ระบบสุขภาวะ มองโลก ตอนที่ ๑ , ตอนที่ ๒
ช่วงบ่ายของวันที่ ๒ ของการประชุม (๒๙ ต.ค. ๕๑) เป็นการประชุมกลุ่นย่อย เพื่อเสนอกลไกเชิงสถาบัน เพื่อทำหน้าที่เชื่อมระหว่าง Demand-side กับ Supply-side ในการสร้าง “ผู้เชี่ยวชาญเชิงระบบ” ของระบบสุขภาวะ กลไกเชิงสถาบันแบบนี้ เขามองว่า ทำหน้าที่ Knowledge Brokerage (KB) ซึ่งในมุมมองของผม เรียกว่าเป็น Learning Facilitator หมอสุวิทย์ ผู้ทรงอิทธิพลทางความคิด งัดเอาโมเดล สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา มาใช้ และบอกว่าสถาบัน KB ทำหน้าที่เชื่อมโยง ๓ ส่วนหรือ ๓ มุม ของสามเหลี่ยม ฝรั่งชอบมาก ผมกลับมา AAR กับตัวเองที่ห้องพัก ว่า ประเทศไทยน่าจะรับทำหน้าที่จัดสถาบัน KB ด้านการพัฒนาระบบสุขภาวะในระดับประเทศและระดับภูมิภาคได้ โดยผมสามารถเอาประสบการณ์การทำงาน ADRF เป็นเวลา ๕ ปี มาให้คำแนะนำได้ โดยเราอาจตั้งชื่อว่า East Asia Health Systems Learning Facilitator Institute ใช้ KM เป็นเครื่องมือในการทำงาน สถาบันนี้อาจตั้งที่สถาบันสาธารณสุขอาเซียน หรือที่สถาบันวิจัยประชากรและสังคม หรือที่ สวรส. หรือ IHPP อาจมีคนทำงานเพียง ๒ คน คือ ผอ. ที่ทำงานครึ่งเวลา กับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเต็มเวลา กับมี Steering Panel สัก ๓ – ๔ คน โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก RF ช่วงแรก เป็นเวลา ๑๐ ปี โดยมีการประเมินเป็นระยะๆ และหยุดโครงการได้เสมอ ช่วงเย็น เป็นการประชุม ลปรร. กับกลุ่มที่มาประชุมเรื่อง Global Survey on Health Systems จัดโดย WHO ผู้จัดชื่อ Clara เขาบอกว่า World Health Report 2000 จัดกลุ่มประเทศตามความเข้มแข็งของ Health Systems ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเกณฑ์ในการบอกความเข้มแข็งของระบบ เขาจึงตั้งกลุ่มทำงานเรื่องนี้ต่อ ในกลุ่มนี้มีหมอภูษิตจากประเทศไทยมาร่วมด้วย ผมมองว่าความรู้จากกลุ่มนี้น่าจะเพียงพอที่จะนำมาสร้าง “เครื่องมือวินิจฉัยความเข้มแข็งของระบบสุขภาพ” ได้ ในภาษา KM นี่คือแนวทางในการทำตารางแห่งอิสรภาพ สำหรับให้แต่ละประเทศ หรือแต่ละแคว้นของประเทศ นำมากำหนดตารางแห่งอิสรภาพสำหรับใช้ประเมินความเข้มแข็งของระบบสุขภาพของตนเอง เราก็จะใช้เจ้าตารางแห่งอิสรภาพนี่แหละเป็นเครื่องมือของการเรียนรู้เชิงระบบ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบสุขภาพของแคว้นของตนเอง หรือของประเทศของตนเอง วิจารณ์ พานิช ๓๑ ต.ค. ๕๑ ห้อง CA 4 ศูนย์ประชุม มูลนิธิ ร็อกกี้เฟลเล่อร์ เบลลาจิโอ
ไม่มีความเห็น