เมื่อวันที่ ๓๐ ต.ค. ๕๒ คุณดวงสมร บุญผดุง (แม่ต้อย) รอง ผอ. สรพ. เล่าให้ผมฟังเรื่องการใช้ KM ในการทำงานของท่าน ผมจึงได้แนวคิดมาเขียนบันทึกนี้
ผมตีความว่า แม่ต้อยใช้ KM ซ้อน KM หรือเป็นการใช้ KM สองซ้อน คือต้องการใช้เครื่องมือ KM ถอดความรู้เกี่ยวกับกระบวนการคุณภาพ ทั้งที่เป็นความรู้ (ปฏิบัติ) ใน สรพ. และที่เป็นความรู้ (ปฏิบัติ) ในสถานบริการสุขภาพ
ซ้อนที่สองคือ แม่ต้อยใช้ความรู้ของผู้รู้ภายนอก มาดำเนินการ ได้แก่ความรู้ของคุณนายด็อกเตอร์ และของคุณเอก ที่เป็นความรู้ด้านการจัดกระบวนการ KM เพื่อดึงเอา tacit knowledge ด้านการจัดการ/ประเมิน คุณภาพ ออกมาเป็น explicit knowledge
แม่ต้อยเล่าว่า ได้รู้จักคุณนายด็อกเตอร์ และคุณเอก ก็ทาง บล็อก นี่แหละ เยี่ยมกันไปเยี่ยมกันมาแบบ virtual ใน บล็อก นำไปสู่การเยี่ยมเยียนจริง รู้จักกันจริง และชวนกันทำงาน
เกิด KM ซ้อน KM ที่ชักนำโดย social network ผ่าน Gotoknow
สรพ. สามารถใช้พลังของ KM ในการพัฒนางานได้ ผ่านการลงมือใช้ KM ด้วยความรู้ของคุณนายด็อกเตอร์ และของคุณเอก และถ้าจัดทีมงานเข้าร่วมให้ดีๆ จะเกิดการเรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือ KM ไปในตัว
วิจารณ์ พานิช
๓๑ ต.ค. ๕๒
เชียงใหม่
คุณดวงสมร บุญผดุง (แม่ต้อย)
KM 2.0 คือ ยุคของการจัดการความรู้ในรูปแบบที่เน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างเครือข่าย ส่วน KM 3.0 จะเน้นที่การนำเอาความรู้ไปใช้ ดังนั้นระบบสารสนเทศจะต้องใช้ง่ายอย่างที่สุดค่ะเพื่อการดึงเอา tacit knowledge ที่ถูกถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนไว้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ค่ะ ทางทีมงานจะพยายามพัฒนาระบบอย่างเต็มที่ให้ตอบสนอง KM 3.0 ให้ได้มากที่สุดค่ะ
สวัสดีคะ
พอท่านอาจารย์ เขียนเรื่อง KM ซ้อน KM จึงนึกได้คะว่า ที่เราได้ทำไปมันซ้อนกันจนเกิด ความรู้ที่มั่นคงและขยายวงไปเรื่อยๆ
ต้องขอบคุณ แนวคิดการจัดการ วงความรู้ที่แสนมหัศจรรย์ นี้มากๆคะ
ดวงสมร บุญผดุง