ได้กล่าวไว้บางส่วนเกี่ยวกับการสร้างภาพยนต์ประวัติศาสตร์ของเขมร
โดยการสร้างของสมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ อดีตกษัติริย์แห่งกัมพูชา
......................
ต่อมาเมื่อกองทัพเวียดนามได้ถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากกัมพูชาในช่วงปี
1989 (พ.ศ.2532) อันเป็นการปูทางไปสู่การเจรจาสันติภาพระหว่างเขมร 4
ฝ่าย ซึ่งรวมถึงรัฐบาลที่กรุงพนมเปญ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีฮุน
เซน ด้วยนั้น และการเจรจาก้ได้มาบรรลุผลด้วยการลงนามในข้อตกลงสันติภาพ
ณ กรุงปารีสในปลายปี 1991 นั้นก็ได้เป็นผลทำให้สมเด็จเจ้าสีหนุ
ได้หวนกลับไปขึ้นครองราชย์อีกครั้งในปลายปี 1993
อันเป็นปีที่ได้มีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกในรอบกว่า 20
ปีนั่นเอง
.........
อย่างไรก็ตาม
ด้วยความขัดแย้งและแย่งชิงอำนาจทางการเมืองระหว่างกลุ่มการเมืองในกัมพูชาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน
ก็ได้เป็นเหตุทำให้เจ้าสีหนุทรงตัดสินพระทัยสละราชบัลลังก์อีกครั้งและอย่างถาวรในปลายปี
2004 แต่ก็ได้สนับสนุนพระโอรสของพระองค์(สมเด็จนโรดม สีหมุนี)
ขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระองค์เรื่อยมาจนเท่าทุกวันนี้
.............
โดยจากที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นนั้นจะเห็นได้ว่า
สมเด็จเจ้าสีหนุ มิได้ทรงอยู่ห่างจากการเมืองกัมพูชาแต่อย่างใดเลย
เพราะฉนั้น ในเมื่อครั้นพระองค์ได้ทรงหันมา
สร้างภาพยนต์ที่เกี่ยวกับเขมรแดงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของกัมพูชา
โดยที่พระองค์เป็นผู้ประพันธ์-ผู้สร้างและผู้กำกับเช่นนี้
จึงมิใช่การเคลื่อนไหวที่ธรรมดาๆ อย่างแน่นอน
.........
นวน เจีย อดีตผู้นำเขมรแดงวัย 82
ปีถูกจับกุมและรอคอยการตัดสินคดี
เอียง สารี
อดีตรองนายกและรัฐมนตรีต่างประเทศเขมรแดง
ทั้งนี้ถึงแม้ว่าผู้พิพากษาศาลพิเศษฯ
จะได้กำหนดแล้วว่าจะดำเนินการคดีกับอดีตผู้นำเขมรแดงที่ยังคงมีชีวิตอยู่เพียง
5 คน กล่าวคือ
1. นาย นวน เจีย ผู้นำหมายเลข 2
ของเขมรแดงรองจากพล พต
2. นาย เขียว
สัมพันธ์ (เคียว ซ็อมพร) อดีตประมุขรัฐ
3. นาย
เอียง สารี
อดีตรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ
4. นาง
เอียง ธิฤทธิ์ (เอียง
ธีริด) อดีตรัฐมนตรีกิจการภายใน
และ 5. นาย เกร็ง เก็ก อีฟ (กัง กิจ
เอียว)หรือสหายดุช อดีตหัวหน้าสถานคุมขังและทรามานนักโทษ
ตวล สเลง ในกรุงพนมเปญ
เท่านั้นก็ตาม ...
หากแต่จะต้องไม่ลืมว่ากลุ่มนักการเมืองที่กุมอำนาจในกัมพูชาในทุกวันนี้กล่าวก็คือ
นายกรัฐมานตรีฮุน เซน ,เจีย วิม ประธานวุฒิสภา และ เฮง สัมริน
ประธานสภาแห่งชาติกัมพูชานั้น
ต่างล้วนแล้วแต่เคยเป็นบุคลากรของเขมรแดงด้วยกันทั้งสิ้น
............
เพราะฉนั้น
ถ้าหากว่าภาพยนต์ เรื่องดังกล่าวนี้ ของสมเด็จเจ้าสีหนุ
ได้มีการนำเสนอเรื่องราวเชื่อมโยงไปถึงสถานะและบทบาทของบุคคลทั้งสามดังกล่าวด้วยนั้น
ก็ย่อมจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ทางการเมืองของบุคคลทั้งสามอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
แน่นอนว่าในฐานะที่เป็นกลุ่มนักการเมืองที่ยึดอำนาจในกัมพูชาได้อย่างชนิดที่เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นอำนาจที่เบ็ดเสร็จแล้วนั้น
ย่อมจะต้องแสดงถึงความไม่พึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
...........
ซ้าย
กองกระดูกชาวเขมรที่ถุกทรมานเสียชีวิต
ขวา-บน
นายเขียว สัมพันถ่ายคู่กับเจ้าสีหนุ
ล่าง-ขวา ซาลอธ ซาร์หรือพอล พต
ทั้งนี้
เพราะจะต้องไม่ลืมไปว่าการดำเนินคดีอาชญากรสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเขมร
ต่อบรรดาอดีตผู้นำเขมรแดงที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น จะต้องใช้เวลาอีก 3
ปีเป็นอย่างน้อย จึงจะสามารถตัดสินคดีได้
ในขณะที่ภาพยนต์ของสมเด็จเจ้าสีหนุ จะใช้เวลาถ่ายทำให้แล้วเสร็จ
และพยายามที่จะนำเสนอเผยแพร่สู่การรับรู้ของสาธารณะทั้งในกัมพูชาและในต่างประเทศให้ได้ภายในปีนี้
อันเป็นปีที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่อีกด้วย
...........
ยิ่งไปกว่านั้น
จะต้องไม่ลืมอีกเช่นกันว่า
เมื่อภาพยนต์เรื่องดังกล่าวนี้ได้เสนอถึงเรื่องราวที่เกี่ยวกับเขมรแดง
ก็ย่อมปฏิเสธที่จะเชื่อมโยงถึงต่างประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ได้เช่นกัน
ซึ่งในที่นี้ก็คือประเทศสหรัฐฯ จีน รัสเซีย
และไทยเราด้วยนั่นเอง
ขอได้รับความขอบพระคุณทุกท่าน
ที่ติดตามมาอ่านนะครับ...
อวสานเขมรแดง