ช่วงรอบเดือนที่ผ่านมา ผมมีความรู้สึกปลื้มสุดๆ กับแนวคิดของชาวนาพิจิตร ที่กำลังค้นหาองค์ความรู้ที่จะมาแก้ไขปัญหาทุกข์ร้อนด้วยตัวเองอย่างคึกคัก จากที่มีการพูดคุยวงเล็ก วงใหญ่ จะเรียกว่าตกผลึกทางความคิดก็คงไม่เชิง เพราะยังไงเสียคงไม่ง่ายนักที่ชาวนาจะร่วมกันแก้ไขปัญหาได้ทั้งระบบจากการพูดคุยไม่กี่คน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าโลกสีน้ำเงินใบนี้ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็มาจากแนวคิดเพียงไม่กี่คนเช่นกัน และผมคิดว่าชาวนาก็มีโอกาสทำได้ อย่างน้อยก็เป็นการเปลี่ยนแปลงตนเอง "เมื่อเราเปลี่ยน สังคมก็เปลี่ยน โลกก็เปลี่ยน"
ชาวนาพิจิตรกำลังจะดำเนินการ "ธนาคารพันธุ์ข้าวปลูก" ที่เหมาะสมกับพื้นที่จังหวัดพิจิตร เป็นการทดลองเชิงลึก พัฒนาสายพันธุ์ข้าวพื้นเมือง ที่มีคุณภาพ ให้ผลผลิตสูง ปลอดสารพิษ และที่สำคัญผ่านการทำด้วยมือของชาวนาเอง
ผมลองมาร่วมทำนากับลุงๆชาวนาที่มีประสบการณ์สูงแล้วทำให้รู้สึกว่า โอ้โห!!! นี่ชีวิตชาวนาเนี้ยะไม่ธรรมดาเลย กว่าจะได้เมล็ดข้าวแต่ละเมล็ดหยาดเหงื่อรินไหลมากเสียจนวัดออกมาแทนค่าไม่ได้ ผมเองรู้สึกเลยว่าชาวนาก็ยังคงได้ชื่อว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ(ทุกชาติไป) เรามีจุดแข็ง จุดดี อยู่ในมืออยู่แท้ๆ แต่ไม่ทราบว่าบ้านเมืองเราจะพัฒนาไปด้านไหน เหมือนๆว่าเราไม่รู้ตัวเองว่าเป็นใคร ควรทำอะไร อย่างไร อย่างนี้ทำนายได้เลยว่าบ้านเมืองจะเป็นยังไงต่อไป
ลุงแสนชาวนาคนหนึ่งที่ร่วมด้วยช่วยกัน ทำให้ผมได้รู้อะไรมากขึ้นสำหรับการเรียนรู้ชีวิตชาวนา คือ..... การเรียนรู้ไม่มีรูปแบบ ไม่มีกฎเกณฑ์ ต้องลงมือด้วยตัวเอง จะได้รู้ว่าวิธีการแบบไหนทำได้ดี อันไหนไม่ดี.... ลุงแสนบอกเลยว่า ทำๆไปเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะได้ผลยังไง ผมเนี้ยะงงมาก ถามอะไร แกก็ไม่ตอบ ไม่ช่วย ไม่อะไรเลย จนต้องจำใจทำเอง แล้วแกยังบอกด้วยว่าให้จำวิธีการที่ตัวเองทำด้วย แล้วมาวัดผลกันใครจะได้ดีกว่า
ในช่วง 2 ปีที่จะก้าวเข้ามาถึงนี้ ผมฝันไว้สูงทีเดียวกับการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูก ให้เห็นเป็นรูปธรรม เกิดกิจกรรมไหลวนไปเรื่อยๆ และส่งผลต่อวิถีชีวิตชาวนาบ้างในการเรียนรู้การพึ่งตนเองได้จริงๆ (ย้ำว่าจริงๆ) อาจจะไม่ใช่พึ่งตนเองได้ทุกเรื่อง แต่ขอเพียงบางประเด็นที่ส่งผลกระทบสะเทือนต่อระบบโดยรวมได้ เท่านั้นก็พอใจแล้ว(ช่วงเริ่มต้น) ถ้าสำเร็จแล้วจะชวนเพื่อน พี่น้อง อาจารย์ คุณครู นักวิชาการ พันธมิตร ฯลฯ มาดู สังเกต ให้กำลังใจการทำงานของชาวนาพิจิตรนะครับ
สวัสดีครับ
เข้ามาทักทายนะครับ และขอเป็นกำลังใจในการอยู่เคียงข้างชาวบ้านในการพัฒนาวิจัยเพื่อชุมชนนะครับ
ดูงานที่ทำแล้วประทับใจมากๆ นะครับ สู้ต่อไปนะครับ พี่เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น และไปในทางที่ดี เหมือนที่น้องเขียนบทความไว้หลายๆ บทความครับ
โชคดีและสนุกมีความสุขในการทำงานนะครับ
พี่เม้ง
สวัสดีครับ มาทักทายไว้ก่อน
มีคนคอยดูและให้กำลังใจครับ
นำเข้ารวมในตะกอนแล้วครับ http://gotoknow.org/blog/mrschuai/102160
สวัสดีครับ น้องเปียโร่
ผมมาเพื่อชื่นชมการทำงานครับ พี่ๆทั้งสองท่านข้างบนก็มายินดีกับการทำงานของน้องเปียเช่นเดียวกัน
ภาพสวย และ ความตั้งใจของเปียโร่ สวยงามกว่าครับ
พี่เม้งครับ
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าจะทำได้ดีสักเพียงไร รู้แต่เพียงว่าทุกวันนี้รู้สึกว่ายิ่งคิด ยิ่งมีประเด็นอะไรใหม่ๆให้เราทำอย่างสร้างสรรค์ มีอิสระ มันทำให้สนุกมากๆ แค่คิดก็มีความสุขแล้วถ้าทำจะขนาดไหน เห็นพี่เอกบอกว่าพี่เม้งอยู่ต่างประเทศ หากมีโอกาสกลับมาเมืองไทย ผ่านไปมาแถวๆพิจิตรแวะมาเยี่ยมเยียนนะครับ ผมจะต้อนรับเป็นอย่างดีทีเดียว(คิดว่านะ) เผื่อจะได้สนทนากับพี่เม้ง ที่มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่ามาให้แนวความคิดดีดี ผมจะได้แง่คิดมาพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นต่อๆไป ***ขอบคุณครับ***
พี่สิทธิรักษ์ครับ
เพียงแค่เข้ามาทักทายก็ทำให้ผมรู้สึกปลื้มมากๆเลยเชียว อย่างน้อยก็เป็นการเริ่มต้นของการได้รู้จักกัน ผมขอน้อมคารวะ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในโอกาสต่อๆไปนะครับผม
พี่เอกครับ
ภาพที่ถ่ายมาเป็นมือสมัครเล่นหน่ะครับ ก็อยากลองๆดูว่าการพัฒนากับศิลปะในมุมมองการใช้ชีวิต มันจะสอดคล้องกันอย่างไร ศิลปะทำให้เข้าใจธรรมชาติมากขึ้น อีกทั้งสอนเราได้มากมายหลายอย่าง โดยไม่จำเป็นต้องสื่อออกมาจากคำพูด ก็เห็นได้ถึงความสวยงามและความหมายมากขึ้น โดยอาจจะไม่มีเหตุผลประกอบด้วยซ้ำ
......ขอบคุณนะครับผม....... งานพัฒนาทำให้ผมได้มีโอกาสดีดีมากมาย ในการเรียนรู้ และรู้จักผู้คนมากมาย ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้ได้แนวคิดที่หลากหลายมากมาย ต่างที่มา ต่างเหตุผล ผมชอบเหมารวมมาเป็นหนึ่งเดียวสำหรับการใช้ชีวิตของผม พี่เอกก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกันอย่างไม่ต้องสงสัย
สวัสดีครับน้องเปียโร่