คัมภีร์ "โพสะราดและสังคะปะกอน" กล่าวถึงลักษณะอุทธรณ์ 9 ประการ ว่า
อันว่าลักขะนะอุทอน 9 ปะกาน นั้นคื :
1) มิได้เอาฟ้องและกำนดใช้ด้วยกดพะทัมมะนูนหนึ่ง
2) ทุสินสูนทอระชน ฟ้องพ่อแม่ตน รับบังคับหนึ่ง
3) ถามมิรับในสำนวน ทำบ่ควนเขียนว่ารับหนึ่ง
ต้นฉบับ "ลักขะนะอุทอน 9" ข้อ 1 - 3
4) ให้กานบ่ต้องข้อทำลับลอ บ่เขียนเอาหนึ่ง
5) ถามความเล่านอกฟ้อง มิได้ต้องกานตามกดหนึ่ง
6) เป็นใจคดคิดแปงสำนวนความ เสือกใสซ้อนสอดข้อความหนึ่ง
7) เกาะจำเลยถามบ่มิฟ้อง ให้ลอกลองตามคำกดหมายหนึ่ง
8) ฮู้ทิบายแปงคารมให้ล้มโจด จำเลยหนึ่ง
9) มิให้จำเลยแก้อุทอน ก่าวโทษกอนตัดข้อความหนึ่ง
9 ข้อนี้ห้ามชื่องคะอุทอนสำนวนกอนเด็ดขาดแล
ต้นฉบับ "ลักขะนะอุทอน 9" ข้อ 4 - 9
คงเห็นแล้วนะครับที่สำลิด บัวสีสะหวัดกล่าวว่าแม้แต่คนลาวอ่านก็ยังบอกว่าอ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง ส่วนผมขอแปลไว้เป็นเบื้องต้นไว้ก่อนและทุกข้อที่แปลความนี้อยากวงเล็บไว้ว่า (หรือไม่อย่างไร) ดังนี้
1) มิได้เอาฟ้องและกำนดใช้ด้วยกดพะทัมมะนูนหนึ่ง : มิให้รับฟ้องและกำหนดให้ชดใช้ในสิ่งที่ไม่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายพระธรรมนูญ
2) ทุสินสูนทอระชน ฟ้องพ่อแม่ตน รับบังคับหนึ่ง : รับฟ้องคดีคนทุศีล ฟ้องพ่อแม่ของตน
3) ถามมิรับในสำนวน ทำบ่ควนเขียนว่ารับหนึ่ง : ถามผู้ถูกกล่าวหาในสำนวน ผู้ถูกกล่าวหามิรับ ไม่ควรเขียนว่ารับ
4) ให้กานบ่ต้องข้อทำลับลอ บ่เขียนเอาหนึ่ง : ผู้ถูกกล่าวหาให้การทำลับล่อมีพิรุธ แต่เจ้าพนักงานมิเขียนเอา
5) ถามความเล่านอกฟ้อง มิได้ต้องกานตามกดหนึ่ง : สอบปากคำผู้ถูกกล่าวหานอกประเด็นฟ้อง ไม่เป็นไปในการตามกฎหมาย
6) เป็นใจคดคิดแปงสำนวนความ เสือกใสซ้อนสอดข้อความหนึ่ง : เจ้าพนักงานมีใจคิดคดตัดตอนหรือสอดใส่สำนวน เพื่อแปลงคดีช่วยผู้ถูกกล่าวหา
7) เกาะจำเลยถามบ่มิฟ้อง ให้ลอกลองตามคำกดหมายหนึ่ง : เกาะเอาผลประโยชน์จากจำเลย สอบสวนแล้วไม่ฟ้อง ให้จำเลย "ลอกลองตามคำกดหมาย" (ให้จำเลยรับรู้คำ สำนวนการพิจารณาโดยเจ้าพนักงานเจตนาให้ประโยชน์จำเลย?)
8) ฮู้ทิบายแปงคารมให้ล้มโจด จำเลยหนึ่ง : อธิบายแปลงความเพื่อช่วยโจทก์ หรือจำเลยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้ชนะคดี
9) มิให้จำเลยแก้อุทอน ก่าวโทษกอนตัดข้อความหนึ่ง : การกีดกันมิให้จำเลยอุทธรณ์ การตัดสินโทษโดยมิพิจารณาข้อความหรือสำนวนให้ถี่ถ้วน
9 ข้อนี้ห้ามชื่องคะอุทอนสำนวนกอนเด็ดขาดแล : 9 ข้อนี้ห้าม(โดย)ตรงที่องค์อุทธรณ์มิให้ทำสำนวนก่อนโดยเด็ดขาด
ศัพท์ที่ควรรู้และสงสัย ในวรรคสุดท้ายจากคำว่า "ห้ามชื่องคะอุทอน" จากคำว่า "ชื่" ซึ่งออกเสียงว่า "ซื่" มีความหมาย 2 นัย คือ หมายถึง ชื่อ (นามเรียกคน สัตว์) กับความหมายที่แปลว่า ตรงที่..ที่...ตรงกันกับ เช่นคำว่า "ไปซื่ใด๋น้อ" (ไปตรงที่ใดครับ) ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับความหมายหลัง ซึ่งจะแปลไดว่า "9 ข้อนี้ห้าม(โดย)ตรงที่องค์อุทธรณ์มิให้ทำสำนวนก่อนโดยเด็ดขาด"
จากการศึกษาลักษณะอุทธรณ์ 9 ที่กล่าวมานี้ พอสรุปได้ว่าเป็นแนวทางปฏิบัติงานของทางฝ่ายข้าราชการ หรือขบวนการยุติธรรมของลาวโบราณ ซึ่งค่อนข้างจะให้ความเป็นธรรมกับประชาชนเอามาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นประชาชนที่เป็นโจทก์ หรือจำเลย และมีข้อห้ามสำหรับข้าราชการอย่างชัดเจน
ทำให้มองเห็นได้ว่าในภาวะที่บ้านเมืองอยู่เป็นปกติไม่มีสงคราม ประชาชนลาวโบราณมีหลักกฎหมายที่คุ้มครองสวัสดิภาพชีวิตที่ชัดเจน สมกับคำกล่าวในบทนำคัมภีร์ "โพสะราดและสังคะปะกอน" ที่รอง รมต. กะซวงถะแหลงข่าวและวัดทะนะทำ ท่านบัวบาน วอละขุน (1996) กล่าวว่า "ซาดลาวแม่นซาดที่มีอะลิยะทำ อันจบงามมาตั้งแต่ดนนาน" ถ้าหากเราจะมองผ่านการศึกษาลักษณะอุทธรณ์ 9 ที่กล่าวมานี้ก็นับว่าเป็นข้อแสดงให้เห็นได้เป็นอย่างดี.
อ้างอิง
สำลิด บัวสีสะหวัด. 1996. คำพีโพสะราดและสังคะปะกอน กฎหมายบูฮานลาว. เวียงจัน : มูนนิทิโตโยตาแห่งปะเทดยี่ปุ่น.
ขอบคุณครับครูชาครับ
ผมเองก็จนใจในหลายข้อความ ด้วยเป็นภาษากฎหมายโบราณที่อ่านยากมากๆ อ่านได้แต่ไม่รู้ความหมายก็มี
จะรอติดตามตอนต่อไปครับผม
สวัสดีครับ ท่านครูชา เปิงบ้าน
ผมมีข้อเสนอว่า ถ้าจัดรูปแบบทำนองนี้
น่าจะทำให้เป็นการถอดบทเรียนที่บริบูรณ์และครบวงจรอย่างเป็นระบบครับ สามารถใช้เพื่อหัดอ่านลาวก็ได้ หัดภาษาโบราณก็ได้
เช่น
แกะคำ: เป็นใจคดคิดแปงสำนวนความ เสือกใสซ้อนสอดข้อความหนึ่ง
เทียบคำ: เป็นใจคด แปลงสำนวนความ เสือกไส ซ้อนสอด ข้อความ (อีก)หนึ่ง
แกะความ: ....
(ขอโทษครับ เผลอสั่งบันทึกก่อนเสร็จ)
มีประเด็นที่สงสัยครับ
สวัสดีครับท่านอาจารย์wwibul ครับ
ขอบคุณท่านมากครับสำหรับรูปแบบ
เป็นรูปแบบที่น่าจะเป็นระบบและครบวงจรดียิ่ง ผมเห็นด้วยทุกประการครับ ซึ่งรูปแบบดังกล่าวนี้ผมได้คิดอยู่ระยะหนึ่งเหมือนกัน จากรูปแบบที่พบได้จาก "Thai - Isan - Lao - Phrasebook : หนังสือวลีภาษาไทย อีสาน ลาว : ปึ้มวะลีพาสา ไท อีสาน ลาว : With MP3 sound tracks on CD-Rom" เล่มขนาด เอ 4 หนา 329 หน้า โดยชาวเดนมาร์ค (White Lotus Co., Ltd. Bangkok. 2005) เพื่อให้ฝรั่งฝึกพูดภาษาลาว มีรูปแบบเทียบได้ตามที่ท่านอาจารย์แนะนำไว้นี้ ที่เพิ่มมาก็คือคำอ่านภาษาอังกฤษออกเสียง ลาว ไทย พร้อมฟังเสียงจริงจาก MP 3
ด้วยความเบื้องต้นที่ผมเพียงอยากเป็นการแนะนำ หรือรายงานสรุปจากการอ่าน ก็เลยออกมาในลักษณะรูปแบบ แกะคำ แกะความ เมื่อเป็นความเห็นจากท่านอาจารย์ผู้ใหญ่ ผมจะพยายามบันทึกให้ได้ในตอนต่อไปครับ
ส่วนความเห็นของท่านอาจารย์ที่ว่า "
ก็เป็นความเห็นในการตีความที่น่าคิดตามอย่างยิ่งเช่นกันครับ
ขอขอบคุณท่านมากครับ
ໄທຍ໌ເຮົາຖ່າຍທອດວັດທະນະທັມລາວແຕ່ບູຣົມບູຣານແລ້ວບໍ່ແມ່ນບໍ ? ດູການອົບພະຍົບລາວໃນໄທຍ໌ຮູ້ເຣື່ອງ ແຍກກັນບໍ່ອອກດອກ
สะบายดีครับ ท่านສຳນຽງຫວານ (สำเนียงหวาน)
จากความเห็นท่าน "ໄທຍ໌ເຮົາຖ່າຍທອດວັດທະນະທັມລາວແຕ່ບູຣົມບູຣານແລ້ວບໍ່ແມ່ນບໍ ? ດູການອົບພະຍົບລາວໃນໄທຍ໌ຮູ້ເຣື່ອງ ແຍກກັນບໍ່ອອກດອກ" (ไทยเฮาถ่ายทอดวัฒนธรรมลาวแต่บูรมบูราณแล้วบ่แม่นบอ? ดูการอพยพลาวในไทยฮู้เรื่อง แยกกันบ่ออกดอก)
แม่นแล้ว แม่นคัก ๆ ครับ สมัยก่อนแยกกันบ่ออกอีหลี การเคลื่อนย้ายของคนเฮาบ่ว่าจะมาจากเหตุผลใด ๆ ก็ตาม ย่อม ก่อให้เกิดสายน้ำสองสีลำใหม่ผสมผสานกันไป ซึ่งมาจากกกเค้าเชื้อมูลเดิมอันเดียวกัน วัฒนธรรมของคนในโลกที่ถูกแบ่งจากพรมแดนการปกครอง ก็ยากที่คนรุ่นใหม่จะเข้าใจมูลเชื้อเดิมได้ตลอด เพราะถูกแบ่งจากช่องมองของปัจจุบันไปแล้ว
ขอบใจ/ขอบคุณหลายครับ
ສະບາຍດີທ່ານຄູຊາ
ສົນໃຈບົດຂຍນຂອງທ່ານ ເຂົ້າມາອ່ານເບິ່ງ ຂໍສະແດງຄຳເຫນຕາມປັນຍາຫນ້ອຍແດ່ເນ້ອ
"9 ຂໍ້ນີ້ຫ້າມຊື່ອົງຕະອຸທອນ ສຳນວນກອນເດດຊາດແລ"
ອາດມີຄວາມໝາຍແນວນີ້ກໍ່ໄດ້ ຄື ກົດໝາຍ9ຂໍ້ນີ້ ກຳຫນດຊື່ຊອງກົດໝາຍວ່າ ອົງຄະອຸທອນ ຫ້າມລູກຂຸນຜູ້ຈັດສຶນຄວາມກະທຳໂດຍເດດຂາດຕາມສຳນວນກອນທີ່ໄດ້ກລ່າວໄວ້
ຂໍຂອບໃຈໃນການນຳສະເຫນອບົດຂຍນດີ໒ ມີປະໂຫຢດຍ່າງຫລວງຫລາຍ
สำบายดี ท่านความเห็นที่ ๑๐
ขอบใจหลาย ที่มายามกัน
ความหมายตามที่ท่านกล่าวมา ซงคือแล้วครับ
ไลยะนี้ผมบ่ได้เข้ามาเขียน ขออภัยหลายเด้อครับ