหวานชื่น แต่ทุกเรื่องจำเป็นต้องมีจุดพอดี

หวานอาจจะเป็นลม ขมอาจจะเป็นยา โบราณว่า..

บริโภคน้ำตาลมากๆ..นำไปสู่สารพัดโรค ..ยอดฮิต ฟันพุ เบาหวาน

ถ้าจะเสนอความคิดเห็นให้โดนใจผู้ฟัง

และให้สมประโยชน์ด้วย ไม่ใช่เรื่องง่าย

เราไม่ใช่นักโฆษณาประชาสัมพันธ์มืออาชีพ

ที่จะพูดเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้อย่างกลมกลืน

 

(ใครนะว่าหนูพูดฉอดๆ ไม่ใช่น้องจิโจ๊ะจังนี่จะคุยเก่ง)

ถ้าจะว่ากันตรงๆฉอดๆไม่ดูตาม้าตาเรือ..

ก็จะถูกมองว่า..ไม่มีศิลปะการถ่ายทอด

วิชาวางยาความคิด ผมไม่เคยเรียนจากที่ไหนเสียด้วย

ทำได้แบบทื่อๆกระโดกกระเดก แต่ก็มีกอดอบอุ่นเป็นของแถมนะขอรับ..

      

(เพื่อนร่วมโลกดูแลช่วยตัวเองได้ในสภาพธรรมชาติ แต่แพ้กิเลศมนุษย์จนสูญพันธุ์ไปมากแล้ว)

วันสิ่งแวดล้อมโลกเพิ่งผ่านไปหมาดๆ..ที่จริงเราเผชิญอยู่กับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนมากขึ้นทุกวินาที หลายท่านตระหนักดี นักเคลื่อนไหวก็ออกมารณรงค์ชูป้าย นักวิจัยนักวิชาการหรือแม้แต่นักการเมือง ได้ออกมาเสนอความเห็นกันอย่างพร้อมเพรียง ล้วนน่าสนใจเป็นเหตุเป็นผลดี

      

(หนอนตัวนี้กำลังลอกคราบ ไม่มีกล้องตั้งถ่ายไว้ กลับมาเห็นแต่ซาก เสียดายๆ) 

ถาม.. ครบถ้วนเห็นหน้าเห็นหลังใช่ไหม?

ตอบ..มันยังอยู่ห่างหัวใจเหลือเกินลูกหลานเอ๋ย

เหตุมันเกิดที่ใจมากกิเลศ ความรู้สึกนึกคิด ผลประโยชน์เถื่อน และความรู้ไม่พอใช้ ประชาคมโลกยังไม่ลุกมาจับมือกันจัดวาระอุบัติเหตุโลก น้ำท่วมแผ่นดินไหว ก็โอดครวญกันไป ตายเน่าเป็นเบือก็เฉยๆ มันไม่ใช่ตัวฉันนี่หว่า มีหนี้สิน ทำมาหากินฝืดเคือง ก็ได้ยาชูกำลังใจ รัฐบาลจะประกันราคาข้าว ฝ่าเท้าจะต้องลุกมาอีก..ตอนนี้ยับยั้งขาไว้ แต่ในสมองไม่รู้คิดอะไร?

    

(ไม่เพียงมนุษย์หรอกนะที่รอดูทิศทางการจัดการโลกร้อน สัตว์ต่างๆก็รอดูอยู่เหมือนกัน)

เรื่องของผลกระทบโลกร้อน

ไม่ใช่คนเท่านั้นที่รอคำตอบ

สัตว์แมลงจุลินทรีย์ก็ต้องการทราบด้วยเช่นกัน

คำตอบของมนุษยชาติอยู่ที่ไหน?

ค้นหายังไม่เจอ

เรื่องเป็นเรื่องตายต่อชะตากรรมโลก

ยังแขวนลอยอยู่ในอากาศอย่างนั้นหรือ?

   

ในกรณีของงานวิจัย นักวิจัยไทยเก่งไม่แพ้ใครหรอกในโลกนี้

แต่อ่อนด้อยระดับบริบทไทย เข้าไม่ถึงวิถีไทย ยังกระบิดกระบวนอยู่นั่นแหละ

เรารู้เรื่องทั้งโลก แต่ไม่รู้ตัวเอง..มันก็ทะแม่งๆนะ

งานวิจัยในกลุ่มวิชาการระดับสูง ผมให้คำนิยามว่า ..วิจัยแบบสากลหรือลูกกรุง

งานวิจัยในระดับลึกติดดิน มองธรรมชาติและสังคมทะลุเรียกว่า..วิจัยแบบลูกทุ่ง

ยังไม่มีกระบวนการเอาทั้ง2ส่วนนี้มาประสานเชื่อมโยงกัน เพราะต้นทุนทางวิชาการจำกัด และนโยบายก็ยังเป็นไม้หลักปักขี้เลน จัดนิทรรศการดูกันไปวันๆ ทำให้เราขาดแก่นสารปัญญาวิชาการ ที่จะนำไปพัฒนาประเทศชาติได้จำกัด เรื่องนี้เป็นปัญหาบ้าใบ้มานาน เพราะแต่ละกลุ่มงานวิจัยต้นสังกัด ต่างยึดมั่นถือมั่น มองด้านเดียว ทุ่มเทไปทางทิศทางเดียว มันจึงยากที่จะดึงมานั่งคุยภาษาเดียวกัน ผู้หลักผู้ใหญ่มีความพยายามที่จะคลี่คลายจุดนี้..แต่ก็ยากเมื่อต่างคนต่างคิดว่า..

งานของข้าใครอย่าแตะ!!

มีเรื่องคลายใจบ้างไหม..

อ๋อมีสิครับ ยกตัวอย่างก็ได้ ถ้าท่านเปิดใจอ่านอย่างประณีต

เล่าฮู แสวง รวยสูงเนิน แห่งคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น  นำวิชาการลงลุยโคลน หาวิธีหยั่งรู้ถึงวิถีชาวนาแบบล่อนจ้อน ชวนนักศึกษานับร้อยลงไปดำนา เพื่อให้เกิดความตระหนักถึงวิธีเรียนพื้นฐานนักการเกษตร ว่าข้าวที่กินอยู่ทุกวันนี้ แต่ละเม็ดแต่ละคำ ผ่านกระบวนการมาอย่างไร จากหยาดเหงื่อในท้องนา ไปหาโรงสี ไปถึงหม้อในครัว มาถึงจาน ถึงปาก ลงไปอยู่พุงกะทิ แล้วไปเบ่งขี้กดลงชักโครกทิ้ง !!

ทั้งๆที่มันเป็นปุ๋ยชั้นดี ที่ควรหาวิธีวิจัยนำออกไปบำรุงธรรมชาติที่เสื่อมโทรม เรื่องใกล้ตัวเหล่านี้มนุษย์ยังจัดการได้ไม่สมบูรณ์ อยู่ในระดับมักง่ายอีหลักอีเหลือ ถ้ามีหัวใจนักวิจัย ก็จะมองเห็นโจทย์ผิดปกติที่ท้าทายรอให้ผู้กล้าไปพิสูจน์ขั้นตอนการทำนา ว่ายังไม่เหมาะสมอย่างไรบ้าง ควรจะได้รับการปรับปรุงหรือพัฒนาอะไร ชี้แนะ1-2-3ออกมาจะจะ เรื่องสำคัญๆพื้นๆนี่แหละ ที่นักวิจัยไทยตาบอดสี มองไม่เห็น! รึเห็นแต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ได้นะ..

โอ๊ะ..รู้ว่าขี้ยังไปเหยียบอีก !!

หมอเบิร์ด ผู้มีจิตใจที่ดีงาม ย่ำต๊อกตระเวนชวนพี่ป้าน้าอาพัฒนางานวิจัยในครัวเรือน ทดลองประยุกต์นำผลผลิตที่ตกค้างมาทดลองทำเป็นสินค้าชุมชน สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่เรามองข้ามมานาน ไม่ตระหนักว่าวิธีการเรียนรู้ที่นำไปสู่การสร้างรายได้ให้ครัวเรือนและกลุ่มชุมชน ที่ภาษาราชการเรียกว่าวิสาหกิจชุมชนนั้น ควรมีจุดเริ่มต้นอย่างไร?

นักวิจัยติดดิน จะเอาทฤษฎีเหน็บหลังไว้ ลองไปอ่านบทความท่านเหล่านี้เถิด จะเห็นสิ่งละอันพันละน้อยที่เกิดจากการปฏิบัติ กระทำอะไร -กับใคร -อย่างไร -ได้คิด -ได้รู้ -ได้เห็น -ได้ผลลัพธ์อะไร -นำมาบอกเล่า -อธิบาย

ถามว่าไม่ใช้ทฤษฎีอ้างอิงเลยเชียวหรือ? ใช้สิ!  ใช้มากเสียด้วย มันแฝงอยู่ในบทความ มันแทรกอยู่ระหว่างบรรทัด มันไปจี้ให้ตัวหนังสือให้ดิ้นได้ แทบจะกระโดดออกมาจากหน้ากระดาษ ..คนเข้าไม่ถึงความขอบเขตลึกตื้นหนาบางของวิธีวิจัยสไตล์ธรรมชาติ เขียนไม่ได้อธิบายไม่ออกหรอก ที่เห็น เป็นฝีมือนกแก้วนกขุนทองเสียเยอะ

ใกล้เข้าสู่เส้นตาย จะสอบวิทยานิพนธ์ ไปก๊อบปี้โน่นนี่ คัดลอกข้อคิด อ้างทฤษฎีผู้เชี่ยวชาญ โดยไม่ยอมเข้าไปศึกษาถึงวิธีที่ท่านเหล่านั้นสกัดความรู้ออกมา ไม่รู้เบื้องหลังการถ่ายทำ ว่ามีเหตุผลมีความละเอียดลึกซึ้งอย่างไร? เราจึงมีแต่ผู้ทนทรมานทำงานวิจัย แต่ใช่นักวิจัย ที่โดนไฟล์บังคับว่าจะต้องมีผลงานวิจัยมาประกอบการประเมินความก้าวหน้า..ทั้งๆที่ตัวเองถอยหลังกรูดๆ!! ไปแนะนำก็ไม่ได้นะ กำหมัดตาเขียวปัดเชียวแหละ..

มหาวิทยาลัยบางแห่งเห็นเป็นโอกาสพิเศษ  เปิดหลักสูตรรับแผนงานนี้อย่างคึกคัก..สอบวิทยานิพนธ์แบบถูลู่ถูกัง.. ให้ความสำคัญกับคำสมอ้างทฤษฎีต่างชาติมากกว่าการพิจารณาความรู้ของลูกศิษย์ ว่ามีตัวความรู้ที่เขาค้นพบมาอ้างอิงอย่างไรบ้าง คำอ้างอิงที่เกิดจากมันสมองนักศึกษา จะเป็นกุญแจไขให้เห็นค่าที่ประเมินว่า..นักศึกษามีคุณสมบัติเหมาะสมกับวุฒิภาวะแห่งปริญญานั้นๆแล้วหรือยัง ไม่ยังงั้นก็จะมีแต่ประเภทก๋าๆ ออกมากวนประสาทกวนบ้านกวนเมืองอีกต่างหาก..อิ อิ ..

การรับสมอ้างยอมหยวนกัน ระหว่างลูกศิษย์-อาจารย์ที่ปรึกษา-กรรมการดูแลงานวิจัยของคณะ-สภามหาวิทยาลัย จะเกิดวิกฤติศรัทธากันทั้งระบบ อีกสิบปี อาจจะมานั่งเรียนวิธีวิจัยกันทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ใหม่ก็เป็นได้

ทางที่ดีอย่าขืนใจให้ทำงานวิจัยกันทุกคนเลยนะขอรับ ถ้านักศึกษาไม่มีต้นทุน ไม่มีความพร้อม ไม่เข้าใจถึงเหตุผลของการเป็นนักวิจัย ทำไปก็เหมือนบัวแล้งน้ำ ถึงเราจะมีปริมาณนักวิจัยเพิ่มขึ้น แต่สติปัญญาของชาติซอยเท้าอยู่ที่เดิม

คนเราชอบและถนัดไม่เหมือนกัน อาจจะเก่งและเด่นเรื่องอื่น เพียงแต่รัฐบาลควรพิจารณาอย่างลึกซึ้งด้วยว่า ..การออกเกณฑ์ความดีความชอบนั้น ไม่เอาผลงานวิจัยอย่างเดียวมาบีบหัวใจข้าราชการ ควรเอาความสามารถด้านที่เขาปฎิบัติงานได้ดี มาพิจารณาอย่างให้ความสำคัญเท่าเทียมกับงานวิจัย ถ้าปลดล็อกตรงจุดนี้..จะสามารถนำระบบเข้าขบวนการขับเคลื่อนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แบบเกาถูกที่คันกับสภาพปัญหาของประเทศไทยเสียที

ผมเชื่อโดยสนิทใจว่า การบริหารจัดการเรื่องวิจัย ไม่ได้ด้อยคุณภาพทุกหลักสูตร ทุกภาควิชา หรือทุกสถาบัน พระอาจารย์ที่เป็นเสาเอกให้กับประเทศนี้มีมากมาย ยกตัวอย่าง เช่น พระอาจารย์ไร้กรอบ พระอาจารย์Hin Hui พระอาจารย์นฤมล ปราชญ์โยธิน พระอาจารย์ภาวินี ภักดี พระอาจารย์ธวัชชัย-จันทรวรรณ ปิยะวัฒน์ พระอาจารย์กมลวัลย์ ลือประเสริฐ พระอาจารย์Handy และเล่าฮูแสวง ฯลฯ

ท่านเหล่านี้ใครได้เป็นลูกศิษย์นับเป็นวาสนา..ขออภัย..ยังมีอีกมากที่ยังไม่ได้แสดงชื่อให้ปรากฏ บางท่านไม่ยอมเขียนBlogให้ชาวเรารู้จัก ท่านทำแบบพอเพียงส่วนตัวเงียบๆ ปิดทองก้นพระ เชื่อว่าท่านเหล่านี้มีมาก ..ก็ไม่ว่ากัน ขออนุญาตแอบชื่นชมห่างๆก็แล้วกันนะครับ

งานวิจัยที่บีบบังคับกัน ไม่เกิดผลดีหรอก ควรใช้วิธีชักนำให้มีโอกาสฝึกหัดการเตรียมความสนใจอย่างแรงกล้าเสียก่อน วิธีกระตุกหัวใจเหมาะกับคนไข้ที่ใกล้จะมรณภัย ที่หมอห้องฉุกเฉินลองกระตุ้นหัวใจ  ฟื้นมาก็โชคดีไป ไม่ฟื้นก็เข็นออกห้องICU.!!

พระอาจารย์ใหญ่ น..นายแพทย์วิจารณ์ พานิช สะท้อนว่า ที่บางคนยังไม่มีพลังเพราะขาดเครือข่าย ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง จะอยู่แบบตีหัวเข้าบ้านมันก็ไอ้แค่นั้นแหละ ควรแสดงตัวตนให้เห็นหน้าเห็นก็ยังดี ..จะถือว่าสิทธิส่วนตัวก็ถูกอีก ไม่ได้กังขาอะไร..ความพอใจในแนวทางปฏิบัติเป็นที่ยอมยกให้เป็นหนึ่งอยู่แล้ว ..แต่ชวนแล้วไม่มา ก็ตัวใครตัวมันนะขอรับ > >

         

อีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นนักคิดอิงระบบแต่มีอิสระท่วมท้นใจ อย่าง Conductor พระคุณเจ้าธรรมวุธ  ซูซาน ฯลฯ ในบล็อกมีมากมายนับไม่ถ้วน เรื่องนี้ชาวบล็อกขาประจำจะสังเกตได้เอง รุ่นใหม่ฝีมือดีมีมาก เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลาสะสมชั่วโมงบินหาเพื่อนร่วมทาง ผมเห็นร่องรอยดีๆเกิดขึ้นทวีคูณ ท่านทั้งหลายเหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอน สะสมน้ำค้างให้ไหลไปเติมความชุ่มชื้นให้แก่พื้นที่เรียนรู้G2K.

ยกตัวอย่าง เช่น กลุ่มครูอ้อย แซ่เฮ กลุ่มนักการแซ่เฮเมือง2แคว กลุ่มดร.กระปุ๋มหนุ่มสาววัยเฮ็ว กลุ่มคนไร้ราก กลุ่มหมอเจ๊และอัยการชาวเกาะ กลุ่มท่านPanda กลุ่มท่านHandy กลุ่มท่านบางทราย กลุ่มครูพิสูจน์สุพรรณบุรี กลุ่มการเกษตรสิงห์ป่าสัก กลุ่มชาวปูนซิเมนต์ไทย ที่มีเจ้าลูกชายโทนกอล์ฟคอยประคบประงม ฯลฯ ถ้าต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกระซิบถามมะปรางเปรี้ยว เธอลุ้นระทึกเรื่องนี้อย่างมีความหวังว่ามันจะบรรเจิดในเร็วๆนี้

 

ขอให้เป็นสุข เป็นสุขเถิด มีความแช่มชื่นโดยทั่วกันเถิด  

ถ้าว่างอย่าลืมกอดเพิ่มพลังใจกันไว้บ้าง

บ้านเมืองเราเริ่มขาดแคลนทุกสิ่ง ของแพงขึ้นทุกอย่าง

..มีแต่กอดนี้แหละที่นิ่ง มีมาตรฐานใจกำกับที่ทรงพลังยิ่งนัก

ขอฝากความอาลัยไว้ใน Key Word ข้างล่างนี้

 

 Key Word

:ผู้ใหญ่ลี เคยเข้าใจว่าสุกรคือหมาน้อยธรรมดา ยังพอไหว:

:แต่ถ้าเข้าใจนักพัฒนานักวิชาการ ว่าเหมือนหมาน้อยธรรมดาแล้วไซร้:

:จะดูไม่จืดเลยละขอรับ:

 

หมายเลขบันทึก: 186611เขียนเมื่อ 6 มิถุนายน 2008 21:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

สวัสดีค่ะท่านครูบา ของแบบนี้อยู่ที่ใจค่ะ จริงใจหรือเปล่า หรือเลือกคบ

สวัสดีครับพ่อครู

..ว่าแต่ว่า..กอดนี้ไม่มีขึ้นราคานะครับพ่อครู..

กอดแล้วช่วยลดโลกร้อนได้นะครับ..

ขอบคุณมากๆครับ ครูฯ

ช่วงนี้ผมอาจจะไม่ได้มาคุยกับครูฯมากนะครับ หัวใจมันห่อเหี่ยวยังไงไม่รู้

มาคาราวะ ครูฯอย่างจริงใจ บันทึกตรึงดวงใจ ตอกสมอง

เป็นโจทย์ที่บีบหัวใจ ผู้เกี่ยวข้องทุกคนควรตระหนัก และหาคำตอบ...ขอเว้นวรรคก่อนนะค่ะ...กราบขอบคุณพ่อครูบาค่ะ

กราบสวัสดีครับ

    เว้นวรรค  เว้นบรรทัด เว้นย่อหน้า เว้นหน้า เว้นบท เว้นเล่ม

บีบหัวใจนะดีครับ เลือดจะได้พุ่งไปทั่วร่างแหของสายเลือดครับ

ผู้ใหญ่ลี อาจจะไม่รู้จักสุกร แต่น่าจะรู้จักหมู และอาจจะไม่รู้จักสุนัขก็ได้ครัีบ

นี่คืออุปสรรคของคนกลาง ก่อนนำเมฆมาสู่ดิน

ขอเว้นบรรทัด แปปด้วยนะครัีบ

 

อาการไอเรื้อรังของหนูช่างเหมาะกับบันทึกนี้ เชื้อโรคบางทีก็ต้องเจอยาแรงค่ะพ่อถึงจะกระเตื้องขึ้น ปล่อยไว้เฉยๆ นึกว่าจะหาย เลยน่ารำคาญ จะดีก็ไม่ใช่ จะไอจนเข้าโลงก็ไม่เชิง คาราคาซัง คนไม่เป็นแค่เห็นก็รำคาญว่าทำไมไม่รักษาซะให้หาย ที่จริงไม่มีปัญญาทำให้หายเอง แต่ก็ดื้อไม่ยอมรับว่าตัวเองป่วย ไม่ยอมหาหมอ บอกว่าแค่ไอ ไม่เป็นไร ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ต้องพึ่งคนรอบข้างต้องช่วยกันกดดัน พูดๆๆ ด่าๆๆ พอสำนึกก็จะไปหาหมอเอง ถามว่าจริงๆ แล้วใครเดือดร้อน ก็ตัวคนไอเองนี่ล่ะ แต่ถ้าไอมากๆ ก็อาจจะแพร่เชื้อให้ชาวบ้านเขาพลอยติดไปด้วย ถ้าใครภูมิต้านทานน้อยก็ลำบาก อันตราย สรุปว่าก็เดือดร้อนส่วนรวมจนได้ ไม่ใช่เฉพาะตัวเองอย่างที่คิด

ไอจนเป็นปรัชญา ไอจนคิดบ้าๆ ก็ทำได้ สุดท้ายก่อนตายจะบอกว่า ไอเลิฟยู 555 แบบหนูเขาเรียกว่าไอจนบ๊อง ติงต๊องขึ้นสมอง

ติดตามพ่อครูด้วยความชื่นชมอยู่ห่างๆค่ะ

ขอบคุณที่มี พ่อของคน G2K

น้องซูซาน.. ที่ไอมาก บางคนไอ แต่ไม่ใช่โรคหวัด

อาการไอ  มีสาเหตุที่ไม่น่าเชื่ออีกอย่างคือ หลังรับประทานอะไรเข้าไป ยังไม่ถึง 3 ชั่วโมง นอนราบ จะทำให้กรดในกระเพราะอาหารย้อนขึ้นมาที่แถวลำคอ จะเกิดอาการระคายเคืองในลำคอ จนอักเสบ ทำให้เราไอแบบไม่ใช่โรคหวัด

วิธีแก้ คือ หลังทานข้าว 3 ชม ค่อยนอน ไม่ว่าจะนอนเล่นๆ หรือนอนจริงๆนะคะ

มายกมือสนับสนุนว่า อย่าพิจารณาความดีความชอบข้าราชการจากกระดาษ เพราะสิ่งนี้ทำลายการเรียนการสอนไปเยอะแล้ว ครูไม่สนใจสอนอย่างจริงจังเพราะยุ่งอยู่กับการทำเอกสาร portfolio ยุ่งอยู่กับการทำแผนการเรียนการสอน ยุ่งอยู่กับทำผลงานวิชาการเพื่อเพิ่มวิทยะฐานะ ถ้ามัวสอนอยู่ก็ทำไม่ทัน ผลกรรมก็อยู่ที่เด็กครับ

ถึงน้องซูซาน ผมเคยไอไม่หายเป็นเดือนๆ ทนไม่ไหวไปหาหมอ หมอบอกว่าอย่าไปกินยาเลยผมก็เคยเป็นไม่หายหรอก ลูกน้องผมเอา "หล่อฮั่งก๊วย" ให้กินหายเลย ไอ้เจ้าหล่ออั่งก๊วย มันเป็นแพ็คแบบซุปไก่ก้อน มีขายที่ร้านขายยาจีนกล่องนึงประมาณ ๓๐-๓๕ บาท ชงน้ำอุ่นจิบผมทานไปกล่องกว่าๆก็หายขาดเลยครับ

กราบท่านพ่อครูครับ

เสียงจากกลุ่มหนุ่มสาววัยเฮ้ว...

ผมมองว่า กระบวนการเรียนรู้ หากไม่ทำเอง ก็พูดไม่ได้เต็มปาก ทำเองถึงบรรยายได้ถึงรสถึงชาติ ไม่ทำมัวแต่พ่นทฤษฏี ยังไงก็ไม่เนียนนะขอรับ

ส่วนวิถีของผมเองก็ทำไปเรียนรู้ไป ด้วยวัยหนุ่มสาวที่มีโอกาสได้เรียนรู้ ได้รู้จักครูบาอาจารย์ช่วยนำทางวิวัฒน์ แม้ท่านไม่ได้บอกตรงๆแบบเขกหัวให้ทำ แต่ปรัชญา - แบบอย่างที่ท่านย่างรอยไป เรายึดมั่นในผลึกปัญญาที่สร้างสรรค์สังคม

ไม่มีเวลาสำหรับมือสมัครเล่นเเล้ว เดี๋ยวนี้ต้องมืออาชีพเท่านั้น ไม่มีเวลาสำหรับลุยแบบไม่ฟังอีร้าค้าอีรม แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของศาสตร์ มีตรรกะที่นำมาผสานกับใจที่ดีงาม

วันนี้ผมวิ่งไปพร้อมวิธีการคู่ขนานคือ นำความรู้เดิมมาใช้ พร้อมกับสร้างความรู้ใหม่กับบริบทใหม่ ผสานให้เป็นนวตกรรมของตัวเองแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น เมื่อเรียนรู้ก็ถอดบทเรียนออกมาให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน

ธรรมดา ไม่ผยอง แต่ก็มีศักดิ์ศรี และสู้ได้จนยิบตา ใครมีศาสตร์ดีๆเอามาสู้กัน...ไม่พูดอย่างเดียว ทำแล้วพูดดีกว่า เท่ห์กว่ากันเยอะเลย

"มนุษย์ทุกคนต้องการความหวานชื่น แต่ทุกเรื่องจำเป็นต้องมีจุดพอดี"

ชอบครับ ประโยคนี้..

กอดสวัสดีครับ

นักพัฒนาทั้งหลายโปรดอ่าน ตามข้างบน
อย่าเอาแต่ไปเยี่ยมแล้วนำเสนอให้ทำโน่นทำนี่ ตามแต่เบี้องบนเขาสั่งมา แล้วจดบัญชีไปเสนอนายต่อ
อย่าเพียงแต่แวะไปเยี่ยมแล้วถามๆๆๆ จดๆๆๆ แล้วสวัสดีลากลับ

ความจริงแล้ว มีภูมิปัญญามากหลายล้นเหลือในหมู่พี่น้อง

ไปค้นต้องไปแลกเปลี่ยน ศึกษาเขา แลกเปลี่ยนของเรา แล้วนำมาถ่ายทอดแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันใน G2K ครับ

แต่อย่าลอกเลียน ลอกแบบ อันนี้วัยรุ่นขอร้องๆๆ

มาแสดงตัวตนให้เห็นหน้าค่ะ

ตอนนี้เป็นอิสรชนแล้วค่ะ

รู้สึกตัวเองเป็นหนี้แผ่นดินเกิด

ตอนนี้กำลังสะสมกำลังภายใน ก่อนลงสนามค่ะ

สวัสดีครับพ่อครูบา

อ่านแล้วได้ข้อคิด ข้อสังเกต มากหลาย

คนจะมีคุณภาพไม่ควรดูที่งานวิจัยเพียงอย่างเดียว

เพราะบางที่งานวิจัยก็ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริงเสมอไป

ควรดูหลายๆด้านประกอบกัน เช่น ความสามารถเฉพาะตัว ดูให้ลึกไปถึงจิตใจได้ก็จะดีมาก อิอิ...

มาส่งการบ้าน "จับฉ่ายศาสตร์" เตรียมความพร้อมบนความไม่พร้อม ค่ะ

บันทึกนี้ของครูบา อ่านแล้วรู้สึกหัวโล่งขึ้นมาเลย อะไรที่หนักอึ้งบนหัว ผ่อนลงด้วยความรู้สึกขอบคุณค่ะที่ครูบาเขียนในสิ่งที่เป็นเช่นนั้นแต่บางทีก็พูดไม่ออกน้ำท่วมปากค่ะ

  • สวัสดีค่ะ พ่อครูคะ
  • มาขออ่าน
  • มาขอดู
  • มาขอความรู้
  • มาขอความเห็น
  • เพื่อเป็นวิทยาทาน
  • สานฝัน ร่วมมือกัน สู่วิถีชีวิตที่เป็นสุข และยั่งยืน
  • ขอบพระคุณค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท