ประสบการณ์การแจ้ง 191


คืนนี้ผมโทรแจ้ง 191

เมื่อตอนประมาณ 01:40 ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วยไกลๆ ด้วยเสียงที่ตะเบ็งเต็มที่ว่า "ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย" พยายามมองดูก็ไม่เห็นอะไรเนื่องจากบริเวณนั้นมืดและเปลี่ยว มองไม่เห็นอะไร ไม่มีไฟรถให้เห็น

ก็โทรแจ้ง 191 แจ้งเหตุ แจ้งสถานีตำรวจในพื้นที่ และสถานที่เกิดเหตุไป ส่วนเบอร์โทรของเราเค้ามีอยู่แล้ว อีกสิบนาที ก็มีโทรศัพท์เข้ามา เข้าใจว่าเป็นตำรวจในพื้นที่ ผมก็ยืนยันเหตุที่แจ้ง และอธิบายถึงสถานที่

01:55 เห็นไฟรถมอเตอร์ไซค์เปิดขึ้น แล้วขับออกมาจากที่เปลี่ยว มองเห็นผู้ชายเป็นคนขับ และมีผู้หญิงซ้อนท้ายมา ผมนึกว่าถ้านี่เป็นผู้ร้ายคงรอดไปแน่

ในทันใดนั้นรถตำรวจก็เข้ามา ในขณะที่สวนกับมอเตอร์ไซค์ก็เรียกให้หยุด คิดว่าตำรวจคงเห็นว่ามอเตอร์ไซค์คันนี้ขับออกมาจากที่เปลี่ยวเหมือนกัน ตำรวจสองคนแยกกัน คนหนึ่งคุมผู้ชายกับมอเตอร์ไซค์ อีกคนหนึ่งเดินเดินแยกออกมากับผู้หญิง ได้ยินเสียง "ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรครับ" คงเป็นเสียงของตำรวจ

จากนั้นผู้หญิงกับตำรวจก็เดินดูสถานที่นั้น คล้ายๆ กับจะหาอะไรสักอย่างแต่ผมไม่แน่ใจ แล้วก็มีรถเปิดไฟกระพริบมาเสริมอีกสามคัน คุยอะไรกันสักพัก จากนั้นก็แยกกันไป ใช้เวลาทั้งหมดจากโทรแจ้ง 191 จนแยกย้ายประมาณครึ่งชั่วโมง

สรุปแล้ว ผมก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ แต่ดีใจอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่นิ่งดูดาย หวังว่าไม่มีใครเป็นอะไรครับ

บันทึกนี้ เดิมทีคิดจะเปิดให้อ่านเดี๋ยวเดียว แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วครับ

คำสำคัญ (Tags): #191
หมายเลขบันทึก: 153862เขียนเมื่อ 16 ธันวาคม 2007 02:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 21:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

สวัสดีค่ะคุณ Conductor

อ่านแล้วโล่งใจไปเปลาะหนึ่งค่ะอย่างน้อยก็ยังมีการมาตรวจดูที่เกิดเหตุ ภายในครึ่งชม. และ " หวัง " ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะคะ เพราะยังกังวลลึกๆถึงการค้นหายามค่ำคืนว่าจะมองเห็นสิ่งใดได้บ้าง

ขอบคุณสำหรับการไม่ดูดายที่เป็นตัวอย่างให้ทำตามได้อย่างดีนะคะ และลบความแคลงใจได้ว่าู้ผู้้พิทักษ์สันติราษฎร์ยังเป็นที่พึ่งได้เสมอถึงแม้ว่าจะ็มีโอกาสไม่ปลอดภัยได้สูงมากเช่นเดียวกันก็ตาม 

 

เคยโทรครั้งหนึ่งเหมือนกันค่ะ หลายปีแล้ว

ขึ้นสะพานพระราม ๙ เห็นรถเก๋งคันหนึ่งจอดเปิดประตูไว้แง้มๆ เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินไปที่ราวกันตก  ตรงๆ แถวๆ กลางสะพาน..ดูแล้วไม่ดีเลยค่ะ ตอนนั้นรถบนสะพานไม่มากนัก  ก็มีสองอย่างค่ะ จะโดดหรือดูวิว...คิดในใจว่าถ้าจะดูวิวก็ดูวิวกันในรถก็ได้... มัวแต่คิด..ไม่ได้จอดรถดู เพราะขับด้วยความเร็วพอสมควรตอนเห็นเหตุการณ์.. (๕๐-๖๐ กม/ชม)   ก็เลยตัดสินใจโทร..

ตอนนั้นเกือบหมุน ๙๑๑ แล้ว เพราะติดมาในหัวตั้งแต่อยู่ที่อเมริกา..สุดท้ายนึกได้ว่าบ้านเราเรียก ๑๙๑

มีผู้รับสาย..เราก็แจ้งเหตุตามที่เราเห็น แล้วก็บอกว่าเราเลยมาแล้ว ..ไม่ได้จอดดู...  สุดท้าย ก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรหรือเปล่าค่ะ

เห็นใจ ๑๙๑ เหมือนกัน เพราะบางทีก็อาจจะมีคนโทรแกล้งก็ได้... แต่สำหรับครั้งนั้นก็ไม่มีใครโทรกลับมานะคะ.. ไม่รู้เรื่องราวต่อไปเป็นอย่างไรเหมือนกัน..

เล่าแลกเปลี่ยนค่ะ 

ขอบคุณน้อง Conductor ครับที่เล่าประสบการณ์ที่น่าสนใจเช่นนี้ อย่างน้อยก็สะท้อนความพยายามเป็นคนที่ไม่ต้องการเห็นเหตุร้ายเกิดขึ้น เมื่อเราประเมินด้วยสติ วิจารณญาณแล้วว่าน่าจะทำในสิ่งที่ควรทำ ก็เป็นสิ่งที่ดี  ดีกว่าละเลยจนเกิดเหตุร้ายขึ้นมาครับ

บทเรียนนี้ก็ยืนยันเหมือนน้องเบิร์ดกล่าวว่า เป็นการทดสอบ 191 ด้วยว่ามีน้ำยาที่ประชาชนพึ่งได้จริงหรือไม่  ทดสอบด้วยเหตุการณ์จริง 

ขอบคุณสิ่งดีของเช้าวันนี้

สวัสดีค่ะ

เคยมีประสบการณ์อย่างนี้เช่นเดียวกันค่ะ และก้มีตำรวจมา อีกไม่นานค่ะ

โล่งใจ นึกว่า มีเหตุการณ์อะไร

สบายใจขึ้นค่ะ

ระบบ 191 เป็น call center/dispatcher ครับ เมื่อเราโทรแจ้ง 191 เขาจะเก็บรายละเอียด แล้วส่งต่อไปยังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ 

ถ้าต้องการความรวดเร็ว ก็ควรแจ้งสถานีตำรวจในพื้นที่ อาจจะลดเวลาได้ 5-10 นาที แล้วแต่ความซับซ้อนของเหตุการณ์; แต่ถ้าหากสถานีนั้นไม่ค่อยตอบสนองหรือมีข้อจำกัดอื่น การแจ้ง 191 น่าจะประสานกับหน่วยใกล้เคียงได้ดีกว่านะครับ

ส่วนเหตุการณ์เมื่อคืน ผมหวังว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรร้ายแรง วันนี้ไม่เห็นตำรวจมาแถวนี้อีก ก็คงไม่มีอะไรหรอกครับ

เรื่องที่น่าสนใจคือคนเราคิดอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

  • เป็นเหมือนหนังทีวี ที่ไม่ว่าจะอินขนาดไหนก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเรา  เกิดเหตุแล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
  • หรือว่าเป็นความเชื่อในความถูกต้อง ว่าสิ่งผิดและสิ่งไม่พึงปรารถนาไม่ใช่เรื่องที่ละเลยได้ แม้จะไม่เกี่ยวกับเราโดยตรง
เคยเห็นเหตุการณ์คนตีกันแล้วมีคนถูกแทง โทรแจ้ง 191 ผ่านไปสิบนาที ไม่เห็นมีใครมา เลยตัดสินใจไปเคาะประตูบ้านหลายๆ บ้านแถวนั้นที่สนิทกัน ช่วยกันพาคนเจ็บไปโรงพยาบาล จริงๆ จะพาไปเองก็ได้ แต่กลัว เลยต้องหาเพื่อนเยอะๆ หน่อย

สรุป...กลับมาที่บ้านผ่านไปชั่วโมงเศษจากเวลาแจ้ง ตำรวจพึ่งมา เราอดไม่ได้พูดว่าถ้ารอพี่มาคนเจ็บเขาตายไปแล้ว ส่วนคนร้ายป่านนี้ก็หนีไปต่างจังหวัดเรียบร้อย ตั้งแต่นั้นมาไม่เคยเชื่อถือบริการ 191 เลย ไม่เหมือนเมืองนอก ถ้าเหตุการณ์แบบนี้โทรกริ๊งไม่ถึงห้านาทีมากันพรึ่บ

สวัสดีปีหนูทอง ๒๕๕๑

ผมมาสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าครับ  ขอให้คุณ conductor จงมีแต่ความสุข ความเจริญ ในลาภ ยศ สรรเสริญ ปัญญา พลานามัย ตลอดไปนะครับ

ขอบคุณอาจารย์กรเพชรครับ แหมอาจารย์ล่อซะกลางบันทึก 191 เลยนะครับ

ขอให้อาจารย์และครอบครัว อีกทั้งผู้อ่านทุกท่าน ประสบแต่ความสุขความเจริญ สร้างสรรค์บัณฑิตที่มีคุณภาพออกมารับใช้สังคม ขอให้สุขภาพแข็งแรง ผู้ที่คิดร้ายมารผจญ ขอให้ตกน้ำป๋อมแป๋ม แพ้พ่ายมลายไปนะครับ

แวะมาเยี่ยมครับ ดีใจที่ยังมีคนดีที่ไม่ดูดายกับปัญหาสังคม นับถือคระบ

หมายเหตุ: ช่วงนี้ไม่เขียน blog คนเป็นนายหรือครบ รออ่านอยู่

ผมรู้สึกว่าสังคมไทยยังมีคนที่ไม่นิ่งดูดายอยู่มากครับ (แต่มักไม่ค่อยปรากฏเป็นข่าว และคนแบบนี้ก็มักไม่ค่อยต้องการเป็นข่าว)

ส่วน คนเป็นนาย นั้น เขียนตามประเด็นที่เห็น ในเวลาที่เห็น ถ้าหมออ่านอีกครั้ง อาจจะได้ข้อสรุปที่ต่างออกไป เพราะว่าเขียนให้คิด ไม่ได้เขียนให้เชื่อนะครับ เหมือนเป็นการรีไซเคิลความคิด -- มีคนทวงมาเยอะเหมือนกันจากนอก GotoKnow แต่ช่วงนี้งานเยอะครับ ถ้ามากไป ก็เป็นการเบียดเบียนตัวเอง คุณภาพ(ถ้ามี)อาจต่ำลง

ขอบคุณที่คุณ Conductor เปลี่ยนใจ คงบันทึกนี้ไว้นะคะ เรื่องดีๆไม่ค่อยมีคนเล่า (การทำงานฉับไวทันท่วงที การเอาใจใส่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือแล้วเป็นผลดี) 

เพราะเดี๋ยวนี้ได้เมล forward มาเตือนจากภัยลักษณะต่างๆที่แปลกๆ จนรู้สึกได้ว่า การรับข่าวสารมีผลกับการรับรู้ของเรามากนะคะ รู้แต่เรื่องไม่ดี ไม่น่าไว้ใจ ฯลฯ ทำให้ไม่มีใครอยากยุ่งกับใคร เพราะกลัวตัวเองจะเดือดร้อนกันไปหมด โลกคงน่าสงสารจริงๆที่ทุกคนต่างก็กลัวกันเองไปหมด เรื่องของการช่วยเหลือเกื้อกูลกันที่ควรจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาเลยกลายเป็นเรื่องแปลกไปซะแล้ว น่าเสียดายนะคะ  

วันนี้ 13/10/52 ได้แจ้งกับ 191 ว่ามีคนเล่นการพนัก บอกรายละเอียดว่าเล่น ที่ไหน เล่นกันอย่าง กี่คน แต่เมื่อแจ้ง เสร็จแล้ว สักพัก ก็มีโทรศัพท์กลับมา คิดว่าน่าจะเป็นตำรวจพื้นที่ เขาบอกว่าสถานที่อยู่ตรงนั้นใช่ไหม คือรู้จักสถานที่ดี ตายละหว่า ผมจะซวยไหม ผมจะซวยไหม ผมจะซวมไหม เขารู้เบอร์โทรศัพท์ของผม ผมเอง ลูกผม เมียผม ก็ยังต้องเดินอยู่ในซอยนี้ ข้อมูล จากตำรวจพื้นที่ผม ไม่แน่ใจ ความซวยจะมาหาครอบครัวผม ไม่น่าเลย กู

ดี ครับ ผม ชื่อ แมก ผมมี เพื่อน อยู่ คน หนึ่ง เป็น คน Myanmar ชื่อ Tung Aung เมือ ก่อน นาย Tung Aung ทำ งาน ที่ ก ท ม ที่ เดียว กับ ผม ตอนนี้ นาย Tung Aung กลับ ไป บ้าน แล้ว 2 วัน ก่อน ผม โทร หา

นาย Tung Aung คุย กัน ตาม ภาษา เพื่อน

จาก นั้น ผม คุย กับ เพื่อน ว้า ผม ทำ งาน เกบ เงิน ได้ เยอะ แล้ว จะ ออก รถ เร็ว ๆ นี้

เพื่อน บอก ว้าชื้อ รถแล้วระวังหาย ด้วยนะ ที่ บ้าน มัน

มี เยอะ มาก ที่ ขโมยมาจาก เมือง ไทย คน ไทย ขโมย แล้วขาย ไห้ คน มพ่า ถูก ๆ

รถ เมือง ไทย ทะ เบียน ยัง เป็น ของ ไทย อยู่ เลย มัน เห็น เยอะ มาก ที่ เมือง Tangyan

ไม่ ต่ำ กว่า ร้อย ดัน

ผม คิด ว้า รถ คนไทย ที่ หายไป มาก จะ ส่งไป ใช่ที่ Tangyan

ลอง ส่ง คน ไป หา ดู ครับ เมือง Tangyan of Myanmar

รถ คนไทย ที่ หาย ไป มี การ ชื้อ ขาย ที่ เมือง Tangyan Of Myanmar

เรื่อง ใหญ่ น่ะ ครับ

มี ทุก รุ่น ใน เมืองนี้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท