เริ่มจะพิจารณา มหาสุทัสสนสูตร


 

มหาสุทัสสนสูตร http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_line.php?B=10&A=3916

หลังจากที่ได้อ่านมหาสุทัสสนสูตรจบใหม่ๆ  ข้าพเจ้าก็ไม่ได้รู้สึกว่า สูตรนี้จะมีอะไรพิเศษ ก็เพียงแค่เป็นสูตรที่กล่าวถึงเรื่องของพระเจ้าจักรพรรดิพระองค์หนึ่งเท่านั้นเอง. ซึ่ง ไม่ใช่แต่สูตรนี้เท่านั้นที่กล่าวถึงพระเจ้าจักรพรรดิ  ที่แท้แล้ว ยังมีสูตรอีกหลายสูตรที่กล่าวถึง เป็นต้นว่า

จักกวัตติสูตร  กล่าวถึงพระเจ้าทัลหเนมิจักรพรรดิ เป็นเบื้องต้น แล้วไล่เรื่องมนุษย์อายุเสื่อมจนกลับเจริญ แล้วกลับเสื่อมมาถึง80,000ปี  ในคราวนั้นก็มีพระเจ้าสังขจักรพรรดิอุบัติ ทั้งยังมีพระเมตไตรยพุทธเจ้าด้วย

มนธาตุชาดก  กล่าวถึงพระเจ้ามนธาตุจักรพรรดิ ซึ่ง พิสูจน์เรื่องความอิ่มพอในกามสมบัติไม่มี  ท่านขึ้นไปเสพสมบัติเทวดาในร่างมนุษย์นี้ด้วย ทั้งที่จาตุมหาราช และที่ดาวดึงส์ แต่ก็ไม่อิ่ม สุดท้ายก็สิ้นพระชนม์.

มหาปนาทชาดก กล่าวถึงพระเจ้ามหาปนาทจักรพรรดิ ซึ่ง เป็นอดีตชาติของพระภัททชิ.

เรื่องเหล่านี้ อ่านแล้ว มาอ่านพระเจ้ามหาสุทัสสนะ ก็เป็นแนวคล้ายๆกัน.  แต่ก็มีปัญหาถามตนเองว่า แล้วมหาสุทัสสนสูตร มีอะไรที่แตกต่างจากเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าจักรพรรดิเรื่องอื่นๆ  อะไรเป็นเหตุให้พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องนี้ไว้.

เมื่ออ่านดู ก็เห็นรายละเอียดในหลายๆอย่าง เกี่ยวกับพระสูตรนี้บ้าง คือ การให้รายละเอียดเกี่ยวกับสภาพบ้านเมือง ค่อนข้างจะมากว่า ลักษณะโรงทานเป็นอย่างไร สระโบกขรณี กำแพง๗ชั้น ต้นตาลรัตนะทั้ง๗ชนิด พระราชวังหรือธรรมปราสาท.  และขนาดของบ้างเมือง สิ่งของที่ให้ไว้ในโรงทาน.  ทำไมพระพุทธเจ้าถึงตรัสไว้ละเอียดเป็นพิเศษ.

และมีอีกที่จักกวัตติสูตร ที่ตรัสเป็นสูตรยาวอีกสูตรหนึ่งด้วย.  นี่มันอะไรกันนี่?

ข้าพเจ้าพยายามจินตนาการถึงผังเมืองกุสาวดีราชธานีว่า น่าจะมีผังอย่างไร? เพื่อจะได้เข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวกุสาวดี และเข้าใจวิธีการปกครองของพระเจ้ามหาสุทัสสนะ แล้วน้อมกลับมาทำความเข้าใจกับพระพุทธประสงค์ว่า พระองคประสงค์สิ่งใด จึงได้ตรัสสูตรนี้ไว้อย่างนี้.

แต่ ก็ไม่อาจจะวางผังสิ่งก่อสร้างในกุสาวดีราชธานีได้.  เพราะไม่รู้ว่า ป่าตาลรัตนะนั้น ตั้งอยู่อย่างไร  สระโบกขรณีมีกี่สระ โรงทานมีลักษณะอย่างไร ธรรมปราสาท กำแพงรัตนะ ประตูเมือง ..  สิ่งเหล่านี้ ไม่ละเอียดพอที่จะนำมาทำเป็นผังเมืองได้

มันจึงเป็นปัญหาคาใจอยู่ในเรื่องนี้ แต่ตอนนั้นก็คิดพิจารณาค้างอยู่แค่นั้น คือ ตอบปัญหาในรายละเอียดให้ตนเองได้เพียงบางส่วน แต่ส่วนใหญ่ ยังไม่รู้.  นี่สำหรับรายละเอียด.  แต่เนื้อความนั้น ก็เหมือนกับคนอื่นๆ  ตัวหนังสือมีแค่ไหน อ่านพบแค่ไหน มันก็รู้ไปแค่นั้นเหมือนกัน.

แต่ที่พยายามพิจารณา เพราะอยากจะรุ้เห็นยิ่งไปกว่านั้น จึงต้องอาศัยจินตนาการ เพราะจินตนาการ มันเป็นปัญญาในวิสัยที่เกินสุตตะ.  แม้ความแม่นยำจะน้อยกว่าปัญญาจากภาวนา และระยะเวลาที่ใช้ในการสะสมจินตามยปัญญาเพื่อตอบปัญหาหนึ่งๆ ใช้มากกว่าภาวนามยปัญญา.  แต่ตอนนี้ มันมีเครื่องมือแค่นี้ ปัญญาจากภาวนามันไม่สูงนัก แต่มีกำลังจินตนาการสูง จึงใช้เครื่องมือเท่าที่ตนมี

มาตามดูกันต่อไป

 
คำสำคัญ (Tags): #มหาสุทัสสนสูตร
หมายเลขบันทึก: 154056เขียนเมื่อ 17 ธันวาคม 2007 00:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม 2012 01:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ดูกรอานนท์ สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้แล สังขาร

ทั้งหลายไม่ยั่งยืนอย่างนี้แล สังขารทั้งหลายไม่น่ายินดีอย่างนี้แล ดูกรอานนท์

ข้อนี้ควรจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งหลายทั้งปวงทีเดียว ควรที่จะคลายกำหนัด ควร

เพื่อจะหลุดพ้นไป ดูกรอานนท์ เราย่อมรู้ที่ทอดทิ้งร่างกาย เราทอดทิ้งร่างกายไว้

ในประเทศนี้ การที่เราเป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ทรงธรรม เป็นพระราชาโดยธรรม

เป็นใหญ่ในแผ่นดินมีมหาสมุทร ๔ เป็นขอบเขต ชนะแล้ว มีอาณาจักรมั่นคง

สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ การทอดทิ้งร่างกายไว้นี้ นับเป็นครั้งที่เจ็ด ดูกร

อานนท์ เราไม่เล็งเห็นประเทศนั้นๆ ในโลก ทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก

ในหมู่สัตว์ทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ที่ตถาคตจะทอดทิ้งสรีระไว้เป็น

ครั้งที่แปด ดังนี้ ฯ

เหตุผลที่ทรงมากุสินารา

1. โปรด สุภัททะปริภาชิก สาวกองค์สุดท้าย

2. เรื่องการแบ่งพระสารีธาตุไม่ให้ทะเลาะกัน

3. อานนท์ เธออย่าพูดอย่างนั้น.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เธอไม่ควรพูดว่า นี่นครเล็ก ความจริง เรา

ตถาคตมาที่นครนี้ ด้วยความอุตสาหะอย่างใหญ่ ด้วยความบากบั่นอย่างใหญ่

ยืน นั่ง หลายครั้ง ก็เพื่อจะกล่าวถึงสมบัติของนครนี้โดยแท้

ขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท