แกงถั่วงอก


ท่านคงพอทราบนะครับ

เก้าอี้ฮ่องเต้เป็นยังไง

ใช่ว่าใครจะนอนกลิ้งตกกันง่ายๆ

เมื่อคืนนี้ผมเจอเรื่องฮา แทบตกเก้าอี้!

 

มาจากสาเหตุ..เรื่องเล่าชาวบ้านโสเล่กันเมื่อคืนนี้

ผมอยากให้เขาอยู่ในโลกกันเอง

จึงถอยออกมานอนฟังเงียบๆ

เริ่มด้วย..ครูวิทยากรจุดประกายให้กระชุ่มกระชวย

ร้องกลอนลำ เรื่องโลกร้อน และเรื่องความเปลี่ยนแปลงในสังคม

เมื่อเสียงปรบมือจบลง

 

เสียงเสนอเซ็งแซ่ ขึ้นมาแทน

สมาชิกเรียกร้องกันเอง ให้คนโน้นคนนี้ออกมาแสดงลวดลาย

แม่ใหญ่หลายคนสนุก ออกมาโต้คารมผสมลูกฮา

มีรายหนึ่งมาเล่าเรื่อง..ก๋วยเตี๋ยว

 

กาลครั้งหนึ่ง..คนในหมู่บ้านเล่าว่า

ตนได้ไปชิมก้วยเตี๋ยวที่ตลาดมันแซบมาก

ลุงลีแกได้ฟัง จึงตั้งใจจะไปลองกินกล้วยพันธุ์เตี๋ยว

แล้ววันดีก็มาถึง

ลุงลีแกไปในตัวอำเภอ

ตรงไปร้านอาหาร สั่งก๋วยเตี๋ยว 1 ถ้วย

 

..สักครู่ สิ่งที่กระหายใคร่ชิมก็มาวางตรงหน้า

แกร้องว่า..เฮ้ย นี่.. แกงถั่วงอก นี่หว่า..

ช้อนแรกที่ตักขึ้นซด..แกร้องอีกว่า..ร้อน จืด ฉิ-

มันแซ่บตรงไหนว่ะ

โธ่!!แกไม่รู้มาก่อนว่ามันต้องปรุงรส

แสดงว่าการประเดิมทุกเรื่อง ต้องศึกษาพื้นฐาน เจ้าเป็นไผ?

ยกเว้นเรื่องเดียว กอด ..ชอบไม่ชอบ ก็ไม่เสียหายกระไรนัก!

 

KEY Word:

..นี่แหละหนาคนเรา..

แค่ก๋วยเตี๋ยว ก็ยังเข้าไม่ถึง

โรคผู้ใหญ่ลียังระบาดทั่วไป ทั้งที่รัฐสภาพ ทุ่งนา และป่าเขา !!

 

 

หมายเลขบันทึก: 190183เขียนเมื่อ 25 มิถุนายน 2008 07:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

สวัสดีค่ะพ่อครูบา

* กะว่าจะได้รายการอาหารใหม่ต้อนรับ อ. ขจิตสักหน่อย...ก๋วยเตี๋ยวคือแกงถั่วงอก....แม่นแล่วค่ะ...หุหุ

* ครูพรรณาไปกินข้าวเปียกญวณ...เฮ้อก๋วยจั๊บเส้นเล็กใส่น้ำมากมาย...รวยไม่มรู้เรื่อง....โรคผู้ใหญ่ลีและนางมาเหมือนกันค่ะ

* วันก่อนฟังฝ่ายประท้วงอยากให้รัฐสภามีสภาผู้แทนจากราษฏรเลือก ๓๐ และจากการคัดสรรค์ของผู้ทรงคุณวุมิอีก ๗๐...แล้วเขาเริ่มต้นประท้วงไม่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ....นางมาก็เง็งสิคะ

* สุขกายสุขใจรับดาวพุธนะคะ

แกงถั่วงอกนั่นหรือ คือ ก๋วยเตี๋ยว

ประเด็นขำ ขำ แบบนี้ มีนัยที่มีแง่คิดฝังอยู่ไม่น้อย

แสดงว่าการประเดิมทุกเรื่อง ต้องศึกษาพื้นฐาน เจ้าเป็นไผ?

 

เข้าใจ เข้าถึง และ ปฏิบัติการ ครับ :)

(อ้อ...อย่าลืมถอดบทเรียนด้วยนะครับ)

เรียน   ท่านผู้อุปก่าระคุณ ฮา

P

P
2. จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
เมื่อ พ. 25 มิ.ย. 2551 @ 07:46
ถ้าไม่ฮา จี้เอวตัวเองด้วย นะครับ

สวัสดีครับ

        ติดตามชื่นชมผลงานท่าน(ห่าง ๆ ) มานานมาก และนำแนวคิดเรื่องภูมิปัญญามาขยายผลต่อหลายเรื่อง วันนี้ชอบใจแกงถั่วงอกมาก เพราะผมก็มีปัญหาเรื่องนี้ในการบรรยาย/สนทนา เพราะคุยไปซักพัก อ้าวคนละเรื่องเดียวกัน ต้องตรวจสอบพื้นฐานก่อนจริง ๆ

 

  • แกงอันนี้ยังไม่เคยกิน
  • ฮาๆๆๆ
  • ชอบกินข้าวมากกว่าก๋วยเตี๋ยว
  • แต่ว่าร้านที่พยัคฯ
  • ที่พ่อพาไปกินร้านที่คนแก่ไม่ใส่เสื้อ
  • อร่อยมากๆๆ มีโอกาสต้องไปใหม่
  • พ่อสบายดีนะครับ

กราบพ่อครูค่ะ

เบิร์ดเข้ามาอมยิ้มและยกมือเห็นด้วยว่า..การประเดิมทุกเรื่อง ต้องศึกษาพื้นฐาน เจ้าเป็นไผ?

เพราะเบิร์ดมองว่า ความรู้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในตัวเรา เป็นกระบวนการบางอย่าง ที่ทำให้เราเรียนรู้และเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา โดยความรู้นั้นจะติดอยู่กับตัวเรา และมีความยืดหยุ่นที่จะนำไปใช้กับโจทย์ที่แปรเปลี่ยนไป

หรืออาจกล่าวได้อีกอย่างว่า ความรู้แบบนี้เป็นความรู้ที่อยู่ในเนื้อในตัวของเรา ที่เราสามารถเข้าไปกระทำอะไรกับเค้าก็ได้ จะปรับเปลี่ยนแปรรูปอย่างไรเพื่อประโยชน์ใช้สอยของเราได้ดังใจปรารถนา..ดังนั้นการเริ่มที่ตัวเองอย่างชัดเจนจึงเป็นการทะลวงที่ถูกจุดที่สุดค่ะ

คุณอภิชาติ ไสวดี ที่เขียนเรื่องเล่าของปกาเกอะญอ ( เห็นคุณขจิตเลยนึกถึงคุณอภิชาติค่ะพ่อ ^ ^ ) เคยกล่าวไว้ว่า ตามคติของ ปกาเกอะญอ แล้วถ้อยคำ คำหนึ่ง จะมีความหมายอยู่ ๗ ความหมาย เรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง จะมีที่ใช้อยู่ ๗ ประการจากประโยคนี้แสดงให้เห็นว่าความรู้มิได้มีเพียงมิติเดียวแบนๆนะคะพ่อ.. หากมีหลากหลายมิติ มีความลุ่มลึกและกว้างไกล

ระบบการเรียนรู้ของมนุษย์นั้นเป็น Self-Referencing ค่ะคือความรู้จะเกิดขึ้นได้จะต้องอาศัยฐานความรู้เดิมของตนเอง ฐานความรู้เดิมของตนเองหมายถึง ..ฐานของปัจเจกบุคคลคือตัวเอง และฐานของสังคมวัฒนธรรมที่เค้าอยู่ ด้วยเหตุนี้บริบทและสิ่งแวดล้อมทางระบบนิเวศ วัฒนธรรม วิถีชีวิตจึงเข้ามามีบทบาทที่สำคัญ และเป็นฐานอ้างอิง เพื่อจะก่อเกิดความรู้ใหม่ ๆได้ค่ะ ..บันทึกนี้ของพ่อลุ่มลึกเหลือเกินค่ะและอมยิ้มปนหัวเราะเมื่อนึกถึงบรรยากาศในการถ่ายทอด ^ ^

ช่วงที่ผ่านมาทีมอาหารปลอดภัยของรพ.ชร.ที่มีเบิร์ดเป็นส่วนประกอบโดนถอดบทเรียนจากกระทรวงอย่างหนักหน่วงเพื่อนำไปทำโมเดลให้รพ.อื่นๆเดินตามทั่วประเทศ ทำให้เบิร์ดเห็นข้อจำกัดบางประการค่ะพ่อ..

จากธรรมเนียมปฏิบัติที่ทำตามๆกันมาคือ เมื่อองค์กรหนึ่งทำงานประสบความสำเร็จ ผู้คนก็ตื่นเต้น ส่งนักวิชาการเข้าไปถอดบทเรียนออกมาเป็นหนังสือเล่มหนาๆ โดยคิดว่าเมื่อนำส่งไปให้องค์กรอื่นๆ ศึกษา ก็อาจจะพบความสำเร็จได้แบบเดียวกัน แต่สิ่งที่พวกเค้าได้ไป ก็เป็นเพียง explicit knowledge หรือความรู้ประเภทระบุเป็นถ้อยคำได้เท่านั้นค่ะพ่อ แต่ที่ระบุเป็นถ้อยคำไม่ได้ซึ่งเป็น Tacit knowledge ที่เป็นเรื่องราวที่สำคัญกว่า  เค้าไม่สามารถถ่ายทอดเอาไปได้เลยค่ะ..

จากข้อจำกัดที่เบิร์ดพบเจอมาเต็มๆทำให้คิดได้ว่าบางทีเราอาจจะต้องมีประสบการณ์ตรงกับอะไรบางอย่างที่เป็นคุณค่าหลักๆ (core values) ขององค์กรนั้นๆ ก่อน แล้วการอ่านและการถอดบทเรียนจึงจะมีความหมายเต็มๆ พอที่จะเอาไปสร้างขึ้นในองค์กรใหม่ๆ อื่นๆได้ค่ะ

เมื่อเห็นปัญหาในการจัดการความรู้แบบที่เจอมา..เบิร์ดเลยนึกถึง Model Imperative ของโจเซฟ ชิลตัน เพียซ นักคิดนักเขียนที่ดึงเอางานวิจัยสำคัญๆ ทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ มาเขียนหนังสือสำคัญๆหลายเล่ม

เพียซเห็นว่า Bonding คือการเชื่อมโยงระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้จากต้นแบบ หรือ Model imperative ค่ะพ่อ

เมื่อผู้น้อยแสวงหา แบบในผู้ใหญ่ เมื่อทั้งสองยินยอมพร้อมใจก็จะเกิด Bonding ระหว่างกัน ..ซึ่ง Bonding เป็นความรักแบบแม่ มากกว่าความรักแบบพ่อที่แข็งกร้าวหรือเป็นพลังหยาง แต่แม่เป็นพลังหยินเป็นพื้นที่ปลอดภัย ไม่มีถูก-ผิด เป็นพื้นที่แห่งกำลังใจและแรงบันดาลใจ

เพราะฉะนั้น ความสัมพันธ์ใน Bonding จึงต่างจากความสัมพันธ์ในระบบบังคับบัญชาหรือระบบการเรียนรู้ในสถานศึกษาหรือความรู้แบบเก่าโดยสิ้นเชิงเลยค่ะ ในขณะที่แบบเก่าจะควบคุมบังคับ กะเกณฑ์ คาดหวัง..แต่ต้นแบบใน Bonding ของเพียซจะหล่อเลี้ยง ดูแล แรงบันดาลใจการเรียนรู้ และการเติบโตด้านจิตวิญญาณของผู้น้อย..Model Imperative ของโจเซฟ ชิลตัน เพียซ ช่างสอดคล้องกับการเรียนรู้แบบเฮฮาศาสตร์เลยนะคะพ่อ

มาซะยาวเพราะกะจะดึงสิ่งที่เบิร์ดพบเห็นออกมาให้เด่นชัดขึ้นน่ะค่ะ..แต่ก็เป็นการดึงแบบเบิร์ดๆนะคะ ^ ^ 

กราบและกอดพ่อค่ะ พ่อสบายดีนะคะ

ผมหละชอบใจเรื่องเล่าเรื่องนี้จริงๆ ทั้งขำทั้งได้ประเด็น และลึกซึ้งซะไม่เมี๊ยะ

แบบนี้เรียก โจ๊กศาสตร์ หรือเปล่า  แต่ช่างเถอะเรียกอะไรก็ได้ มันก็ให้เราได้คิดอะไรมากมาย

 

ดูซิแค่โจ๊กนิดเดียวเจ้าเบิร์ดก็ร่ายยาวซะต้องเอารถสิบล้อมาใส่ความรู้แน่ะ  ดี ดี ครับ

ผมเองก็พบแบบนี้มาเหมือนกัน แต่นึกไม่ออกว่าเรื่องอะไร  มันทำให้เราต้องละเมียดละไมการสร้างคนมากขึ้น และมองย้อนขึ้นไปถึงผู้คนที่ส้รางคนทั้งหลายทั้งในระบบนอกระบบว่า เขาเคยรับเรื่องราวเหล่านี้มาบ้างหรือไม่หนอ  หากได้รับ เขาหยิบเอามาสอดสร้างกระบวนการเรียนอย่างไรบ้าง

โอยคิดได้มากมาย

นักวิชาการหากหลุดจากฐานชาวบ้านแล้วอย่าคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นจะไปสร้างชาวบ้านได้ มันก็แค่หลักการทั่วไปเท่านั้นเอง

แต่ก็เห็นใจนักวิชาการที่เขาไม่สามารถจะลงไปคลุกพื้นที่ได้มากเท่าเรา  ดังนั้น ผู้ฟัง ผู้เรียนรู้ ก็ต้องอาจจะสำเหนียกเรื่องเหล่านี้ และเวลานำความรู้ไปใช้ก็ต้องปรุงแต่งหน้าตาเสียใหม่อย่างสอดคล้องกับไผคนนั้นน่ะครับ

ขอบคุณคุณยายคุณป้าที่เอาสุดยอดประเด็นมาเล่าให้ลูกหลานฟัง ขอบคุณท่านครูบาที่เห็นทอง  และเอามาเผื่อแผ่ลูกหลาน ให้ได้เสวนากันต่อไปครับ...

อ่านแล้วถูกใจๆๆๆๆ

เจอคำว่า Bonding   ไม่ได้ยินหรืออ่านจากนายเพียซ  แต่ได้ยินจากนายดิน  เด็ก Home School    แล้วสนใจการแพทย์แผนธิเบต  ที่เชียงราย  เชิญอ่านที่นี่ครับ

มีธุระ  วันหลังมาคุยด้วยใหม่ครับ  อิอิ

 

 

กราบสวัสดีครัีบท่านครูฯ

    สบายดีนะครับ เข้ามาอ่านเรื่องนี้ไม่รู้ว่าจะขำหรือจะไม่ขำดีครับ เพราะผมโยงเรื่องนี้ไปยัง

เรื่อง  สุกรของผู้ใหญ่ลีครัีบ

เวลา พูดถึงผู้ใหญ่ลีทีไรทำให้ผมเห็นข้อบกพร่องของนักวิชาการทุกๆ ครั้งครับ นักวิชาการที่ลงไปยังชุมชนนะครัีบ ปกตินักวิชาการจะคลุกอยู่กับศัพท์อะไรทีู่สูงส่งครับ ตามที่นักวิชาการอาจจะคิดว่าหรู หรือธรรมดาก็แล้วแต่นะครัีบ

ผมไม่รู้ว่าตั้งแต่ 2504 ตอนนี้ผู้ใหญ่ลียังมีชีวิตอยู่ไหมนะครับ แต่หากท่านลาไปแล้ว ผมอยากจะบอกกับวิญญาณของท่านว่า

ผู้ ใหญ่ลีครัีบ ผมเข้าใจผู้ใหญ่นะ ไม่ได้จะมาขำขันผู้ใหญ่ หรือจะบอกว่า ผู้ใหญ่ช่างโง่จริงๆ แค่สุกรก็ไม่่รู้จัก ดันไปเข้าใจเอาว่าเป็นหมาน้อย แต่ ผมจะบอกว่านี่คือความผิดพลาดของนักวิชาการและตัวผมอย่างใหญ่หลวงที่นำเอา ความรู้หรือความไม่รู้ไปยัดเยียดให้ชาวบ้านโดยไม่ดูตาม้าตาตุ่มนะครัีบ

ผม เชื่อว่าผู้ใหญ่ลีรู้จัก หมูเป็นอย่างดี และรู้จักหมาน้อยเป็นอย่างดี แต่คำว่า สุกรที่ไม่ค่อยคุ้นชินมันไปสับสนกับคำว่าสุนัข ซึ่งมันก็สุๆ เหมือนกัน สับสนเอาได้ ใครไม่เข้าใจตรงๆ ตอนแรกๆ ใครเพิ่งรู้จัก KM, MK ก็ทำเอาสับสนได้เช่นกัน ต่อให้ีได้เรียนสูงๆ ก็เถอะ

ผมอยากจะบอกว่า ทุกวันนี้ นักวิชาการสร้างคำมากมาย ที่พยายามจะชวนให้ชาวบ้านรับรู้นะครับ อย่างในชุมชนนี้ ตอนนี้ก็มีคำมากมายเลยครัีบ เช่น KM, Blogger, Weblog, Blog, LO, BAR, DAR, AAR, LP, และคำอะไรๆ อีกเพียบเลยครัีบ ตอนแรกผมเข้ามามึนมากๆ เลยครับผู้ใหญ่ลี แล้วผมก็รู้สึกต่อต้านเสียด้วยครัีบ ผมคิดว่าทำไมเราถึงมาเน้นคำเหล่านี้กันมากนัก

แล้วหากความรู้เหล่านี้จะนำไปใช้ชาวบ้าน เราจะเอาไปพูดกับชาวบ้านด้วยภาษาสุกร ซ้ำรอยเดิมหรือเปล่าก็ไม่รู้ครับ

ผม จึงเอาเรื่องนี้เก็บไว้สอนใจตัวเอง แต่วันนี้มาเจอเรื่องราวของลุงลี คงเป็นหลานของผู้ใหญ่นะครัีบ เป็นเรื่องก๋วยเตี๋ยว กับ แกงถั่วงอก ทำให้ผมนึกถึงผู้ใหญ่ขึ้นมาเลยครัีบ

อ่านของพี่บางทรายแล้วโดนใจครัีบ...ผู้ฟัง ผู้เรียนรู้ ก็ต้องอาจจะสำเหนียกเรื่องเหล่านี้ และเวลานำความรู้ไปใช้ก็ต้องปรุงแต่งหน้าตาเสียใหม่อย่างสอดคล้องกับไผคนนั้น โดยเฉพาะนักวิชาการ....

นักวิชาการไทยไม่ต้องไปเหยียบดวงจันทร์ ดาวอังคาร หรือค้นพบดาวดวงใหม่หรอกครับ กลับลงมายืนให้ติดดิน จูบดินดมกลิ่นดินน้ำลมไฟ กันดีกว่าไหม ของแท้อยู่ตรงนี้ อันนี้ผมกำลังด่าตัวผมเองอยู่นะครับ เพราะผมว่า หากไม่กล้าที่จะด่าตัวเอง อย่าได้คิดจะไปพัฒนาใครเลย ครับ

จริงๆ ว่าจะเขียนไว้เป็นบันทึกใหม่ถึง ผู้ใหญ่ลีที่รัก แต่เห็นบันทึกนี้เลยขออนุญาตโยงไว้ที่นี่นะครัีบ

เรื่องนี้โยงไปถึงสภาฯ ที่กำลังซัดกันอยู่ได้เช่นกันนะครับ ในการที่จะทำให้เข้าใจร่วมกันในทุกๆ กลุ่มคนครัีบ

กราบขอบพระคุณมากๆ นะครับ

ฮ่าๆๆๆๆ  ครูฯครับ

อย่าว่าแต่ผู้ใหญ่ลีเลยครับ    ผู้ใหญ่เหลียงบางคำยังไม่รู้เลย

เจตนาการใช้ศัพย์สูง ของนอกหนะ ไม่ว่ากันครับ แต่แปลสักหน่อยว่าย่อมาจากอะไร  มาจากไหน  จะได้มีอารมณ์ร่วมนะครับ

อันนี้อย่าติกันนะครับ   ผู้ใหญ่เหลียงอ่อนการศึกษาครับ........อิอิ

ทึ่งการเชื่อมโยงความรู้ของหลายๆท่านค่ะ

แต่ตัวข้าเจ้าคิดอย่างเดียว ตรงนี้ค่ะ

ครูคอมสามแยกบ้านเนียง ยะลา

อ้าย     ถั่วงอก  นี่  

            ยะลา ปักษ์ใต้ เรียก    หน่อถั่ว  นะท่านอาจารย์

 

                   อิอิ   แกง หน่อถั่ว  นิ    หร่อย จังฮู้

ผมปลูกหน่อถั่วเป็นโรงงานเลยครับ ใหญ่มาก อยู่แถว ๆ อ่อนนุช ที่กรุงเทพฯ

สนใจติดต่อครับที่ 081-45678-84

PON

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท