ที่มา:ประกายปัญญา โครงการระพีเสวนาเกิดจากแรงบันดาลใจในปฏิปทาของศาสตราจารย์ระพี สาคริก ที่ได้ทุ่มเทแรงจิตแรงใจให้กับกระบวนการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงวิถีชีวิตการเกษตรเข้ากับหลักพุทธธรรม อันนำไปสู่การเข้าถึงคุณค่าของการขัดเกลาจิตใจตนเอง ..โดยหัวใจสำคัญที่ท่านเน้นอยู่ที่การเรียนรู้เพื่อการเอาชนะใจตนเองให้หลุดพ้นจากความถือตนและยึดติดวัตถุ ซึ่งท้ายที่สุดคือจิตใจที่มีความเป็นไท..
ศ.ประเวศ วะสี บอกว่า ..การเรียนที่ติดกรอบระบบการศึกษาในปัจจุบันที่มุ่งเรียนวิชาเพื่อใช้เป็นบันไดไปสู่ความสำเร็จทางวัตถุของงชีวิต นำมาซึ่งความทุกข์ของผู้เรียนและสังคม ..หากการเรียนเอาวิชาเป็นตัวตั้งจะก่อเกิดความทุกข์ แต่หากนำชีวิตเป็นตัวตั้งการศึกษาจะกลายเป็นการเรียนรู้ที่ลึกซึ้งและมีความสุข แนวคิดนี้ได้รับการตอบรับจากการศึกษาทางเลือก.. เพื่อเป็นการบูชาแด่ศาสตราจารย์ระพี สาคริก ปูชะนียาจารย์ท่านสำคัญของวงการศึกษาไทย ..โครงการระพีเสวนาจึงจัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีผสมผสานภาคีเครือข่ายที่เกิดขึ้นของกลุ่ม องค์กร และสถาบัน ต่างๆ ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน// ในวันที่15 ธันวาคม ณ หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยมหาชีวาลัยอีสานเป็นพันธมิตรกับชาวรุ่งอรุณมานาน ชื่นชมในการเป็นผู้นำวิธีคิด วิธีเรียน และวิธีปฏิบัติ ในแบบแผนเชิงเอกลักษณ์สไตล์รุ่งอรุณ ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมก็เห็นได้ชัดว่ามีอะไรให้อึ้งกิมกี่อยู่เสมอ เก็บมาเล่าให้เครือข่ายที่รู้จักฟัง รุ่งอรุณเขายังงั้น เขายังงี้ แค่เล่าถึงก็ปิติได้ มาบัดนี้ได้รับจดหมายน้อยให้ไปร่วมงานวันระพีเสวนา รู้สึกยินดีเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ เข้ากับสภาพน้ำหลากที่ท่วมท้นบุรีรัมย์ในขณะนี้
ผมรีบกระจายข่าวไปถึงชาวปูนซีเมนต์ กลุ่มผลิตภัณฑ์กระดาษ ซึ่งมีการบ้านที่จะทำร่วมกันไปเป็นภาคีร่วมแสดงฝีมือในครั้งนี้ด้วย เราจะหารือวิธีสะท้อนเรื่องราวผ่านการจัดบอร์ดในวันงานดังกล่าว ที่บ่งบอกถึงตัวตนในสไตล์มหาชีวาลัยอีสาน เรายังปูดข่าวไปถึงเครือข่ายลานปัญญา ที่เกาะกลุ่มกลมเกลียวกันในนามคนแซ่เฮ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าชาวเฮฮาศาสตร์ให้มาร่วมงานนี้ ผมเคยพาสมาชิกบางส่วนไปเยี่ยมโรงเรียนรุ่งอรุณในวันปาฐกถาเมื่อปีที่แล้ว ในวันระพีเสวนาเราจะชวนเพื่อนกลุ่มดังกล่าวมาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วย อนึ่ง ถ้านักศึกษาหลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุขว่าง จะเสนอให้มาร่วมงานดังกล่าวด้วย
ที่มา แนวคิด แนวปฏิบัติ มหาชีวาลัยอีสานเป็นกลุ่มงานชาวบ้านที่ปักหลักแก้ไขปัญหาอย่างหัวเห็ด ริเริ่มจากสิ่งที่รุมล้อมตัวตนตามเหตุและปัจจัยในขณะนั้น..
ย้อนรอยมองไปข้างหลัง เห็นว่ากระแสโลกาภิวัฒน์นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่สังคมชนบทอย่างกระแทกกระทั้น ประชากรส่วนใหญ่ไม่ได้รับการศึกษาให้รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง จึงติดโรคบริโภคนิยมกันทั่วหน้า เกิดอาการสำลักความเจริญ มีความเสื่อมตามมาทุกรูปแบบ ทุกคนสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ แต่ไม่ทราบว่าจะแก้ไขกันอย่างไร ที่ซ้ำร้ายความรู้ไม่พอที่จะอยู่ในท้องถิ่น กลายเป็นยิปซีเร่ร่อนไปเป็นมนุษย์โรงงาน เปลี่ยนสถานะจากเกษตรกรไปเป็นกรรมกร ทิ้งชุดความรู้เดิม ไปแสวงหาทักษะชีวิตใหม่เหมือนไฟล้นก้น มีผลให้สังคมเกิดอาการจับต้นชนปลายไม่ถูก วิธีคิด จิตใจสับสนอลหม่าน ตอบไม่ได้ว่าจะวางอนาคตตนเองไว้ที่ไหน ตัวเองรู้อะไร ถนัดอะไร มีทักษะอะไร ถามเมื่อไหร่ก็ใบ้กินแบะๆ
ประเด็นนี้: มหาชีวาลัยจึงสนใจเรื่องกำหนดใจตนเอง ถามตัวเองว่าเจ้าเป็นไผ เกิดมาทำไม มีหน้าที่อะไรบ้างหรือยัง? มหาชีวาลัยอีสาน เห็นความเปลี่ยนแปลงทางสังคมท้องถิ่นอย่างสับสนอลหม่าน ชาวบ้านถูกล้างสมองผ่านโครงการอบรม ผ่านสื่อ ผ่านการดำเนินชีวิตแบบมนุษย์พันธุ์ใหม่ อยากรวยมากๆ ง่ายๆ เร็วๆ แต่ไม่สนใจการใฝ่เรียนใฝ่รู้ ไม่ยอมสู้สิ่งยาก ผลลัพธ์ไปออกที่วิถีชุมชนที่นับวันจะยุ่งเหยิง ประเด็นนี้: มหาชีวาลัยฯ จึงสร้างโลกตนเอง เพื่อตอบคำถาม..ถ้าจะอยู่ได้อยู่รอดจะต้องรู้อะไร ทำอะไร เราทำการบ้านแบบลองถูกลองผิด คลานบ้าง เดินบ้าง วิ่งบ้าง หกล้มคลุกคลานกับการเรียนรู้แบบอิงระบบนี้ เสียเวลา เสียรู้ เสียโอกาสไปบ้าง แต่เราไม่เคยเสียสถานะของผู้เรียน มองเห็นความไม่รู้ของตนเองชัดเจนขึ้น ว่าแท้ที่จริงแล้วความรู้ที่เรามีน้อยนิดนี้ ยังไม่เพียงพอที่จะดูแลตัวเองและสังคมให้อยู่รอดได้ ประเด็นนี้: ได้คำตอบว่าไม่มีอะไรสูญเปล่า ผิดก็ได้เรียน ถูกก็ได้เรียน
สื่อต่างๆ ความเจริญ ความรวดเร็ว แทนที่จะมาช่วยเสริมสร้างสังคมให้ปกติสุข ผลลัพธ์ออกมาตรงกันข้าม สังคมแตกแยก น้ำจิตน้ำใจหายาก คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น ต่างคนต่างคิดที่จะเอาตัวรอดรวมทั้งการศึกษา แทนที่จะช่วยกันดูแลฟื้นฟูโรงเรียนใกล้บ้าน กลับพาลูกหนีไปเข้าโรงเรียนดีๆในเมือง ลอยเพสถานศึกษาในท้องถิ่น หลักสูตรที่สอนก็ไม่ได้เอื้ออวยต่อความเป็นจริงในท้องถิ่น เรียนวิชาต่างๆมากมายแต่ได้ความรู้น้อย โดยเฉพาะความคิดอาการน่าเป็นห่วง เด็กเบื่อเนื้อหาหลักสูตร เบื่อครู เบื่อโรงเรียน เราจะทำอย่างไร?
ประเด็นนี้: ใหญ่และยากมาก เราพยายามทดลองหลายรูปแบบ ตั้งแต่ระดับประถม-มัธยม-อุดมศึกษา แต่ก็ล้มไม่เป็นท่า ข้อนี้ยอมรับว่าตัวเองกึ๋นไม่พอมีปัญญาจำกัด ต้องกินน้ำใบบัวบกอีกหลายหม้อ เพราะการศึกษาในระบบนั้นแข็งกระด้างปรับยากแก้ยาก เลยต้องแว๊บมาหาการศึกษาทางเลือก การศึกษาแบบอิงระบบ หรือที่เรียกว่าตามอัธยาศัย เรียนอะไรๆก็ดีทั้งนั้น การตั้งจิตตั้งใจที่จะเรียนอย่างเอาจริง เอาความรู้ ไม่เอาเฉพาะกระดาษมาหลอกตัวเอง น่าเป็นห่วงถ้าเกิดการเรียนแบบผีหลอก!! เรารวบรวมเอาสิ่งที่เป็นประสบการณ์ตรง มาเป็นเนื้อหาในการอบรมชาวบ้าน จัดค่ายเรียนรู้ จัดสัมมนาให้กลุ่มผู้สนใจ พยายามพัฒนากระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้มีศักยภาพมากขึ้น แต่เราก็ยังขาดความพร้อมด้านปัจจัยพื้นฐาน เช่น ที่พัก โรงอาหาร ลานกีฬา ห้องน้ำ การจัดค่ายเรียนรู้จึงขาดๆเกินๆ เราไม่รู้จะร้องเพลงอะไร มีกติกาทางบังคับไว้ คนที่ทำงานด้านนี้ต้องไม่แสวงหาผลกำไร เราจึงตกอยู่ในสภาพนี้ ไม่เจริญเท่าที่ควร สาหัสกับการพัฒนาสังคมอย่างเหนื่อยยาก ถ้าไม่มีทุนเดิมไว้ให้บ้าง คงบอกเลิกศาลาไปกับการแบกภาระเพื่อพัฒนาแบบลากไม้ทางปลาย ถือว่าเป็นหน้าที่มนุษย์ก็ใช่ ได้บุญได้กุศลก็เข้าใจได้ แต่มีเรื่องที่ต้องตีบทให้แตกอีกมากนัก เพราะเราไม่ได้อยู่ในจุดเดียวกับพระสงฆ์ที่ไม่มีภาระทางโลก ประเด็นนี้: พยายามอธิบายเรื่องพอเพียง พอดี พอใช้พอเหมาะ แต่บางกลุ่มที่ติดนิสัยสุดเริดก็เหมือนเป่าปี่ให้ควายฟัง เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ยากตรงที่ไม่พอเพียงความรู้นี่แหละเป็นประเด็นสำคัญ
ดอกผล บทเรียน ดอกผลที่เกิดจากการทำงานที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ จุดนี้เข้าใจง่าย เห็นผลง่าย ไม่ซับซ้อน เพราะปลูกมะม่วง มันก็ออกผลมาเป็นมะม่วง ไม่มีต้นอะไรออกมาเป็นมาม่า ซื้อแป๊บซี่โคล่า แต่ดอกผลที่เกิดกับตัวคนละเอียดอ่อน ซับซ้อน บางที่เรานึกว่าดีแล้วยังย้อนมาบิดตะกูดอีก มีอกุศลแฝงอยู่ทั่วไป ความหวังดี ความเจตนาดีบางทีก็แปรผลออกมาเป็นอะไรก็ไม่รู้ มีเรื่องเสมือนจริงให้เราคิดจนสมองแฉะ บทเรียนที่มีประสิทธิภาพควรเป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติ โดยศึกษาจากตำราเป็นทุนเบื้องต้นไว้พอสมควร ลงมือเรียนไปปรับแก้ไป อย่ารีบร้อนฟันธง บังเอิญว่านิสัยพี่ไทยใจร้อน ชอบรับรู้มากกว่าการเรียนรู้ มีอินเตอร์เน็ทให้ค้นคว้าก็ไม่ใช้เป็นเครื่องมือให้การแสวหาความรู้ จ้องแต่จะก็อปปี้ความรู้ของคนชาติอื่นจนไม่เหลือรากเหง้าของเราเอง ประเด็นนี้: ทำให้ต้นทุนความรู้ที่เป็นฐานหลักของเราเสียหาย เพราะพี่ไทยไปหลงปลื้มความรู้ของชนชาติอื่นจนลืมกำพืดของตนเอง ทอดทิ้งภูมิปัญญาของเราเอง สุดท้ายทำให้คนไทยไม่มีชุดความรู้ของเชื้อชาติไทยไปแลกกับชุดความรู้ของชนชาติอื่น เกิดสภาวะบ้องตื้นทั่วไปในทุกระดับชั้น ต้องไปซื้อความรู้ความคิดของชนชาติอื่น แม้แต่งานวิจัยบางแห่งก็บ้าทฤษฏี สอนกันไปโท่งๆเสียเงิน เสียเวลา แต่หาประโยชน์อะไรมิได้ แล้วมาตอแยกันว่าวิจัยขึ้นหิ้ง ถ้ายังกังขาก็น่าจะทำการวิจัยเรื่องหิ้งก็ดีนะขอรับ
ปัญหาอุปสรรคจากการทดลองปฏิบัติการจัดกระบวนการเรียนรู้ การจัดการทดลองการเรียนรู้ให้กับคนพันธุ์ใหม่ สังคมพันธุ์ใหม่ นโยบายใหม่ ภายใต้โครงสร้างมักง่ายต่อการเรียนรู้ นำไปสู่มาตรฐานอีแอบ คุณภาพการศึกษาและพัฒนาของสังคมไทยนับวันจะยุ่งยากและยุ่งเหยิงในตัวเอง ตอบไม่ได้ไอไม่ดังว่าจะสะสางปัญหานี้อย่างไร
ประเด็นนี้: มหาชีวาลัยอีสานอธิบายว่า เราคงจะต้องทำตัวเหมือนรถยนต์ ที่มีไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟท้าย มีเกียร์เดินหน้า เกียร์ถอยหลัง มีกำลังส่งเป็นแรงม้า มีอะไรต่อมิอะไรแต่สุดท้ายก็ต้องมีใบขับขี่ มีกฎจราจร ต้องหยุดตามจังหวะไฟเขียวไฟแดง สรุปว่าทุกอย่างไม่มีสุดโต่ง ควรต้องบูรณาการความรับผิดชอบเหมือนกลไกของรถยนต์ทั้งคัน
1. เราอาศัยเครือข่ายจัดการเรียนรู้ของ gotoknow.org และ http://lanpanya.com/sutthinun/ เป็นเครื่องมือในการแสวงหาและ เชื่อมโยงความรู้ 2. ให้ความสำคัญความรู้ในตัวคน ในธรรมชาติ ในตำรา ในสื่อ IT. 3. สร้างเครือข่ายเฮฮาศาสตร์ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางวิชาการ เป็นตัว ช่วยที่ดีและเหมาะสมกับการเอื้ออาทรความรู้ น่าจะช่วยกันอธิบายบริบท “การหลอมรวมการเรียนรู้เพื่อความเป็นไท”
ประเด็นที่จะนำเสนอในการจัดบอร์ดและจัดสื่อขยายความคิดเห็น
ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ อิเมล์:adm...@arsomsilp.ac.th |
ชวนพวกเราไป แล้วไม่บอกว่าจะจัดที่ไหน เมื่อไหร่ แล้วจะไปกันยังไงละเนี่ย...ฮ่าๆๆ ตรงช่วงเรียนพอดีไหมครับ อิอิ
พ่อขาๆ
ไว้ครูแอนจะต้องปลุกจิตสำนึกให้เด็กๆ เรียกหาคำว่า "ทำไม" บ่อยๆ หน่อยแล้วล่ะค่ะพ่อ
คิดถึงพ่อนะคะ
15 ธันวาคม 2551
ณ หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
ขอรายละเอียดตาม อีเมล์ ข้างบนครับ
ทำไม ทำไม ครูตัวเล็กแต่หัวใจเกร่งแห่งเมืองชายแดนใต้
ยืนหยัดสอนลูกศิษย์อย่างทุ่มเท ลำบากกว่าครูภาคอื่น
เอาใจช่วยนะแอน
สวัสดีค่ะพี่ชายใหญ่
รักษาสุขภาพด้วยค่ะ คิดถึง พี่หวี น้องออย และทุกคน เจ้าเหมย ต้นไม้ ใบหญ้า กลิ่นดิน ต้นลั่นทม ป้ายบอกทางเข้าบ้าน..... และ .....
นานทักที มาเป็นชุดเลย
เมื่อไหร่หนอจะเรียนจบเป็น ดร.อ้อย เสียที
ขาใหญ่หัวลำโพงสบายดีนะครับ
ต้นปีหน้าคุยกันว่าจะนั่งรถไฟไปเฮฮาที่เชียงแสน
ฝ่ายเลขาชวนมาแล้วนะครับ
กราบสวัสดีพ่อครูครับ
ดีใจที่เห็นคณาจารย์คณะศึกษาศาสตร์
ลงไปดูแลการศึกษาถึงที่ถึงแก่น
จะทำให้ลูกศิษย์แน่นแฟ้นการบริบทการศึกษายิ่งขึ้น
สบายดีนะครับ
คิดถึงอาจารย์เพราะเย็นนี้ เราจะยำยอดฟักทองอีก
สบายดีนะครับ ยังประทับใจที่ได้เจอกัน
ด้วยความระลึกถึงครับ
ถ้าว่าง วันที่15 ธันวาคม 51 มาร่วมงานที่ศูนย์วัฒนธรรมดีไหมครับ