อันที่จริง สยชช.เราก็ทำโครงการเกี่ยวกับหนังสือทำมือมานานนับปีแล้ว ส่วนใหญ่ผมก็จะเป็นฝ่ายเล่าเรื่องของพวกเขาให้คนอื่นๆรับทราบมาโดยตลอด
มาในระยะหลังๆนี่ พอเด็กๆเริ่มกล้าแสดงออกมากขึ้น แม้ว่าจะยังประหม่าอยู่ ผมก็จะพยายามดันเข้าร่วมเวทีประชุมต่างๆ ให้พวกเขาผู้เป็นเจ้าของผลงานที่แท้จริง ได้มาเล่าเรื่องราวต่างๆด้วยตัวเขาเอง
ผมตั้งใจมานานว่าจะเริ่มฝึกให้เด็กๆเป็นผู้นำสาส์นภายในจิตใจของพวกเขาออกมาเล่าสู่โลกภายนอกด้วยตัวเขาเอง วันนี้ก็ถึงโอกาสซะที
ยู่ยี่ เป็นเด็กหญิงชาวไทใหญ่วัยสิบสี่ปี กระฉับกระเฉง กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ เป็นหนึ่งในเด็กไทใหญ่ที่ยากจนมาก และครอบครัวมีปัญหาระหองระแหงแตกร้าวที่มาเข้าร่วมงานกับ สยชช.
ด้วยความที่เธอเป็นเด็กขยัน และใฝ่รู้ หลังจากที่เธอมาเข้าร่วมงานกับ สยชช. ไม่นาน เธอก็พัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว จนสามารถเป็นแกนนำในกิจกรรมต่างๆไม่ว่าจะเป็นโครงการวิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่นสิทธิเด็ก โครงการฝึกอบรมการป้องกันภัยทางเพศและวิชาไอคิโด
นอกจากนี้ เธอยังเป็นหนึ่งในแกนนำโครงการหนังสือทำมือของเราอีกด้วย
ยู่ยี่แวะมาที่ สยชช. ตั้งแต่บ่ายๆ เธอไม่สบายมาหลายวันแล้ว วันนี้นอนพักอยู่บ้าน หน้าตาดูผ่องใสกว่าเมื่อวานก็เลยแวะมาที่ สยชช. มองแววตาที่เปี่ยมศรัทธาของเธอก็รู้ว่าเธอมีน้ำใจอยากมาช่วยงาน ผมก็เลยชวนมาเขียนเปิดตัวหนังสือทำมือของเธอในบล็อกนี้เป็นเล่มแรกซะเลย
ยู่ยี่ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเขียนเรื่องราวเชิญชวนให้ผู้อ่านในเว็บ ตามไปรู้จักงานของเธอในหนังสือทำมือ ผมเองก็ช่วยเช็คภาษาให้เท่าที่จำเป็น และพยายามเปลี่ยนแปลงข้อความให้น้อยที่สุด
ภาษาของเด็กหญิงไทใหญ่วัยสิบสี่ปีคนนี้ แม้จะเป็นภาษาง่ายๆ พื้นๆ ไม่มีโวหารสละสลวย แต่ก็รุ่มรวยด้วยความจริงใจ ลองอ่านดูนะครับ
“ หนังสือทำมือเล่มนี้มีชื่อว่า “ตำนานนิทานพื้นบ้าน” แต่งโดย ด.ญ. ยู่ยี่ (ชื่อหนูเองค่ะ) กว่าจะมาเป็นหนังสือทำมือนี้ได้ทำเอาหนูน้ำตาแทบจะร่วงเลยค่ะ ที่น้ำตาแทบร่วงนี้ก็เพราะทางไปบ้านของแม่เฒ่านาตอผู้ให้สัมภาษณ์นั้นลำบ๊ากลำบาก และแม่เฒ่านาตอก็เล่าได้ซึ้งมากๆ แต่หนูก็มีความสุขดีที่ได้นำนิทานเกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ของตนเองมาทำเป็นหนังสือทำมือนะคะ
หนังสือทำมือเล่มนี้ มีจุดเด่นตรงที่เนื้อหามาจากเรื่องราวพื้นบ้านไทใหญ่ที่หนูดั้นด้นไปสัมภาษณ์มาเอง และการประยุกต์จากของเหลือใช้ ถึงปกจะไม่สวยแต่คิดว่าน่าจะได้เรื่องได้ราวบ้างนะคะ <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 72pt; text-align: justify" class="MsoNormal"> หนูคิดว่า ท่านผู้อ่านทั้งหลายคงจะไม่เคยได้อ่าน เรื่องราวจากหนังสือทำมือแบบนี้ แต่ถ้าอ่านแล้วน้ำตาอาจจะร่วงก็ได้นะคะ (สำรับคนบ่อน้ำตาตื้น)</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 72pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 72pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p><p> </p><p> </p><p></p><p> ท้ายสุดนี้ หนูอยากให้ผู้อ่านเขียนจดหมายมาถึงพวกหนูและน้องๆบ้าง และอยากให้ติดตามผลงานของพวกหนูเรื่อยๆนะคะ” </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal">เป็นอย่างไรบ้างครับ ข้อเขียนและรูปภาพจากหนังสือทำมือของเด็กหญิงคนนี้ …..</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal">ผมสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะพยายามนำหนังสือทำมือที่เด็กๆขยันทำ ออกมาเผยแพร่ทางบล็อกเดือนละสองสามเล่ม เผื่อว่าเสียงน้อยๆจากเด็กบนดอยเหล่านี้ จะดังไปให้ถึงที่สุด แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีบล็อกเป็นของตัวเอง อย่างน้อยก็ตอนนี้ จึงต้องอาศัย สยชช. ไปก่อน และด้านหนึ่งผมก็เลยกลายเป็นผู้กลั่นกรองข่าวสารที่จะส่งผ่านถึงเด็กๆด้วย </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p>ดังนั้น หากใครสนใจจะหยิบยืมไปอ่าน หรืออยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กๆเหล่านี้หรือมีข้อเสนอแนะอะไรเพิ่มเติม ก็สามารถคุยผ่านมาทางบล็อกนี้ได้ ผมจะก็อปปี้ไปให้พวกเขาดูอีกทีนะครับ
ว่าง ๆ จะแวะไปอ่านของจริงนะ น้อง ยอดดอย
สวัสดีครับ
อ่านสำนวลน้องยู่ยี่แล้วต้องอมยิ้มเลยครับพี่ ดูรูปเล่มแล้ว สีสันสดสวยเสียด้วยนะครับ ถ้านำเรื่องจริงๆ มาลงให้อ่านได้จะดีมากเลยครับ ขออนุญาติน้องเขาได้ไหมครับ?
ขอบคุณมากครับ