โอ้กุศล.....16 ธันวาคม 2550


คุณคิดไหมว่า...คนเราจะได้ไปวัดด้วยกันคงเพราะเคยทำกรรมดีๆ ร่วมกันมาบ้าง..ไม่ชาตินี้ก็ชาติก่อนๆ โน้น..

...

อย่างเนี่ย...

จู่ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากน้าอึ่งอ๊อบ ผู้เป็นเจ้าของบล็อก สรรหามาเล่า บอกเล่าว่าท่านครูบามาเชียงใหม่ ว่างก็มากินข้าวด้วยกันมื้อกลางวัน....แล้วจะพลาดได้อย่างไรคะ....คราวก่อนท่านมา ก็ พาเราเที่ยว พาไปให้หูตาสว่าง ได้ไปพบเห็นสิ่งที่ดีงาม ที่ดิฉันเคยตาบอดตาใสมองข้ามด้วยความไม่รู้เรื่องรู้ราว เมื่อท่านมาคราวนี้...คิดแค่ว่าต้องดีแน่ๆ ..

กินข้าวซอย และทับทิมแสนอร่อย ....แล้วก็ขับรถกลับ...พอมองเห็นวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อะไรดลใจไม่รู้ ถามครูบาว่า แวะวัดนี้หน่อยไหมคะ...จะพาไปชมส้วม....แหะๆ....

วัดพระสิงห์ฯวันอาทิตย์ นักท่องเที่ยวเยอะแยะไปหมด...แต่วัดก็ยังสงบงาม

%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b9%8c1%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b9%8c2%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b9%8c3%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b9%8c4

 

เดินจนทั่ว....ถ่ายรูปจนจุใจ....ในบรรยากาศร่มรื่น สบายตา สบายใจ....

ใต้ร่มไม้มีเก้าอี้ให้คนมานั่งอ่านหนังสือ ทำสมาธิ อย่างสงบเย็น

"ความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมของที่ไหนต้องดูที่วัด...เพราะวัดจะอยู่ได้ต้องอาศัยคนที่อยู่ช่วยกันดูแล...วัดนี้สวยงามและแสดงถึงความเจริญของวัฒนธรรมของคนเชียงใหม่ที่มีมาช้านาน....ถ้าจะให้ดีไม่ควรจะให้มีมาขายของกับจอดรถข้างๆวิหารนี้......" ครูบาเปรยขึ้นภายหลังเดินดูจนทั่ววัด

"ดูซินักท่องเที่ยวใส่รองเท้าขึ้นข้างบนวิหาร น่าจะถอดไว้ข้างล่าง...ใส่กางเกงขาสั้นด้วย...." เสียงบ่นเบาๆ ของน้าอึ่งอ๊อบ เมื่อสายตาไปปะทะนักท่องเที่ยวสตรีไทยกลุ่มหนึ่งที่แต่งกายไม่สุภาพเข้าชมวัด

 

วัดพระสิงห์แม้จะอยู่ในช่วงบูรณะแต่ก็ไม่ได้ละเลยศิลปะโบราณและไม่ได้สร้างถาวรวัตถุทันสมัยเกินจำเป็น...แต่สิ่งที่ยังต้องดำเนินการต่อคือการจัดระเบียบรถที่เข้ามาชม และการห้ามการขายของในบริเวณโดยรอบพระวิหารหลวง

 เดินกันเพลินจนเกือบลืมวัตถุประสงค์ของการไปวัดคราวนี้....(ก็ดูส้วมน่ะค่ะ)......ครูบาบอกว่าเกือบได้นั่งเครื่องบินกลับมาดูซะแล้ว....อิอิ

 

จากวัดพระสิงห์เหลือเวลาไม่มากพอที่จะไปวัดนอกเมือง....งั้นไปวัดสวนดอกนะอาจารย์สร้อย....ไปไหว้พระเจ้าเก้าตื้อนะคะ.....น้าอึ่งอ๊อบบอก...

วัดสวนดอกวันอาทิตย์ มีผู้คนแวะเวียนและแว่วเสียงดนตรีซอล้อซอซึง.....

ทุกบ่ายวันอาทิตย์ พ่อครูดนตรีและการฝีมือทั้งหลายมารวมตัวกันเปิดสอนการเล่นดนตรีพื้นเมือง การทำโคมยี่เป็งให้กับเด็กๆ และผู้สนใจ....สอนกันบนวิหารใหญ่ นั่งเสื่อด้านข้าง สั่งสอนและลงมือปฏิบัติ....วัฒนธรรมที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น..บนวิถีที่เรียบง่าย ร่มรื่น...สงบ

%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%aa%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%aa%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%812

 "มาเห็นวัดสวนดอกนี้ รู้สึกได้เลยว่าเชียงใหม่มีความเป็นเอกราชยิ่งใหญ่มาก"  วาทะสั้นๆ ของครูบา....ที่ชวนให้ลูกหลานชาวเชียงใหม่ต้องหวนมาคิดและมอง..ปัจจุบันเราได้ทำอะไรหรือยังที่จะดำรงความเป็นเอกราชสืบทอดวัฒนธรรมอันดีงามที่บรรพบุรุษแห่งล้านนาเคยสร้างไว้ให้  และเราจะสืบต่อไปถึงลูกหลานได้อย่างไร....

 

กราบขอบพระคุณครูบาสุทธินันท์ %e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b9%8cที่มาแวะเยือนเชียงใหม่ 16 ธันวาคม 2550 และกราบขอบพระคุณในความเอื้ออาทร ให้ความรู้ความคิด ต่อการทำนุบำรุงและรักษาไว้ซึ่งศิลปะวัฒนธรรม อันเป็นมรดกของชาติที่ชาวเชียงใหม่และชาวไทยควรหวงแหน

 

 ท้ายบันทึก....

เมื่อความทันสมัยต่างๆ ไหลบ่าเข้าสู่เชียงใหม่อย่างต่อเนื่องและรุนแรง....

ความเจริญทางวัตถุที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงทางสังคม ผลักดันให้ผู้คนกระโจนเข้าสู่ความแข่งขัน ความรีบเร่งและต่อสู้ดิ้นรนเพื่อการอยู่รอด.....คนเชียงใหม่จะทำอย่างไรถึงจะเก็บถนอมความเจริญทางจิตใจ ความสงบเย็นด้วยแรงธรรม และความละเอียดอ่อนของศิลปะล้านนาอันงดงามไว้ได้...พร้อมๆกับนำทางให้กับนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ทราบขนบธรรมเนียมปฏิบัติ...ให้เข้าใจและคิดถนอมความดีงามนี้ไปพร้อมๆกัน...

หมายเลขบันทึก: 154155เขียนเมื่อ 17 ธันวาคม 2007 13:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)
  • สวัสดี อ.สร้อยค่ะ ตามมาจากบันทึกพ่อครูบา
  • แวะมาไหว้พระ สงบจิตสงบใจด้วยคน
  • เฮ้อ ช่วงนี้งานแสนยุ่ง ไม่มีเวลารักษาใจเลยค่ะ
  • อ่านบันทึกของอาจารย์แล้วได้ความแช่มชื่นสบายใจ จากบรรยากาศของวัดกลับไปด้วยนะคะ
  • ธุ อาจารย์สร้อยค่ะ..

ตามมาไหว้พระด้วยคนค่ะ  ^_^

เมื่อความทันสมัยและความเจริญล้ำไหลบ่าเข้าสู่เชียงใหม่    ..ความสงบเย็น  ร่มรื่น ตลอดจนวิถีชีวิตเรียบง่ายบางอย่างก็พลันลบเลือนหายไป

  • คุณเพื่อนจ๊ะ
  • ขอบคุณที่เขียนให้อ่าน ชอบๆๆ
  • จะบอกว่าเดี๋ยวนี้ฝึมือถ่ายรูปของคุณเพื่อนเยี่ยมเลยนา  สวยทุกรูปเลย ชอบรูปที่ถ่ายผ่านหน้าต่างเป็นพิเศษ
  • วันหลังชวนครูบามาทัวร์วัดเชียงใหม่กันให้ทั่วนะ  มีอีกตั้งหลายวัด น่าไปทั้งนั้น
  • คุณสร้อยที่คิดถึง

เมื่อไรที่มองภาพของวัด พระพุทธรูป ความสงบก่อเกิดในจิตใจอย่างเป็นสุขจริง ๆ นะค่ะ

ต่อความรู้สึกนี้ ..

ความเจริญทางวัตถุที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงทางสังคม ผลักดันให้ผู้คนกระโจนเข้าสู่ความแข่งขัน ความรีบเร่งและต่อสู้ดิ้นรนเพื่อการอยู่รอด.....คนเชียงใหม่จะทำอย่างไรถึงจะเก็บถนอมความเจริญทางจิตใจ ความสงบเย็นด้วยแรงธรรม และความละเอียดอ่อนของศิลปะล้านนาอันงดงามไว้ได้...พร้อมๆกับนำทางให้กับนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ทราบขนบธรรมเนียมปฏิบัติ...ให้เข้าใจและคิดถนอมความดีงามนี้ไปพร้อมๆกัน...

... สาธุ สาธุ สาธุ ขอให้ขยายผลไปทั่วทั้งประเทศด้วยเถิด

  • อยากไปบ้าง
  • ฮือๆๆ
  • พ่อหนีเที่ยว
  • ไม่ยอมชวน
  • อยากไปๆๆๆๆ

สวัสดีค่ะ อาจารย์

  • เห็นด้วย กะ อาจารย์อึ่งค่ะ ว่าถ่ายรูปสวยขึ้นเยอะเลย มุมมอง ก็แปลกดีด้วย
  • เห็นด้วย กะ อาจารย์ขจิต อยากไปเชียงใหม่ อยากไปแบบฝังตัวอยู่วัฒนธรรมและวิถีชีวิตผู้คน หลังจากที่เคยเที่ยวแบบชะโงกทัวร์และตับแล้บ
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณ Naree suwan

  • ขอให้มี "แฮงใจ๋" ไปทำงานต่อนะคะ...แฮงบุญค้ำจุนเน้อเจ้า

สวัสดีค่ะ น้องต้อม เนปาลี

  • สมัยพี่ยังเด็ก..(เริ่มแบบนี้แปลว่าแก่...อุอุ)...จะไปวัดสวนดอกเป็นเรื่องยาก..เพราะบริเวณนั้นถือว่าเป็นเขตนอกเมืองไกลชุมชน...มีแต่ต้นฉำฉา ...เลยจากวัดสวนดอกไปทาง มอชอ จะมีแนวต้นพะยอม สลับกับดงฉำฉา....นานๆ จะมีชาวบ้านเอาเห็ด วางบนใบตองตึง หรือเอาของป่ามาวางขายริมทางแบกะดิน...
  • ไม่กี่ปีจากวัยเด็ก (แสดงว่ายังไม่แก่มาก..อิอิ) ไปวัดสวนดอกง่ายดาย...แต่กลับไม่ค่อยได้ไป...แฮ่ม!

พูดเรื่องแก่เลยลืมเลยว่า จะยังไม่กดบันทึกจนกว่าคุยกับทุกๆท่านที่มาฝากรอยประทับไว้....อิอิ

 

สวัสดีค่ะ คุณเพื่อน dd_L  และป้าแดง

  • อิอิ..ขอบคุณค่ะที่ชมว่าถ่ายรูปดีขึ้น มุมกล้องดีขึ้น
  • เคล็ดลับคือ....แต่น...แต้น....แต้น...เดินตามท่านครูบา ท่านยืนตรงไหนยกกล้องกด...อิฉันก็ยกกล้องกดตาม....เลยได้รูปสวยฉะนี้แล....(แอบเรียนลัดค่ะ).....^^

สวัสดีค่ะ คุณ Moo

  • ดีใจยิ้มแป้นเลยค่ะ ที่คุณ Moo มาเยือน....
  • เมื่อไหร่มาเชียงใหม่..บอกด้วยนะคะ...จะพาตะลอนไปวัด....(อิอิ....พาเที่ยววัดเป็นอยู่อย่างเดียวเท่านั้นเลยเรา)
  • ไม่ใช่เพราะธรรมะธรรมโมหรือรู้เรื่องวัดนะคะ...แฮ่ๆ ...

 

สวัสดีค่ะ อาจารย์น้องขจิตศิษย์ครูบา..

  • คราวหน้าก็มากับครูบาซิคะ...(ได้เที่ยววัดแน่นอน...อิอิ)

 

สวัสดีครับพี่สร้อย

ครั้งนี้เลยไม่มีโอกาสได้ต้อนรับคุณพ่อเลยครับ

ที่ปายก็ไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเท่าไหร่...หลังช่วงไฮ ผมจะขอหลบไปที่ไหนก็ได้ไกลๆสักแห่ง

วัดสวนดอก เป็นวัดที่ผมไปบ่อยๆครับ ที่สำคัญก็คือไปนมัสการพระเจ้าเก้าตื้อ มีเรื่องมหัสจรรย์เกิดขึ้นกับผมด้วย มีโอกาสจะเล่าให้ฟังครับ

ขอบคุณที่ช่วยดูแล คุณพ่อครับ

สวัสดีค่ะ น้องเอก...

อยากฟังเรื่องมหัด สะ จอ รอหัน การันต์ ยอ ของน้องเอกเจ้า

คราวนี้ไปวัดระดับ วรมหาวิหาร 2 วัดในครึ่งวัน ถ้ามีโอกาสคงได้ไปอีกแถมหลายวัดเจ้า

สวัสดีค่ะ

          พ่อแอบหนีลูกหลานใต้ ไปแอ่วเหนือนี่เอง

อิอิ

สวัสดีครับอาจารย์ครับ

ได้อ่านแล้วนึกภาพออกชัดแจ้งอยู่ครับ

สมัยเป็นนักเรียน SPN เช่าบ้านอยู่หลังวัดพระสิงห์

พอเรียนจนมาเช่าห้องอยู่ข้างวัดสวนดอกครับ

ไปแอบท่องหนังสือในวัดทั้งสองแห่งบ่อยๆครับ

เป็นห่วงเชียงใหม่เหมือนกันครับ อยากให้คงไว้เหมือนหลวงพระบางท่าจะดี แต่คงยาก เพียงแค่รักษาวัดในเขตคูเมืองไว้ไม่ให้อะไรมาบดบังก็ดีมากแล้วครับ

สวัสดีค่ะ คุณรัตติยา

  • ครูบาคงไปปักษ์ใต้เร็วๆนี้...คงอยากอุ้มหลานต้นไม้หลานแห่งชาติด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณpaleeyon

  • บรรยากาศเดิมๆ หายไปหมดแล้วค่ะ....แถวหลังวัดสวนดอกด้านในๆ บ้านเยอะแยะแล้ว.....แต่ก็ยังดูดีกว่าแถววัดอุโมงค์นะคะ...แถวนั้นกลายเป็นย่านคอนโดไปเยอะเลย
  • เคยได้ยินคนไปแอ่วลาวบอกว่า หลวงพระบางเหมือนเชียงใหม่เมื่อซาวสามสิบปี๋ก่อน....จะเป๋นอย่างนั้นแต้ก่อเจ้า

สวัสดีค่ะ คุณเพื่อน dd_L

  • ขอบคุณค่ะ...แวะไปแล้ว รูปงามขนาดเลย....คุณครูถ่ายรูปเก่ง เขียนเก่ง แต้ๆ ....คุณครูเก่งๆ กันทุกคน...ขอชมแต้ๆเลยจ้า
  • ธุ อาจารย์สร้อยค่ะ..

ตอนเป็นเด็กนั้น..(( น่าจะราว 20 กว่าปีที่แล้ว   เหมือนยังเพิ่งผ่านมาไม่กี่วันนี้เอง  อิอิ ))  ต้อมนับว่าเป็นเด็กวัดอยู่    ด้วยแวะเวียนไปวัดกับแม่บ่อยๆ ในวันพระ หรือไปร่วมกิจกรรมในเทศกาลใดๆ    หรือไม่ก็ติดสอยห้อยตามพ่อที่นับว่าเป็นช่างภาพ (( ประจำหมู่บ้าน ))    บางทีก็ปั่นจักรยานไปบ้านยายที่อยู่หมู่บ้านติดๆ กัน    ซึ่งส่วนมากก็จะไปตามหายายเจอได้ที่วัดประจำหมู่บ้านนั้น    ต้อมชอบมากกับการได้ไปวัด    เพราะวัดในสายตาต้อมช่างดูเงียบนิ่ง..สงบเย็น..แถมยังมีเสียงระฆังแว่วดังเป็นครั้งคราว    ตลอดจนต้นไม้ใบหญ้าที่ร่มรื่น   เรื่องเล่าเกี่ยวพุทธประวัติ    เสียงสวดมนต์   แม้กระทั่งสีเหลืองของจีวร    ทำให้รู้สึกว่าวัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เหลือเกิน  

แต่พอโตขึ้น..((  20 ปีหลังจากนั้นที่ยังเป็นเด็ก  อิอิ  ))    วัดก็ยังคงเป็นวัด    เพียงแต่ต้อมไม่มีโอกาสได้เข้าวัดเลย    ทำให้เป็นคนไกลวัดไปโดยปริยาย    และวัดจากที่ต้อมมองเห็นด้วยสายตาก็เริ่มเปลี่ยนไปจากเดิมมากจนต้อม"รู้สึก"

 

วัดสวนดอก .. มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ต้อมไปเรียนภาษาอังกฤษช่วงค่ำที่นั่น    จึงนับว่าไปบ่อยค่ะ   อาทติย์ละ 2 - 3 ครั้ง   แต่ในเวลาค่ำ   มันมืดเสียจนต้อมมองอะไรไม่เห็น    เลยไม่ได้ยลวัด

วัดพระสิงห์ .. ก็ไปไม่ค่อยบ่อยค่ะ    นานๆ ไปครั้ง  

แต่โดยส่วนตัวแล้วต้อมก็ยังชอบ "วัด" อยู่ดี   แน่ะ..ดูจากหน้าตาแล้วไม่อยากเชื่อใช่ไหมล่ะคะ  อิอิ

สวัสดีค่ะน้องต้อม ....

อิอิ...ชอบๆๆ อยากฟังเรื่องเล่าวัยเด็กๆ กับคุณยายอีก....

ยายของพี่ ตัวห้อมหอม ทั้งๆที่ไม่ใช้น้ำหอมเลย สบู่ก็แสนจะธรรมดา ตรานกแก้ว ผมก็ใช้น้ำมันมะพร้าวลูบเล็กน้อย แล้วเกล้ามวยเสียบ "หย่อง" คือปิ่นสองขาทำด้วยเหล็กสีดำ ตอนเช้ากับเย็นยายจะไหว้พระสวดมนต์ ยายให้คาถากันผีกับพี่ด้วย...แหะ ๆ

ยายอาบน้ำวันละครั้งเดียวตอนกลางวัน เพราะเชียงใหม่เมื่อก่อนหนาวมากๆ ต้องเอาปีบใส่น้ำวางกลางแดดจัด พอบ่ายคล้อยก็หิ้วไปให้ยายอาบ หน้าหนาวอย่างนี้เช้าๆ จะตั้งเก้าอี้กลางแดดให้ยายนั่ง "ผิงแดด" สมัยนั้นเขาเล่าว่า (เขาเล่าว่าแปลว่าไม่รู้จริงไหม) ว่า แถวฝาง จะมีอาชีพในฤดูหนาวคือ "อุ้มคนแก่ผิงแดด" ...อิอิ

ยายของพี่นอนวัดวันพระด้วยนะ...เดี๋ยวนี้ก็ยังพอมีคนไปนอนวัดวันพระเพราะเขาจะทำวัตร ปฏิบัติธรรมกันค่ะ

 

  • อาจารย์สร้อย คะ..

ต้อมก็ตั้งใจจะเขียนบันทึกเล่าเรื่องยายค่ะ    แต่ยังไม่มีโอกาส    ยายของต้อมก็เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มีกลิ่นตัวห๊อมมม - หอม ไปด้วยกลิ่นน้ำมันมะพร้าว    หอมอย่างที่สมัยนี้ไปหาดมเอากับใครไม่ได้เสียแล้วนะ  อิอิ   ต้อมชอบนอนกลางวันใกล้ๆ ยาย    จับมือยายมาคลึงเล่น   ก็เนื้อตัวเหี่ยวย่นนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นได้อย่างไรก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน    ประหลาดดีแท้     ยิ่งยายเล่าเรื่องราวเก่าๆ นั้น    ต้อมจะมีความสุขมาก   

พอถึงหน้าหนาว    ยายก็จะมานอนค้างบ้านต้อมน่ะค่ะ    คงเพราะบ้านต้อมอุ่นล่ะมั้ง       

คิดถึงยายค่ะ    ....

เขียนเลยค่ะ น้องต้อม...

น้องต้อมรู้ตัวไหมว่า น้องต้อมเป็นคนเขียนเรื่องเล่าได้น่าอ่านมากๆ ...เล่าเรื่องราวของชีวิตก็น่าอ่าน เล่า อารมณ์ความรู้สึกก็ละเมียดน่าอ่าน เล่าเรื่องราวของหนังสือก็น่าอ่าน...

ดังนั้น(แหม..เขียนคำๆนี้รู้สึกเป็นงานเป็นการเน๊อะ) เขียนนะคะ...นะคะ...ป้าขอร้อง...อิอิ

  • อาจารย์สร้อย คะ..

ขอบคุณค่ะสำหรับคำชมและลูกยุ   ก็อยากจะเขียนค่ะ   แต่ต้อมขี้ลืมเสียด้วย

เรื่องยายน่ะก็พอจำได้ลางๆ เลือนๆ   มันเหมือนภาพสลัวๆ   จำได้ว่าวันพระก็จะตามหายายเจอที่ในวัดเพราะยายไปนอนวัด    ต้อมก็จะรอหิ้วของยายเดินกลับบ้านยายด้วยกัน    หรือเวลานอนค้างที่บ้านยายต้อมก็มักจะนั่งรอยายสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนที่ห้องพระ((นานมากกกกกกก))   เอ..หรือเพราะเป็นแบบนี้นะ  เลยชอบฟังเสียงสวดมนต์และไหว้พระได้เองโดยแทบจะไม่รู้ตัว   

ต้อมชอบฟังคนมีอายุเล่าเรื่องราวที่คนวัยอย่างต้อมไม่มีโอกาสได้รู้ - ได้เห็น น่ะค่ะ   ยายต้อมเคยเล่าเรื่องเงือก  เรื่องโน้น - เรื่องนี้ เยอะแยะ   แต่นั่นล่ะค่ะ  ต้อมจำไม่ได้   เสียดายเหลือเกิน    แต่ความรู้สึกอุ่นๆ มันอยู่ตรงที่ "รู้สึก"

คงเพราะคุยกันเรื่องวัด    ซึ่งทำให้นึกถึงยายเนอะคะ  

สวัสดีค่ะ น้องต้อม....

เรื่องคุณยาย คุณตา และวิธีสอนของท่านๆ นั้น เป็นเรื่องน่าศึกษานะพี่คิดว่า....เราจะไปว่าโบราณหรือ ก็คนยุคนั้นกลับใช้วิธีเล่าเรื่อง เล่านิทาน แล้วแถมท้ายด้วยคติสอนใจ ...ส่วนมากก็มาจากนิทานอิสปและเรื่องราวในพระไตรปิฎก...

พี่จำได้ว่า เคยฟังนิทานดาวลูกไก่ในวงรอบกองไฟหน้าหนาวที่เราก่อไว้ผิงและย่างข้าวหลามกินกันกลางคืน...ยังจำบรรยากาศที่หนาว หน้าและตัวที่หันเข้าหากองไฟอบอุ่น และเด็กๆ ก็พยายามมองหาดาวลูกไก่บนฟ้า....ที่เป็นดาวของความรักระหว่างแม่และลูก....

เป็นวิธีเรียนจริยธรรมกลางธรรมชาติเลยค่ะ...^^

  แวะมาสวัสดีปีใหม่ค่ะ

  ขอให้ท่านอาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงนะคะ

  เชิญรับPostcard: กระดาษแผ่นเล็กๆที่บอกเล่าเรื่องราวจากหัวใจ ได้เลยนะคะ

 

ขอบคุณค่ะ....คุณ Naree

ขอให้พรอันประเสริฐเป็นของคุณ Naree เช่นกันค่ะ

พี่สร้อยขา

หนิงทำหน้าที่  กินเผื่อแล้วนะคะ  อิอิ  แต่หนิงสู้สะเดาหวาน ไม่ไหวค่ะ  เลยกินสลัดผักฝีมือน้องราณีเผื่อเยอะมากๆเลยค่ะ

และขอส่งความสุขตลอดทั้งเทศกาลส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ 2551 นะคะ

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท