8 ขั้นตอนสู่ "การเขียน" เพื่อพัฒนาชีวิตและจิตวิญญาณ


จากบันทึก เค้าว่า "การเขียน" รักษาโรคได้ ... เรามาเขียนบันทึกใน Gotoknow กันดีไหมครับ :) และ  "การเขียน" ส่งผลต่อการประสบความสำเร็จในชีวิต (จริง ๆ นะ) ขอมาต่อที่บันทึกนี้ครับ

 

8 ขั้นตอนสู่ "การเขียน" เพื่อพัฒนาชีวิตและจิตวิญญาณ

 

1. เตรียมอุปกรณ์

ได้แก่ สมุดสีต่าง ๆ กันสำหรับแยกเขียนบันทึกเรื่องต่าง ๆ และปากกาที่เขียนได้ลื่น ๆ หลาย ๆ ด้าม เพราะเมื่อคุณเริ่มเขียน ความคิดมักจะพรั่งพรูออกมาจนปากกาแทบจะถ่ายทอดตัวอักษรลงมาบนหน้ากระดาษได้ไม่ทันเสมอ

(เขียนบล็อกก็ต้องเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ และตัวเอง)

2. อย่าเขียนเรื่องทั่ว ๆ ไป

กำหนดไว้ในใจว่า คุณจะเขียนเฉพาะสิ่งที่อยากเขียน สิ่งที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของคุณอย่างแท้จริง และสิ่งที่คุณรู้สึกอย่างรุนแรงเท่านั้น โดยเน้นหนักและใส่ใจกับรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับอารมณ์ ความรู้สึก และความคิดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยใช้พรรณนาโวหาร

(เอ น่าจะใช้เขียนบล็อกได้เหมือนกันนะครับ)

3. อย่าคิด อย่าใช้เหตุผล

หากเสียงค่อนแคะในสมองของคุณเริ่มทำงานและบ่นออกมาว่า "จะมัวมาเสียเวลาเขียนไปทำไม" ขอให้คุณดิ่งลงไปสู่หน้ากระดาษพร้อมด้วยคำตอบมากมาย แต่ไม่ต้องพยายามหาเหตุผลสนับสนุน

(ลุยคาหน้าจอไปเลยครับ)

4. เขียนอย่างต่อเนื่อง

สัก 10 - 15 นาที โดยไม่หยุดคิดและพยายามใช้ปากกาขยับอยู่ตลอดเวลา หากไม่รู้จะเขียนอะไรก็ให้เขียนสิ่งที่เกิดขึ้นในใจ ณ ปัจจุบันขณะลงไปตามความเป็นจริง

(ห้ามลุกออกจากเก้าอี้คอมพิวเตอร์)

5. ละการควบคุม

เขียนสิ่งแรกที่ผุดขึ้นในห้วงคำนึงโดยเมินเฉยต่อกฎเกณฑ์ทางภาษา ค่านิยมทางสังคม ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและบรรณาธิการในตัวคุณที่มักจะเข้ามาทำหน้าที่ "เซ็นเซอร์" เรื่องราวบางช่วงบางตอนด้วยการกดดันว่า "เขียนอะไรไม่รู้" "เขียนอย่างนี้จะดีหรือ" หรือ "ไร้สาระสิ้นดี" ฯลฯ

ซิกมุนด์ ฟรอยด์ กล่าวว่า "จิตใจเปรียบเสมือนภูเขาน้ำแข็งซึ่งจะลอยพ้นน้ำเพียงหนึ่งในเจ็ดเท่านั้น" จงจำไว้ว่า สิ่งแรกที่ผุดขึ้นในห้วงคำนึงคือเสียงจากเบื้องลึกของจิตใจคุณจริง ๆ ซึ่งก็คืออีกหกส่วนที่จมอยู่ในใต้นน้ำนั่นเอง

(เขียนบล็อกแบบนี้อาจจะต้องเกรงใจชุมชนหน่อยครับ โดยเลือกไม่แสดงให้คนไม่เป็นสมาชิก หรือ ไม่แสดงผลใด ๆ ไปเลย)

 

6. ซื่อสัตย์ต่อตนเอง

เตือนตัวเองอยู่เสมอว่า คุณไม่ได้กำลังเขียนเพื่อทำให้ตนเองดูฉลาด หรือ เพื่อพยายามทำให้ใครประทับใจ แต่กำลังเขียนเพื่อปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงของคุณออกมา ดังนั้น อย่าเขียนอย่างเสแสร้ง แต่จงเขียนแต่ความจริงอย่างซื่อสัตย์กับตัวเอง

(เขียนแล้วยังเสแสร้งอีก ก็ไม่ต่างอะไรกับการสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองให้ดีในที่ทำงานและสังคมหรอกครับ)

7. ตีให้หนักหน่วง

เมื่อคุณเริ่มเข้าถึงอะไรบางอย่าง จงละทิ้งตนเองและหลอมรวมจิตวิญญาณของคุณเข้ากับสิ่งนั้น แล้วเขียนทุกอย่างออกมาราวกับว่าปากกาของคุณเป็นภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิด และตัวอักษรต่าง ๆ คือ ลาวาเหลวที่กำลังพวยพุ่งออกจากปากปล่องภูเขาไฟ เพราะการเขียนเช่นนี้คือ การเปิดโอกาสให้ตัวอักษรที่ออกมาจากปลายปากกาได้เชื่อมต่อกับจิตวิญญาณของคุณอย่างแท้จริง

(ยิ่งเขียนยิ่งแตกฉานต่อเรื่องราวในการเขียนบันทึกหน้านั้น)

8. อย่าคาดหวังและอย่าตัดสินในสิ่งที่คุณเขียน

แต่ให้ยอมรับสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง แม้ว่าสิ่งที่หลุดออกจากปลายปากกาของคุณจะเต็มไปด้วยสำนวนที่น่าขำ หรือแสดงออกถึงจิตใต้สำนึกอันดำมืด แต่คุณก็ไม่ได้มีหน้าที่สดุดีหรือวิพากษ์วิจารณ์ เพียงแต่รับรู้และเขียนสิ่งต่าง ๆ ตามที่เป็นจริงเท่านั้นพอ

(เขียนแล้วยอมรับความจริงในสิ่งที่ปรากฎ)

 

การเขียนเพื่อให้ได้บทความที่เต็มไปด้วยภาษาอันงดงามไร้ที่ติ ใช้เทคนิคการถ่ายทอดที่เหนือชั้น และดำเนินเรื่องชาญฉลาดนั้น ไม่ใช่เป้าหมายของการเขียนเพื่อพัฒนาชีวิตและจิตวิญญาณ แต่สิ่งที่เราต้องการคือ การเขียน "ความจริง" ลงบนกระดาษเพื่อให้ได้ทำความรู้จักและยอมรับจิตใจที่แท้จริงของตนเอง

เมื่อทำตาม 8 ขั้นตอนข้างต้นนี้ คุณจะพบว่า การเขียนทำให้ได้ปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ ณ ก้นบึ้งของหัวใจออกมาอย่างเต็มที่ คุณจึงรู้สึกดี มีชีวิตชีวา และเข้าใจตัวเองมากขึ้น เพราะเมื่อคุณเขียนตัวตนของคุณจะไหลออกมาพร้อมกับน้ำหมึกลงสู่กระดาษในรูปแบบของตัวอักษร แล้วความรู้สึกและอารมณ์ต่าง ๆ ก็จะได้รับการรับรู้ยอมรับ และปล่อยวางตามความเป็นจริง ทำให้ตัวตนของคุณค่อย ๆ หายไปทีละน้อย

 

...................................................................................................................................

 

ผมลองนำการเขียนด้วย "ปากกาและสมุด" มาปรับการพิมพ์ลงใน "บันทึกบนบล็อก"

ผมว่าไม่แตกต่างในวัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อพัฒนาชีวิตและจิตวิญญาณ

ลองนำไปใช้ดูนะครับ :)

 

....................................................................................................................................

แหล่งอ้างอิง

ฐิติขวัญ เหลี่ยมศิริวัฒนา.  "สมุดชีวิต การเขียนเพื่อพัฒนาชีวิตและปลดปล่อยจิตวิญญาณ", Secret.  1, 13 (10 มกราคม 2552) : 44 - 47.

.....................................................................................................................................

หมายเลขบันทึก: 235630เขียนเมื่อ 16 มกราคม 2009 19:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)

สวัสดีค่ะ

  • ซึ้งกับซิกมันด์ฟรอยด์มากค่ะ  "จิตใจเปรียบเสมือนภูเขาน้ำแข็งซึ่งจะลอยพ้นน้ำเพียงหนึ่งในเจ็ดเท่านั้น"
  • ขอขอบพระคุณกับบันทึกดี ๆเช่นนี้ จะได้นำไปศึกษาเรียนรู้ และฝึกหัดค่ะ
  • วันนี้ได้ทำกิจกรรมรำลึกถึงพระคุณของคุณครูในบันทึกใหม่
  • แล้วไปโรงเรียนค่ะ..เพราะเจ้าหน้าที่โรงเรียนมาบอกว่า..วันนี้เด็ก ๆ ได้นัดหมายกันมาถางหญ้า ไถที่ ปรับที่รกร้างว่างเปล่า เพื่อเป็นของขวัญวันครู
  • แอบไปเงียบ ๆ ค่ะ หาส้มตำ ข้าวเหนียวและไก่ย่างไปฝาก
  • ก็มีความพอใจค่ะ

ขอบคุณครับ คุณ ครูคิม :) ... ครูในดวงใจของเด็ก ๆ

  • ธุ  อาจารย์วสวัตดีมารค่ะ..

การเขียนทำให้ได้ปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ ณ ก้นบึ้งของหัวใจออกมาอย่างเต็มที่

เยี่ยมไปเลย  ^^  นี่ล่ะ..ต้อมถึงได้เขียน  อืม..ประมาณเดียวกับ "ได้ระบายความเก็บกด" ไหมคะ อาจารย์???????

ดีจ้า หนูต้อม เนปาลี :)

สำหรับคืนวันอันหนาวเหน็บในคืนนี้ ... การได้เขียน หมายถึง การปลดปล่อยความเครียด ความไม่สบายใจออกมาในรูปของงานเขียน

เช่น คนไปเที่ยวปาย เขียนถึง มอเตอร์ไซค์ล้มทับ เป็นต้น

จึงได้ระบายออกมาดังฉะนั้น คร้าบ :)

  • อาจารย์วสวัตดีมารคะ..

ไม่ต้องย้ำตอนคนไปเที่ยวปาย เขียนถึง มอเตอร์ไซค์ล้มทับ  ก็ได้นะ แหม..ม..ม  T_T  

วันนี้ต้อมก็เขียนบันทึกดูหนัง ดูละคร..แล้วย้อนดูตัว : Comrades : Almost a Love story 3650 วัน รักเธอคนเดียว   ไม่อยากจะบอกเลยว่าเขียนล่ารางวัล    แต่เอ๊ะ..อาจารย์บอกว่า 8. อย่าคาดหวังและอย่าตัดสินในสิ่งที่คุณเขียน

*+* ... ยกตัวอย่างให้เห็นภาพน่ะ หนูต้อม เนปาลี อิ อิ ... *+*

ใช่แล้วครับ หากเขียนด้วยความคาดหวังก็จะไม่ได้พัฒนาจิตวิญญาณมากนักครับ :)

ขอให้ได้รางวัลแล้วกันนะครับ

  • อาจารย์วสวัตดีมารคะ..

เคยมีหลายๆ คนถามว่า "เอาอะไรมาเขียนนักหนา?"   ซึ่งต้อมก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันค่ะ   คงเหมือนกับที่ก็สงสัยว่าทำไมคนโน้น-คนนี้มีเรื่องราวมาเขียนได้ราวจะไม่มีจำกัด (มากกว่าเราเสียอีก)    และก็จะสงสัยว่าแล้วทำไมอีกหลายๆ คน "ไม่รู้จะเขียนอะไร"

ป.ล. รางวัลมีให้ทุกบันทึกที่เขียนในบล็อกดูหนัง-ฟังเพลง อยู่แล้วค่ะ   แต่ที่ลุ้นน่ะ  ลุ้นว่า "จะได้อะไร"  อิอิ

"เอาอะไรมาเขียนนักหนา" หมายถึง ผู้เขียนเป็นคนละเอียดอ่อน ช่างคิดในรายละเอียดของชีวิตที่คนอื่นเค้าไม่คิดกัน

"ไม่รู้จะเขียนอะไร" หมายถึง ผู้เขียนที่ยังมองไม่เห็นรายละเอียดของชีวิตที่มีมากมาย หรือไม่ก็ไม่ให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดด้วยการเขียน อาจจะชอบคิด คิด คิด แล้วก็ลืม ลืม ลืม ก็ได้ครับ

รางวัลของหนูต้อม เนปาลี คือ ผู้เยี่ยมชม เยี่ยมคุย เยี่ยมอ่าน ใช่ไหมครับ :)

  • ทำได้ทุกข้อ ยกเว้น "ข้อ 3 อย่าคิด อย่าใช้เหตุผล" ค่ะ เพราะอยู่ศูนย์สมองตามหลัก Enneagram ค่ะ แต่ถ้าจะพูดอย่างง่าย ๆ ก็คือแยก "ใจกับสมอง" ไม่ได้ เขียนอะไรก็ยึดเหตุผลเป็นหลัก..."ไหลลื่นบนสาระที่อาจจะขาดจินตนาการ"
  • ตอนนี้ กำลังฝึกเขียนเรื่องไร้สาระอยู่ค่ะ ใน Blog "One Soul in Two Bodies"
  • ฝึกใช้จินตนาการให้มากขึ้น น่าจะลดการใช้ความคิดหรือเหตุผลลงได้ จริงไหมคะ
  • ขอบพระคุณค่ะ "คุณครู"

 

  • ธุค่ะ..

รางวัลของคนเขียนนั่นคือ การยอมรับจากคนอ่าน    เมื่อครั้งที่เริ่มเขียนอะไรก็ตาม..ซึ่งก็ไม่เคยคาดหวังว่าจะมีใครเข้ามาอ่าน    แต่ด้วยความที่เป็น "มนุษย์ปุถุชน" ก็มีแอบๆ คาดหวังว่า "จะมีใครเข้ามาอ่านไหมนะ?..เขาจะชอบที่เราเขียนไหมนะ?.."    แต่ต้อมว่าคนเขียน(เกือบ)ทุกคนนั้น..ขอให้ได้เขียน ได้ถ่ายทอดเรื่องราว ก็มีความสุขแล้วค่ะ   ใช่หรือเปล่าคะ อาจารย์

ส่วนรางวัลในบล็อกดูหนัง-ฟังเพลง น่ะ มาจากพี่เซ็กซี่ค่ะ  ^^  เธอมีหน้าที่เขียนและดูแลวารสารเกี่ยวกับเรื่องนี้   แล้วเธออยากให้ต้อมเขียน..โดยมี "รางวัล" เป็นค่าเรื่องและแรงจูงใจ  อิอิ 

  • คราวหน้าผมจะลองเขียนบันทึกโดยทำตามแนะนำนี้บ้างครับ
  • ถ้าทำได้ ความหวังเล็กๆ ที่ว่าก่อนแก่ตายไปตามธรรมชาติจะเขียนนิยายจากจินตนาการให้ได้สักเรื่องอาจจะเป็นจริง
  • ขอบคุณมากครับที่นำบทความดีๆ มาฝาก ขอให้อาจารย์มีความสุขมากมายในวันครูครับ

สวัสดีครับ มาอ่านเคล็ดลับการเขียน ผมเขียนไม่ค่อยเก่ง พูดก็ไม่ค่อยเก่ง ส่วนใหญ่ชอบอ่านมากกว่าครับ ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ คุณ Sila Phu-Chaya :) ...

"เหตุผล" กับ "ไม่มีสาระ" ... สามารถทำเป็นเส้นทางเดียวกันได้ไหมครับ :)

คงต้องแล้วแต่ถนัดดีกว่านะครับ

ขอบคุณครับ หนูต้อม เนปาลี :)

คือ "การยอมรับจากคนอ่าน" นั่นเอง อืมม มิน่าบันทึกของหนูต้อมจึงมีคนเข้าไปอ่าน เข้าไปตอบ บันทึกละหลายร้อยคนเลยนะครับ :)

มีรางวัลให้คนเขียนด้วย แสดงว่า หนูต้อม เนปาลี ถือเป็นนักเขียนเต็มตัวแล้วล่ะครับ

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรครับ คุณ U-and-ME :)

การเขียนในบันทึกนี้ เป็นการเขียนสำหรับการพัฒนาตนเองน่ะครับ

แต่ผมจะรออ่านนิยายนะครับ

ขอบคุณครับ เสธ.Col.boonyarit ... ราชบุรีหนาวแล้วนะครับ

เชียงใหม่เมื่อเช้าเหลือ 9 องศาเซลเซียสบนพื้นราบ ครับ

ผมก็เป็นคนชอบอ่านมาก ๆ มาก่อนครับ แต่เมื่อมาเป็นครูมหาวิทยาลัย ทำให้มีงานที่เป็นไฟท์บังคับเยอะครับ จำเป็นต้องเขียนให้คนไม่รู้เรื่องมาก่อน เข้าใจง่าย ๆ

ตอนนี้เลือกใช้ Gotoknow ลองฝึกฝนดูครับ ดีน้อยมั้ง ไม่ดีมั้ง ก็สู้กันไปครับ

เสธ.Col.boonyarit  ลองดูนะครับ :)

สวัสดียามเช้าที่

ปาตานีดารุสลาม ครับ :)

การเขียน ...เป็นการฝึกฝนเพื่อพัฒนาการนำเสนอความคิดอย่างเป็นระบบ รวมถึงการฝึกสื่อสารที่ดี...

ผมมีเรื่องเขียน ๑๐๘-๑,๙๐๐ ครับ อยากเขียนทุกวัน อยากเขียนทุกเรื่อง วันหนึ่งวันผมเรียนรู้มากมาย ทั้งที่ตกหลึกบ้าง กำลังตกตะกอนบ้าง หรือ เหตุการณ์สดๆ

นอกจากเขียน gotoknow แล้ว ผมยังเขียนบันทึกลงในสมุดส่วนตัวด้วย ...คิดว่า การเรียนรู้ที่ต่อเนื่องและให้เชื่อมโยงต้อง จำ จด ตลอดครับ

ผมคิดมากพอสมควรครับ ก่อนที่จะเขียนเพื่อสื่อสาร เพราะการเขียน gotoknow หมายถึงการสื่อสารออกไปทั่วโลก ทุกคนล้วนเข้ามาอ่านได้ ไม่จำกัด

หากการสื่อสารสามารถพัฒนาสังคมได้ พัฒนาตนเองได้ อย่ารีรอที่จะเขียนนะครับ

จะได้รู้ว่าการเขียนสร้างสังคมที่เป็นสุขได้ หากเราตั้งใจเขียนในสิ่งที่ดี และสร้างสรรค์

สวัสดียามสาย ณ เจียงใหม่ ครับ ... คุณเอก :)

การเขียนที่สามารถสื่อสารไปยังผู้คนทั่วโลกได้ของ Gotoknow

อยากเรียกว่า "นี่คืออิทธิพลของสื่อมวลชนใหม่ (New Mass Media)"

สื่อที่เหมือนดาบสองคม บางคนรับสารแล้วคิดว่าเป็นมุมมองที่แตกต่างดี ก็อยากรับสารนั้นต่อไป แต่บางคนกลับมีมุมมองว่าสารนี้ทำให้ตนเองเดือดร้อน ปิดหู ปิดตา ไม่ยอมรับ ANTI ไม่ปรับปรุงตนเอง

กระบวนการในการส่งสารที่มีผู้ส่ง สาร ช่องทาง ผู้รับ :)

ประเด็น "การเขียน" ในบันทึกนี้ หากนำมาเขียนลงบนชุมชนนี้ คงต้องมีการใช้ศิลปะในการเลือกสรร การเขียน มากกว่าการเขียนส่วนตัวลงกระดาษอย่างแน่นอน ครับ

Gotoknow มีอิทธิพลต่อสังคมประเทศ สังคมคน และบุคคลแน่นอน ครับ

คนที่สร้างอิทธิพลนั้นไม่ใช่คือ พวกเราทุกคนที่เขียนบันทึกลงไป :)

คนไหนเขียนแล้วสร้างสรรค์สังคม คนอ่านจะทราบเอง

คนไหนเขียนแล้วเกิดความแตกแยก คนอ่านจะทราบเอง

เราทุกคนเลือกสรรกันได้ครับ :)

เดินทางปลอดภัยครับ คุณเอก :)

  • สวัสดีค่ะ
  • พยายามฝึกเขียนอยู่ค่ะ แต่ไม่ค่อยมีเวลามากนัก (อ้างอ่ะ)
  • ก็เลยอาศัยหยิบยืมจากผู้อื่นบ้าง
  • จะพยายามค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีดี
  • ฝากบอกน้องเอกให้ดูแลตัวเองด้วยนะคะ เป็นห่วงค่ะ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

สวัสดีครับ คุณครู ♥< lovefull >♥ :)

เรื่องที่เขียนอยู่ในใจและความคิดอยู่แล้วล่ะครับ เหลือแต่การเรียบเรียงไว้ในใจแล้วถ่ายทอดออกมาเป็นบันทึก ครับ

หากแต่การเขียนที่นำมาเล่าในบันทึกนี้ เป็นการเขียนกันสด ๆ ไม่ได้คิดอะไรมากมาย เขียนแล้วค่อยนำไปเรียบเรียงภายหลัง ครับ ทำให้เกิดการพัฒนาชีวิตและจิตวิญญาณอย่างไม่น่าเชื่อ

การนำงานของผู้อื่นมาประกอบแสดงว่าเรามีความสนใจส่วนตัว จึงนำมา หากนำมาแล้วเขียนตามความเข้าใจของเราเอง นั่นก็คือความคิดของตนเองที่ประยุกต์กับความรู้ที่ตนเองมีครับ

คุณเอก ครับ ... คุณครู ♥< lovefull >♥ ให้ดูแลตัวเองด้วยครับ :)

ขอบคุณครับ :) zzz

มาเรียนรู้ค่ะ

ปกติเป็นคนไม่ชอบเขียน เพราะรูสึกว่ามือเขียนไม่ทันใจคิด เขียนๆ แล้วก็เมื่อย เก็บไว้เองดีกว่า

แต่พอนานๆไปสมองเริ่มไม่ทำงาน เก็บความคิด เก็บสิ่งที่เห็น ที่ทำไม่อยู่ เก็บได้ขาดๆ เกินๆ บางครั้งงง ว่าท พูดอะไร คิดอะไร ก็เลยลองเขียนใหม่ แต่ ความอดทนที่จะเล่าไม่มี  รู้สึกเมื่อยใจ  ก็ไม่เขียน เก็บไว้คนเดียวอีก

ทุกวันนี้ คนข้างเคียงคอยเตือนว่า ถ่ายเทเสียบ้าง เดี๋ยวมันเน่า..อิอิ

ก็พยายามถ่ายเทออกมา เออ...รู้สึกดีขึ้น

เติมบ้าง ถ่ายบ้างก็ดีเหมือนกัน ดีกว่าปล่อยไว้อัดเข้าไป ๆ จนล้น (ขยะ)

ทุกวันนี้ เหมือนไม่มีอะไรเลย อยากเติมเต็ม อยากสงบ

แต่ทำไม่ได้นานหรอก ใจมันคิด เวลาเงียบๆนี่คิดดีจังเลย รูสึก คิดเป็นระบบมากกว่านั่งเขียน

สรุปก็ยังชอบนั่งคิด โชคดีที่มีg2k ให้ถ่ายเท

ขอบคุณอาจารย์ค่ะ

 

ปลดปล่อยศักยภาพความคิดของตนออกบ้างนะครับ คุณ krutoi :)

ความสุขจะเกิดขึ้น ... เขียนโดยไม่มีสิ่งคาดหวัง มีแต่ความสบายใจ

แต่หากยิ่งเขียน ยิ่งมีมิตรมากขึ้น ก็เป็นของแถมของการเขียนเหล่านี้

รักษาสุขภาพกายและใจ นะครับ :)

สวัสดีค่ะอาจารย์Wasawat Deemarn

  • ได้ข้อคิดดี ๆ อีกแล้วค่ะ
  • จะลองฝึกดู ..เผื่อจะได้เป็นนักเขียนกับเค้าบ้าง
  • เอ้า..ว่าจะไม่คาดหวังนะเนี่ย ..อิ อิ
  • ขออนุญาติปริ๊นมาศึกษานะคะ ..เพราะจำไม่ค่อยเก่ง ..หุ หุ
  • ขอบคุณค่ะ

เค้าว่า คนเขียนไม่เก่ง จะเขียนออกมาจากใจที่ซู้ด ครับ :)

สู้ สู้ ครับ คุณพยาบาล สีตะวัน :)

ฮัดเช้ย ๆ  ...  ... ขออภัยค่ะ

กะจะเข้ามาดู แนวการเขียน ซะหน่อย

ไม่ได้เขียนมานาน นนนม แล้ว จริงๆ ค่ะ

... ปรากฎว่าได้ กลิ่นกะเพรา และพริก

ท้องร้องเลยค่ะ ... อ. กินข้าวเที่ยงยังคะ

....

อ. เป็นสมาชิกนิตยสาร ความลับ รึคะ ?

ให้อ. มีความสุขกับการเขียนนะคะ

แล้ว แฟนพันธุ์แทะ ก็มีความสุขที่ได้อ่าน

ขอบคุณค่ะ

....

 

ใครนินทาเหรอ คุณ poo :)

พึ่งกลับจากการสอนนักศึกษา ป.โท มาครับ อิ อิ

ยังไม่ได้ทานอะไรเลย

นิตยสารนี้ ผมยังไม่ได้เป็นสมาชิกครับ แต่ชอบไปซื้อเองที่ร้านหนังสือ

ขอบคุณ แฟนพันธุ์แทะตัวจริง ครับ :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท