การก้าวเดินของโครงการพัฒนาเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สามารถเก็บเกี่ยวความรู้และได้บทเรียนหลายประการ สามารถสรุปได้ ดังนี้
ประการแรก คือ ผู้นำที่เข้มแข็ง และแกร่งกล้าทั้งปัญญาและพลังใจ เป็นปัจจัยสำคัญในอันที่จะผลักดันชุมชนให้ก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงและสง่างาม จากการประชุมเครือข่ายที่บางเจ้าฉ่า “พี่หนุ่ย แห่งคีรีวงศ์” “พ่อหลวงพรหมมินทร์ แห่งแม่กำปอง” “พี่พงศา แห่งพะโต๊ะ” “พี่กบ แห่งพุเข็ม” และ “พี่สุรสิทธิ์ แห่งบ้านผาหมอน” ต่างก็แสดงให้เห็นศักยภาพของผู้นำท้องถิ่นที่มุ่งมั่นและตั้งใจสร้างคุณประโยชน์เพื่อท้องถิ่นของตน
ประการที่สอง คือ ทำให้ทราบว่าการทำงานไม่สามารถสำเร็จลงได้ด้วยคนเพียงคนเดียว ในโครงการวิจัยนี้ทุกคนล้วนเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนงานให้เดินต่อ เช่นเดียวกับในชุมชน ผู้นำเพียงคนเดียว ย่อมไม่สามารถนำพาชุมชนไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ต้องประกอบด้วยพลังใจ และพลังกายของทุกคนร่วมกันก้าวเดิน และฟันฝ่า
ประการที่สาม คือ การทำงานต้องสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จึงจะสามารถเดินไปด้วยกัน เพราะต่อให้มีผู้นำเข้มแข็ง มีความร่วมมือจากคนในชุมชน แต่หากขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน คิดกันไปคนละทาง มองกันคนละเรื่อง ในไม่ช้าความคิดย่อมแตกแยก นำไปสู่ความขัดแย้ง นี่จึงน่าจะเป็นข้อดีของการทำวิจัยแบบ PAR ที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วมคิด ร่วมทำ เพราะฉะนั้นใครคิดอย่างไร ต้องการอะไร ก็จะได้เปิดอกคุยกัน งานจะได้เป็นไปตามที่ทุกคนต้องการ และสร้างความเข้าใจร่วมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การทำงานของทีมวิจัยครั้งนี้เปรียบเสมือนการวิ่งสามขา ถ้าไม่ประสานสามัคคีกันก็ไม่สามารถก้าวเดินได้ แต่เมื่อประสานเป็นหนึ่งเดียวก็จะถึงจุดหมายได้ดังหวัง
ประการที่สี่ คือ การยอมรับฟังความคิดของผู้อื่น การทำงานกับบุคคลที่หลากหลายต้องละความเป็นอัตตา แม้จะมีความรู้ความสามารถ แต่การเปิดรับเป็นสิ่งที่ช่วยให้การทำงานลื่นไหลไปได้ด้วยดี ควรตระหนักรู้ถึงบทบาท ว่าเมื่อใดจะเป็นผู้ให้ความรู้ และเมื่อใดควรเป็นผู้รับความรู้ เมื่อนั้นจึงจะเกิดการแลกเปลี่ยนความรู้อย่างแท้จริง หาใช่การยึดบทบาทผู้ให้ความรู้เพียงอย่างเดียว การเปิดโลกทัศน์รับรู้ความเป็นไปในโลกจะช่วยขยายมุมมองให้กว้างขึ้น
ประการสุดท้าย คือ การให้โอกาสเรียนรู้ จากโครงการวิจัยครั้งนี้จะเห็นได้ว่า ผู้ร่วมทีมมิใช่มีเพียง “ผู้รู้” และ “ผู้ชำนาญ” เท่านั้น หากแต่ผสมผสานกันระหว่าง “ผู้รู้” กับ “ผู้เริ่มเรียนรู้” ดังนั้นการให้โอกาสผู้เริ่มเรียนรู้ให้เข้ามาทำความเข้าใจ ให้ที่ยืนแก่บุคคลเหล่านี้ทีละเล็กละน้อย นับเป็นการเปิดโอกาสให้เขาก้าวไปสู่แวดวงการเรียนรู้ ช่วยเปิดโลกทัศน์เขาเหล่านั้นให้กว้างขึ้น ก่อนที่จะไต่เต้าไปสู่ความเป็นผู้รู้ ซึ่งจะเข้ามาร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ให้กว้างขวางขึ้นต่อไปในอนาคต
แวะมาทิ้งรอยไว้ก่อนนะคะ
วันนี้พี่เหนื่อยเหลือเกิน แต่นอนไม่หลับ
แปลกมะ