ธรรมะในโรงพยาบาล


"ที่โรงพยาบาลนั่นแหละมีของดีเยอะ เป็นเหมือนโรงเรียน เวลาไป อย่าลืมดูตัวเกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่ในนั้นหมด"

วันนี้มีเหตุต้องไปเยี่ยมคนป่วยที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแถวๆ อนุสาวรีย์ฯ ถ้าเรามองในแง่ของการจัดสรรเวลาในการเดินทางไปทำงานหลายอย่างในที่เดียวกันก็คงจะเป็นการดี แต่กรณีของการไปเยี่ยมคนป่วยคราวเดียวกันถึง 2 ราย ใครๆ ก็คงไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น แค่นั้นยังไม่พอครับ ยังต้องไปเยี่ยมที่ "ห้องฉันเห็นเธอ" (ICU) แต่เธอไม่เห็นฉันอีกต่างหาก

เดินๆอยู่ก็นึกถึงคำสอนของครูบาอาจารย์ที่เกี่ยวกับโรงพยาบาลขึ้นมาเลยขอนำมา Show & Share

ท่านบอกว่า "ที่โรงพยาบาลนั่นแหละมีของดีเยอะ เป็นเหมือนโรงเรียน เวลาไป อย่าลืมดูตัวเกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่ในนั้นหมด"

" ดูข้างนอกแล้ว ย้อนมาดูตัวเรา เหมือนกันไหม ? "

คำสำคัญ (Tags): #ธรรมะ#โรงพยาบาล
หมายเลขบันทึก: 120713เขียนเมื่อ 19 สิงหาคม 2007 23:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

สวัสดีค่ะน้องข้ามสีทันดร

เป็นเรื่องที่หนักมากเลยค่ะหากต้องไปเยี่ยมคนรู้จักหรือคนใกล้ชิด ๒ คนใน ICU

การที่น้องยังระลึกถึงคำสอนของครูบาอาจารย์นั้นพี่ว่าน้องมีสติดีมากเลยค่ะ

พี่เองก็รู้สึกคล้ายๆ แบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่ใช่เหตุการณ์ในโรงพยาบาล พี่มักรู้สึกย้อนมาดูตน ตอนเห็นคนยากอยู่ข้างถนน

วันก่อนเดินข้ามสะพานลอยแถวที่ทำงานหลังจากเอารถไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องสักตอน ๗.๓๐ น. เห็นแม่ขอทานเอาลูกสักขวบนิดๆ มาด้วย เด็กใส่แต่เสื้อ กำลังเล่นของเล่นพลาสติกสีสดใสอยู่ตามประสาเด็ก

ตอนเย็นสัก ๔ โมงครึ่งพี่เดินกลับข้ามสะพานลอยตัวเดิมไปเอารถ...เจอแม่ลูกคู่เดิม คราวนี้ลูกนอนตักแม่ แล้วแม่กางร่มกันแดดที่ร้อนมากไว้ให้อยู่..

พี่เห็นแล้วก็ย้อนมาดูตัวเรา... เห็นความเหมือนในความเป็นมนุษย์ที่ร้อนหนาวเหมือนกัน แต่เห็นความแตกต่างของโอกาสในชีวิตมากๆ ก็ได้แต่ตั้งสติแล้วเดินต่อ แล้วก็แผ่เมตตาให้กับเด็กและแม่ของเด็ก...

ครับ...คุณกบ...

ข้อคิดดี ๆ นี้มีในหนังสือไตรรัตน์ 3 ที่คุณกบส่งมาให้ผมด้วยครับ อ่านแล้วยังจำได้อยู่ครับ...

เลยไปคัดลอกมาเพิ่มเติมให้ครับ...

โรงพยาบาลเป็นสถานที่บำบัดทุกข์ของมนุษย์เราอย่างน้อย 3 ประการ คือ...

       ชาติทุกข์...ความเดือดร้อนเวลาเกิด

       ชราทุกข์...ความเดือดร้อนเมื่อความแก่มาถึง

และ พยาธิทุกข์...ความเดือดร้อนในยามเจ็บไข้ได้ป่วย

ขอบคุณมากครับ...

สวัสดีครับพี่ดร.กมลวัลย์P

  • ดูจะเป็นเรื่องที่หนักเหมือนกันครับที่ไปเยี่ยมคนป่วยหนัก....คนหนึ่งเป็นญาติ อีกคนหนึ่งเป็นคุณพ่อของน้องที่ทำงานเก่าครับ
  • ผมตัดสินใจไปเยี่ยมไม่ผิดวันจริงๆครับ...ตอนนี้เหลือเพียง 1 ราย
  • คนยากที่มีให้เราเห็นบนสะพานลอยบ้าง ตามข้างทางบ้างดูจะเป็นสิ่งที่เราคุ้นชินกันมาพอสมควร แต่ถ้าเกี่ยวเก็บแล้วย้อนมาดูตัวเราอย่างที่พี่บอก นับว่าได้กำไรมากทีเดียวครับ...ขออนุโมทนาด้วยครับ
  • ผมขอแลกเปลี่ยนกลอนบางบทที่เคยบันทึกไว้นานแล้ว ตอนที่ไปฝึกงานที่อุดรธานีปลายปี 42 เกี่ยวกับการเห็นความเหมือนในความต่าง

       ...เมื่อมองเห็นความเหมือนในความต่าง
       จงเร่งสร้างความเพียรเรียนที่จิต
       ปฏิบัติภาวนาอยู่เป็นนิจ
       เพื่อพิชิตจิตหมองให้ผ่องใส...

 

 

 

สวัสดีค่ะ

  คุณสาธิตเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่อง บาร์โด มรณานุสติ ของธิเบตไหมคะ พอดี ดร.โสรัจจ์ -ดร.กฤษฎาวรรณ หงลดารมณ์ ท่านกรุณาให้หนังสือมา

     เป็นแนวทางของทางวัชรยาน

  อ่านดูแล้ว น่าสนใจ เจาะลึกไปว่า ขณะที่จิตกับกายกำลังจะแยกออกจากกัน จะเป็นช่วงที่ทุกข์ทรมานมาก

ดิน น้ำ ลม ไฟ กำลังจะแตกสลาย จะเหลือธาตุอยู่ 2 ธาตุ คือ ธาตุสีขาว ที่เป็นตัวแทนพ่อ และธาตุสีแดง ที่เป็นตัวแทน แม่ ธาตุสีขาวมาจับตรงกระหม่อม ธาตุสีแดง มาจับตรงสะดือ  ถึงตรงนี้ ทางการแพทย์ จะระบุว่า ตายแล้ว

    คุณพ่อของพี่เอง นอนหลับไป 2 วัน และตื่น มาขอน้ำทาน บอกง่วง ขอนอน เลยไม่กลับมา

  ตรงกับที่ทางธิเบต บอกว่า ในระยะ 3 วันอย่าเพิ่งเผา เพราะอาจกลับมาอีกได้ เป็นการไปจำศีล ซึ่งภาวะนี้ คนเป็นๆ ทำไม่ได้

   นี่ก็เป็นศาสนาพุทธ เหมือนกัน แต่คนละนิกายค่ะ

เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดา เราไปเยี่ยมให้กำลังใจ แนะนำสิ่งดีๆ อยากให้เขาพ้นทุกข์ค่ะ

แต่เมื่อการเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด ก็ขอให้เขาไปสู่สุคติ  ไปสวรรค์ ค่ะ

P

ใช่ครับ....ความเกิด ความแก่ ความเจ็บไข้ไม่สบาย  ความพลัดพรากจากสิ่งของหรือบุคคลอันเป็นที่รักที่ชอบใจ และสุดท้ายความตาย....นั้นเป็นทุกข์

มีตรรกะง่ายๆอยากแลกเปลี่ยนครับ...

พระท่านกล่าวว่า ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ต้องเกิดซิ จะได้ไม่ทุกข์ 

 

 

สวัสดีครับพี่ศศินันท์ P

  • ผมคุ้นๆชื่อของท่านอยู่เหมือนกันครับ ว่าท่านสนใจเรื่องราวของธิเบต ชมจากรายการเรื่องจริงผ่านจอ แต่ผมไม่เคยศึกษาเรื่อง บาร์โด ของธิเบตครับ
  • ชาวธิเบต มีศรัทธามากล้นต่อศาสนานะครับ ถ้าเรานำข้อดีตรงจุดนี้มาผนวกกับปัญญาแบบบ้านเราคงจะให้ผลการปฏิบัติที่ก้าวหน้านะครับ
  • วันนั้นผมไปเยี่ยมญาติและ ถามว่าจำหลวงปู่ดู่ได้ไหม เขาบอกว่าได้...เลยบอกว่านึกไว้บ่อยๆนะ....วันต่อมาก็ได้ข่าวว่า...เขาจากไปซะแล้ว...แทนที่ผมจะเสียใจ กลับดีใจที่ได้ใช้เวลาสั้นๆให้สติ และสังฆานุสติแก่เสี้ยวเวลาสุดท้ายของชีวิตคนคนหนึ่งที่ผมรู้จัก

แสดงความเสียใจด้วยครับ

             และเชื่อว่าเสี้ยวเวลาสุดท้ายของเขาคงเป็นเวลาที่ดีมีสติพร้อมที่สุดครับ

             

  • สวัสดีค่ะ  สบายดีนะค่ะ
  • "เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา...ที่ต้องเกิดกับทุกคน....พระท่านมักพูดเสมอว่า....ปลงเถอะโยม...ตอนมีชีวิตอยู่ให้หมั่นสร้างแต่ความดีเอาไว้ให้มาก ๆ
  • สวัสดีค่ะ ..
 พบเจอแล้วก็ได้คิด..  นะคะ

สวัสดีครับคุณ Sirintip P ...ที่นำพาคำพระมาฝากกัน...ขอบคุณมากครับ

สวัสดีครับคุณต้อมP 

  • ครับ....พบเจอแล้วได้คิด
  • เจอบ่อยๆก็ไม่ดีครับ แต่ถ้าคิดบ่อยๆ โดยที่ไม่ยังไม่เจอเจ๋งเป้งเลยครับผม
  • ขอบคุณมากครับ

 

 

  • สวัสดีค่ะ  คุณข้ามสีทันดร ..

เมนู  เอ๊ย!!  บันทึกที่อยากได้ค่ะ   ^_^

http://gotoknow.org/blog/naepalee/122012

ก่อนหน้านี้เคยทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ แต่ทำทางด้านคอมพิวเตอร์ก็เลยไม่ได้สัมผัสกับผู้ป่วยเท่าไรนัก แต่ก็ต้องเดินผ่านหรือต้องเห็นอยู่ตลอด ทำให้รู้สึกปลงค่ะ เห็นแล้วเกิดความสงสาร สังขารไม่เที่ยง ครั้งหนึ่งเคยเข้าลิฟท์ตอนเช้ามืดช่วงที่เวรเปลกำลังเข็ญศพลงมาจากชั้น9เพื่อนำมาไว้ห้องเก็บศพพอดี เราก็อยู่ในลิฟท์นั้นพอดีอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้พิจารณาเห็นเลยว่า คนเรานี้หนอ ก็มีเท่านี้ เกิด แก่ เจ็บ ตาย หากเราไม่เร่งปฏิบัติ เพียรภาวนา คงต้องวนเวียนอยู่อย่างนี้ไปอีกนานแสนนาน...

ว่าแล้วก็มุ่งปฏิบัติเอามรรคผลกันเถิดนะคะ ขอให้กุศลผลบุญเกิดแก่ทุกท่านผู้ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์นะคะ

  • สวัสดีค่ะ คุณข้ามสีทันดร
  • คนเราเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม
  • เจ็บป่วยเป็นทุกข้ ก็เข้าโรงพยาบาล เพื่อเยี่ยวยาให้พ้นทุกข์
  • หากเป็นไปได้ ไม่อยากให้มี  พยาธิทุกข์เลยค่ะ 

ยินดีด้วยครับ...คุณฝน

"ครั้งหนึ่งเคยเข้าลิฟท์ตอนเช้ามืดช่วงที่เวรเปลกำลังเข็ญศพลงมาจากชั้น9เพื่อนำมาไว้ห้องเก็บศพพอดี เราก็อยู่ในลิฟท์นั้นพอดีอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้พิจารณาเห็นเลยว่า คนเรานี้หนอ ก็มีเท่านี้ เกิด แก่ เจ็บ ตาย หากเราไม่เร่งปฏิบัติ เพียรภาวนา คงต้องวนเวียนอยู่อย่างนี้ไปอีกนานแสนนาน"...แบบนี้เขาเรียกว่าไตรลักษณ์ เดลิเวอรี่ ครับ อิอิ

P 

การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐครับป้าแดง

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับพี่กบ

  ผมอยู่กับความเจ็บป่วยทุกวันครับ

  แต่บางทีจิตก็ไปติดที่โรคอะไร จะรักษาอย่างไร

  จะได้ก็เมื่อมันกระทบความรู้สึกมากๆครับ

  เช่นการเสียชีวิต  การเจ็บป่วยรุนแรง

  ขอบคุณเรื่องราวดีๆครับ

  ทำให้ผมได้สติขึ้นมามากๆครับ

  เพราะช่วงนี้หลุดไปเยอะครับ

สวัสดีครับน้องหมอสุพัฒน์ P

  • การคิดเรื่องงาน ผมว่าจำเป็นต้องคิดนะ และไม่ถือว่าจิตไปติดอยู่กับเรื่องนั้น หากเข้าใจสิ่งที่พระท่านบอกว่า ทำงานด้วยจิตว่าง หรือ การบวชอยู่กับงาน
  • ส่วนเรื่องไตรลักษณ์นั้น แรกๆของคนวัดที่ฝึกปฏิบัติเราก็มักจะพยายามมองให้เห็น ตามคำพระที่ท่านเทศน์ แต่การที่พยายามมองนั่นแหละครับ คือ ศัตรูตัวร้ายที่จะทำให้ไม่เห็น ยิ่งเดินเข้าหา เหมือนยิ่งออกห่าง
  • หมั่นสะสมสติในชีวิตประจำวันธรรมดาๆนี่แหละครับ จะช่วยให้เห็นไตรลักษณ์เอง...รู้ตื่น รู้นั่ง รู้ยืน รู้เดิน รู้นอน รู้กิน รู้ขับถ่าย รู้คิด รู้พูด รู้ทำ ฯลฯ
  • หลวงปู่บอกว่า...ถ้าเรามุ่งมั่น และเพียรที่จะทำ ต้องสำเร็จ ไม่ใช่จะสำเร็จ...เป็นกำลังใจให้ครับ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท