หลุดจนได้...


สวัสดีครับ...

เป็นเรื่องเล่าของผู้ป่วย  ญาติ  และแพทย์...

ผู้ป่วยเด็ก  3 ขวบ ....

           มาตรวจ 2 วันก่อนด้วยไข้ ไอ น้ำมูก....

 

แพทย์ตรวจ รักษา ....

           สรุปว่าเป็นหวัด  ให้ยารักษาตามอาการ + แนะนำอาการที่ควรสังเกต...

 

วันนี้คุณยายพามาตรวจอีกครั้ง

     ด้วยอาการยังมีไข้สูงอยู่ ... ไอมากขึ้น  ไอบ่อยมากๆ...กินได้  หายใจเร็วเล็กน้อย

     ไม่ซึมเล่นได้ปกติ... ยายย้ำว่าไอ...มากขึ้นนะหมอ...

แพทย์...

   ตรวจร่างกาย...ปอดผิดปกติเล็กน้อย(wheezing)   ....

   เนื่องด้วย..ไข้สูง ปอดผิดปกติ... + ไอมากๆๆ +

  จึงบอกคุณยายว่าจะรับตัวไว้รักษา  ตรวจเพิ่มเติม  และดูอาการที่ รพ.

  ได้ตรวจเลือดและพ่นยา  และฉีดยารักษา ที่ห้องฉุกเฉิน   ก่อนจะเข้าไปในตึก

 

 ขณะพ่นยาคุณแม่ได้ตามมา....

  คุณแม่ : หมอๆ จะทำยังไงที่ไอมากเช่นนี้  ทำไมถึงไอมากๆเช่นนี้....

  แพทย์:   ครับๆ..ปอดผิดปกติเล็กน้อย  หมอพ่นยาอยู่    เดี๋ยวจะค่อยๆดีขึ้นครับ..

  คุณแม่ : มันจะหายหรือเปล่า  จะดีขึ้นจริง ??

  แพทย์ :  เชิญ คุณแม่นั่งก่อนนะ...ค่อยๆนั่งคุยกัน...

 คุณแม่:   หมอ..ทำไมปล่อยให้ลูกเป็นมากขนาดนี้....  เป็นไปได้หรือไม่ที่ถ้าเป็นน้อยๆกว่านี้

                เป็นน้อยๆแบบเมื่อตรวจครั้งก่อน  และหมอให้นอนตอนนั้นเลยไม่ได้หรือ....

                 อยากถามหมอว่า ถ้าเป็นน้อยๆ เขาไม่ให้นอนหรือ  ทำไมต้องรอให้เป็นมากๆ

 

   แพทย์ :  อืม...(จี๊ดเล็กน้อย คำถามนี้ตอบยากนะ)  ...จะให้ตอบว่าต้องนอนเลยก็ไม่ได้ 

                 เพราะว่า ณ ตอนนั้น อาการก็เป็นหวัดธรรมดา  หมอก็ตรวจและแนะนำ 

                พูดคุยกันแล้ว  ว่าอาจจะดีขึ้น  หรือเป็นมากขึ้นอย่างไร...สังเกตุอะไร

                (แถม)   ก็เหมือนอนาคต..เราก็แค่คาด  ประเมิน  ไม่สามารถระบุชัดแน่นอน

                ว่าต้องเป็นแบบนี้

                หวังว่าแม่คงเข้าใจนะ  ลูกไม่เป็นไรมาก...หมอให้นอนดูอาการ  น่าจะดีขึ้น

  คุณแม่ : เงียบไปสักครู่...

               ...หมอๆ  ต่อไปคงไม่เป็นแบบนี้นะ   ต่อไปถ้าเป็นหวัดมาขอนอนเลยนะ

               ...ไม่อยากให้ลูกเป็นเช่นนี้...เป็นห่วง

 แพทย์:  คุณแม่ครับ...ผมดูแลตามลักษณะอาการ  ที่ตรวจพบและพิจารณา

              ถ้าต้องกินยาก่อนก็คงต้อง  ตัดสินใจเช่นนั้น...แต่ก็ให้คำแนะนำ

              เหมือนอย่างที่เราพูดคุยกันครั้งก่อนที่ลูกมาตรวจ

            (แถม) ถ้าแม่คิดว่าหมอดูแลไม่ดี  หมอก็ขออภัย.. 

            และคิดว่าครั้งน่าแม่สามารถเลือกแพทย์ท่นอื่นที่แม่เชื่อมั่น..มากกว่าผมก็ได้ครับ

 

  จบบทสนทนาเด็กน้อยก็หายไอ  ดีขึ้นหลังพ่นยา...  และเข้าไปนอนในตึก

  ไม่รู้ว่าแม่เด็กน้อยจะคิด..อะไรบ้าง

 

  แต่ในใจหมอกลับเต็มด้วยความคิดวุ่นๆ วิ่งไปมา....เกิดอะไรขึ้น

  เราทำอะไรไม่ดีหรือเนี่ย...

             ตรวจไม่ดี

             พูดคุยไม่ดี

            ใส่ใจน้อยไป....

 บทสรุปก็คือ

     วันต่อๆไปน่าจะทำได้ดีกว่านี้....

     มีความคิดว่าจะยกคนให้คนนนี้ให้พี่หมออีกคน  ...เพราะเสียความมั่นใจ..

    แต่อีกใจก็น่าจะใจเย็นๆ  และค่อยๆทำความเข้าใจกัน

    

 

คำสำคัญ (Tags): #การสื่อสาร
หมายเลขบันทึก: 164009เขียนเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2008 22:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)
ใจเป็นเครื่องมือที่นำมาตรวจรักษาด้วย

 

   คนไข้เยอะ นะคะ  การดูแลคนไข้ ก็เหนื่อยมากเลย

ใจคนละดวง...

เราก้อใจ...

เขาก้อใจ...ครับ

ขอขอบคุณอาจารย์ kmsabai...

  • ขอเห็นใจทั้งคุณหมอ และญาติด้วยคน (เห็นใจญาติมากด้วยที่กล่าวผรุสวาจา หรือคำที่ประกอบด้วยโทสะ)
  • ผมเชื่อว่า ภายใต้ขีดจำกัด (เช่น เตียงไม่พอ หมอไม่พอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ไม่พอ ฯลฯ) นี้ คุณหมอได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดเต็มกำลังความสามารถแล้ว

วันนี้ผมอ่านบล็อกหนึ่งใน OKnation > ท่านเขียนคำขวัญไว้ว่า "เกิดมาแล้ว อย่าโสกา ปัญหามา ปัญญามี"...

หลุดไป(นิดหน่อย) ก็ตามเก็บกลับมาเป็นประสบการณ์ ^ ^ และเรียนรู้จากประสบการณ์

ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันกันนะคะ 

คนเป็นแม่คงห่วงลูกมากเกินไปหน่อยน่ะค่ะคุณหมอ แล้วอีกอย่างเขาก็คงไม่เข้าใจขั้นตอนวิธีการรักษาของหมอสักเท่าไหร่  อย่าเสียความมั่นใจเลยค่ะ  เรื่องแค่นี้เอง

สวัสดีครับ

  • น่าเห็นใจครับ
  • ผมไม่ได้ไปหาหมอนานมากแล้ว เพราะไม่ค่อยประทับใจการกับบริการของหน่วยงานรัฐแทบจะทุกแห่ง   ยิ่งเป็นโรงพยาบาลแล้ว ไม่ค่อยมีใครพูดด้วย ได้ยินเสียงเขียวๆ ของเจ้าหน้าที่พูดกับคนไข้ทีไรก็พาลหงุดหงิด โมโหแทน เป็นไข้เล็กๆ น้อยๆ ก็เลยไม่ไป
  • แต่ผมเชื่อว่า่สำหรับกรณีของคุณหมอคงไม่ใช่แบบนั้น คุณหมอตั้งใจ และใส่ใจ เพียงเท่านี้ผมก็แอบดีใจแล้วครับ คนไข้และญาติคนไข้น่าจะดีใจที่มีคุณหมอใส่ใจเท่านี้
  • เป็นการฝึกใจไปด้วยครับ ยังไงก็ให้กำลังใจครับ
  • ปกติในห้องเรีนผมจะไม่ดุนักเรียนเลย ถ้านักเรียนไม่เข้าใจ จะสอนแล้วสอนอีก แต่เมื่อวานก็อดไม่ไหวเหมือนกัน เพราะถามโจทย์ที่อธิบายไปแล้ว วางอยู่ข้างหน้า แต่ยังตอบไม่ได้ ดุไปแล้วก็สงสาร คราวหน้าเอาใหม่ อิๆ 

 

สวัสดีครับคุณพ่อP
   ขอบคุณมากครับ 
 
ใจเป็นเครื่องมือที่นำมาตรวจรักษาด้วย
  
    อ่านแล้วได้เข้าใจอะไรมากขึ้นเลยครับ
สวัสดีครับพี่ดอกแก้วP
     คนไข้มาก..จริงๆ  แต่ก็พยามมีสติ  และเรียนรู้ครับ
    เป็นเรื่องของกรรมครับ....
   ผมมองว่าเรามาใช้กรรมเดิมที่เคยทำไว้
  และสร้างกรรมดี  เพื่อเป็นกุศลหนุนสติปัญญาที่อาจจะมีมามากขึ้นครับ
  ขอบคุณมากๆครับ
สวัสดีครับP
   เรื่องของใจ...
   เป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกมากครับ
สวัสดีครับอาจารย์P
     เป็นเรื่องเล่าจริงๆ  จากจิตใจที่เกิดขึ้นตอนนั้น  ไม่อาจจะกล้าตัดสินว่าดีไม่ดีครับ
   แต่อยากสื่อเพื่อเรียนรู้  มุมมองต่างๆครับ
  ขอบคุณมากๆนะครับ..
       เกิดมาแล้ว อย่าโสกา ปัญหามา ปัญญามี
  

ให้กำลังใจครับ

เป็นปกติเรื่องการสื่อสาร ทั้งมวลคือความห่วงใยระหว่างกัน สื่อสารให้ดี สื่อสารจากใจ ทุกอย่างจะเข้าใจและสุข

---------------------------

ผมชอบข้อเสนอแนะท่าน อ.นพ. วัลลภ พรเรืองวงศ์

วันนี้ผมอ่านบล็อกหนึ่งใน OKnation > ท่านเขียนคำขวัญไว้ว่า "เกิดมาแล้ว อย่าโสกา ปัญหามา ปัญญามี"...

--------------------------

 

ปัญหามาปัญญามีจริงๆ 

อย่างน้อยผมก็ได้เรียนรู้จากบันทึกเล็กๆ เพื่อสร้างปัญญาให้กับตัวเองในการมองปัญหาใหญ่

ขอบคุณมากๆครับ

วันนี้...ที่เชียงราย 

อากาศดี บรรยากาศดี ทำให้มีความสุข

ผมทักทายจากเชียงรายครับผม

สวัสดีครับ

  P

  เป็นการหลุดที่บริสุทธิ์  ด้วยปัจจัยตอนนั้นจริงๆนะครับ...
   แต่ก็รู้สึกตัวทั้งตอนนั้นและทีหลัง...
   และได้ทบทวนเพื่อเรียนรู้และปรับปรุงครับ
   ขอบพระคุณท่านมากนะครับ

ต่อเนื่องนะครับ...

หลังจากคืนนั้นที่นอน...ด้วยความยุ่งทั้งคืน

 ไม่ได้นอนจึงได้มาเยี่ยมคนไข้ น้องหนูท่านนี้....

 อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ ....

 การสื่อสารเมื่อวันต่อๆ  มาก็เป็นไปด้วยดี  เน้นรับฟัง  ยิ้มแย้ม  เข้าใจและอธิบาย...

  ตอนนี้..

   เข้าใจว่าบางอย่างอาจจะต้องรอเวลา    ใช้ความเข้าใจ  อดทน...

   ไม่ด่วนตัดสินใจ  อาจจะต้องห้อยแขวนบางอย่าง....

   ความสัมพันธ์เป็นไปด้วยดีครับ....

 (รู้สึดีที่ตัดสินใจถูก  ที่ไม่เปลี่ยนคนไข้...^_^  ตามการปรุงแต่งของโทสะ)

มาเชียร์ค่ะ

ว่าคำอธิบาย ขณะ คุณแม่โกรธ คุณหมอยุ่ง ชุลมุน ไม่น่าแก้ปัญหา

ดีใจค่ะ ที่คุณหมอตัดสินใจดูแลต่อ ตั้งใจฟังคุณแม่ และเป็นมิตรกับคุณแม่ได้ในภายหลัง

ถือว่ามีสติ และควบคุมตัวเองได้ดีมากๆ

โดยทั่วไป ญาติ และผู้ป่วยมักมีความรู้สึกว่าแพทย์ พยาบาลหวงเตียงในโรงพยาบาลของรัฐ ไม่ยอมให้นอน จนเกิด ความหงุดหงิด โมโห และไม่เข้าใจกันบ่อยๆ (ของเอกชน กลับตรงข้าม นึกก็แปลกๆ นะคะ)

เหตุผลที่ว่า ไม่จำเป็นต้องนอน ก็ เลยฟังไม่ขึ้น

บางทีพี่ต้องใช้ตัวเองในการยกตัวอย่าง ต้องบอกว่า

" นอนก็ ได้ แต่ถ้าเป็นลูก เป็นหลานหมอ หมอจะไม่เอานอน เพราะ ..ไม่สะดวกกับคุณ พ่อ คุณแม่ และเด็กก็จะไม่ได้พักผ่อนดี  จะหายช้า....และ....อาจติดโรคอื่นๆเพิ่ม" (ซึ่งเป็นเหตุการณ์ จริง โดยเฉพาะ เป็นแค่หวัด และมาได้ โรคท้องเสีย ฯลฯ เพิ่ม ยิ่งแย่ใหญ่)...............

 "แต่ถ้าคุณแม่ไม่สบายใจมากๆ  ก็นอนได้ "

แจ้งให้เขาทราบด้วยว่า อันนี้เป็นเหตุผลทางความกังวลบางทีเราเรียกเป็นเหตุผลข้อบ่งชี้ทางจริยธรรม  ไม่ใช่ทางการแพทย์

ได้ผลบ้าง ไม่ได้บ้าง แต่พอจะรักษาความไว้วางใจ และมิตรภาพของทั้งสองฝ่ายได้

ขอ อนุญาติ อย่าถือว่าสอน นะคะ ด้วยความเป็นห่วง

แต่จริงๆคุณหมอ ทำได้ดีแล้วนะคะในรายนี้

Happy ending ทีเดียว

สวัสดีคะ  มีโอกาสพบ เจอ คุณหมอ  มามากมาย หรือเรียกได้ว่าตลอดชีวิตของการทำงานก็ว่าได้  ดีใจคะ ที่ได้มีโอกาสรู้ว่ามีคุณหมอที่เป็นหมอด้วยจิต และวิญญาณ อีก 1 คน ที่.. ปาย 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท