บันทึกนี้อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่อยากสุขภาพดี ..สุขภาพดีที่หมายรวมสุขภาวะทางสังคมด้วย
เพราะว่า กำลังจะบอกเล่าการมองโลกด้านมืด ที่ใครๆบอกว่า ไม่ดี ไม่เหมาะ จะสุขภาพดีต้องมองโลกทางบวก มองโลกทางสว่าง แล้วฮอร์โมนความสุขมันจะหลั่ง
แต่ไม่รู้เป็นอย่างไร...ตัวเองกลับชอบมองอีกด้านของสิ่งที่เกิดขึ้นและดำเนินไปด้วย....เหมือนการมองต้นไม้ ขณะที่เห็นต้น ผล ดอกใบสวยงาม ก็เกิดความอยากเห็นว่ารากมันไชไปถึงไหน ฐานมันเกิดขึ้นจากอะไร ทำไมต้น ผลที่มันมีเราจะเห็นมันอย่างนั้น ไม่ใช่แค่เด็ดดอกใบไปกินก็พอใจ
บางเรื่อง คนก็จะบอกว่า เอาน่า เลิกมองหาแหล่งที่มาของเรื่อง(และของเงิน) ดูเฉพาะความเป็นปัจจุบันว่าจะทำอะไร(และใช้เงินนั้นอย่างไร) ให้มันเป็นเรื่องของ mutual relationships คือประโยชน์สองฝ่ายได้แก่ ฝ่ายที่หาเงินก็ได้ผลงาน กับฝ่ายที่ได้ใช้เงินเพราะประโยชน์ให้กับฝ่ายทำเงิน
แต่ตัวเองก็ชอบมองก่อนว่า เรื่องพวกนั้นมันมีฐานคิดจากอะไร เพราะอะไรถึงทำ มีการปกปิดข้อมูล(หรือผลประโยชน์แอบแฝง)อะไรหรือเปล่า...พอคิดแล้วก็อดหาข้อมูลไม่ได้ พอได้ข้อมูลแล้วคราวนี้ก็ทุกข์ เพราะบางเรื่องมันอธิบายยาก
เอาใกล้ๆตัวที่ง่ายที่สุดคือ การทำโครงการบางอย่างมีการเก็บข้อมูลวิจัยแฝงไปด้วย ...
มองทางหนึ่งก็บอกว่า ใครๆ ก็ทำกัน คือทำโครงการก็ต้องประเมินผล เก็บข้อมูลการพัฒนางานไปรายงาน ...ก็แค่ขอความเห็นผู้เข้าร่วมโครงการก็เท่านั้น
บางคนก็บอกว่า เขาอุตส่าห์ทำโครงการให้เราได้ใช้ของฟรี(เช่นแจกของด้วย) ก็ประเมินไปซะก็เท่านั้น ประโยชน์ต่างตอบแทน ไม่ต้องคิดมาก
แต่ตัวเองก็ชอบไปอยากรู้ว่า โครงการนั้นทำไมต้องทำ ทำไมต้องเอาใจแจกของ และทำไมต้องประเมิน และชอบไปมองว่าเรื่องแบบนี้มัน ethical issue นะ คนยินดีเข้าร่วมโครงการเพราะเหตุผลตามที่แจ้งวัตถุประสงค์ก็จริง แต่ไม่ได้หมายถึงว่าจะยินดีประเมินผลด้วย ก็ต้องไม่บีบบังคับ ขอความร่วมมือประเมิน ได้เท่าไหร่ก็ต้องเอาเท่านั้น และต้องชี้แจงในใบประเมินด้วยว่าข้อมูลนี้จะนำไปใช้อะไร ใช้ต่อเนื่องไหม จะมีผลกับผู้ที่ประเมินไหม โครงการบางอย่างทำไปดีๆ นึกอยากปรับปรุงก็ต้องให้ข้อมูลด้วย ไม่ใช่เพราะจู่ๆ ได้เงินก้อนหนึ่ง(มาจากไหนไม่รู้เพราะไม่ยอมบอก) แล้วอยากทำอะไรก็ทำ แถมยังเก็บข้อมูลแฝงไปอีก
อย่างนี้แหล่ะ ที่บอกว่าชอบมองรากก่อน ถ้าเห็นรากของเรื่องที่มาชัดแล้ว ค่อยมาชั่งใจว่าจะเด็ดดอกใบไปกิน ไปใช้ไหม ถ้าไม่ฝืนจนเกินไปคือถ้าไม่ปิดกั้นข้อมูลจนเกินไป ก็จะใช้ประโยชน์ของต้นใบ แต่ถ้าปิดช่องให้รู้...ก็ยินดีจะถอยไม่ร่วมโครงการด้วย โดยไม่ต้องเอาประโยชน์มาชักจูงใจ
คิดวันนี้ตอนนี้ก็อย่างนี้ ปลอบใจตัวเองว่า ถ้าสติปัญญาไม่โง่งมจนเกินไป ก็คิดว่าน่าจะเอาตัวรอดและอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวเงียบๆ ได้อย่าง สบายๆ
เดี๋ยวนี้อยากกินผักปลอดสารพิษ ต้องปลูกเองนะครับเหนื่อยหน่อยแต่ให้ผลดีต่อสุขภาพ(ใจ-กาย) อิๆ
สวัสดีครับ ขออนุญาต ลปรร ด้วยครับ
ตามความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ การมองไปถึงรากก็เป็นเรื่องดีครับ แต่เมื่อมองไปเห็นรากอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว บางครั้งก็ต้องกินยา "ทำใจ" ครับ
เหมือนกับที่นักการเมืองในอดีตบางคนเคยพูดเอาไว้ว่า เก็บอุดมการณ์ใส่ลิ้นชัก
บางครั้งต้องลู่ตามลมครับ
ค่อยเป็น ค่อยไป ค่อยแก้ไข ค่อยพัฒนา
แบบ "เนียนๆ"
อยู่แบบไม่ไหลไปตามกระแส และ ไม่ต้านกระแส
แต่อยู่แบบทวนกระแส (กระแสไปทางใหนก็ไหลไป แต่เราจะไม่ตามและไม่ต้าน แต่จะทวนกระแสนิ่งๆและช้าๆ)
ขอบคุณครับ
มาเยี่ยม...
ผมชอบมองผล ( ไม้ ) ข้างบนบล็อกนี้...น่าทานจังเลย...
สวัสดีค่ะพี่สร้อย
ดูหมดเลยค่ะ..ราก ต้น ใบ ดอก ผล แก่น เปลือก เมล็ด ฯลฯ แล้วก็ตัดสินใจได้ว่าแค่ดูน่าจะดีกว่า ^ ^
นึกถึงคำพูดว่าถ้าเห็นอะไรอย่างชัดเจนเกินไป..สังคมนี้ก็ไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่เลย..ดูๆไปน่าจะจริงนะคะพี่สร้อย..แต่ก็เป็นแบบฝึกหัดให้ฝึกพิจารณาได้อย่างดีเชียวเนาะคะ
และเบิร์ดเห็นด้วยกับหลายๆท่านว่าผลไม้น่าทานมากค่ะ..ยืนยันว่าพิจารณาแล้ว ( หลายรอบด้วย ) จริงๆนะคะพี่สร้อย อิ อิ อิ
สวัสดีครับพี่สร้อย
ทักทายเรื่องรากต้นไม้ ด้วยคนครับ
^^^ต้นไม้บางชนิดหาอาหารเก่งมาก เพราะมีรากเยอะ โตไว ต้องหมั่นสังเกตดูราก รู้จักชนิดของต้นไม้จนถึงรากนั่นแหละครับเพื่อไม่ให้ไปดันตึก ดันพื้นดันกำแพงไม่ให้แตกร้าวเกิดปัญหาครับ ต้องช่วยกันขุดๆ ตัด ๆหรือล้อมคอกต้นไม้ บ้างครับจะได้ไม่เกิดปัญหาใหญ่ ตามมา^^^
และแล้วคนที่ปลูกต้นไม้แต่ไม่รู้จักนิสัยของรากต้นไม้อีกหลาย ๆคน
ก็จะต้องขอบคุณคนที่ช่วยศึกษาอธิบาย แนะนำ ธรรมชาติของรากไม้อีกมุมหนึ่ง ยังไงละครับ ก่อนที่ตึกจะพัง กำแพงจะทรุดและพื้นเสียหาย
^^^
สวัสดีค่ะ คุณกวินทรากร
เดี๋ยวนี้คงต้องปลูกเองจริงๆ ...แต่ตอนนี้โชคดีที่มีโครงการหลวง ปลูกพืชปลอดสารพิษให้กินทั้งปี...
ไม่รู้ว่าจังหวัดอื่นๆมีขายหรือเปล่านะคะ ที่เชียงใหม่จะหาซื้อได้จากหลายๆที่ เช่นในหน่วยงาน ใกล้ๆที่ทำงานคือโรงพยาบาลมหาราชฯ ก็จะมาตั้งขายทุกวันอังคาร ของมาวางไม่ถึงสองชั่วโมง ก็เกือบเกลี้ยง...เพราะว่าของจะสดและราคาถูกด้วยค่ะ ...ที่อื่นๆ อย่างตลาดที่ อ. แม่ริม หรือ ที่ สสจ. ก็ เวียนวันกันไป และมีอยู่ในเกือบทุกห้างสรรพสินค้า ด้วยตราสัญญลักษณ์ "ดอยคำ"
http://www.doikham.com/general/product/index-product.htm
ขอบคุณนะคะ ที่มากระตุ้นให้คิดเรื่องปลูกเอง เลยได้แวะเวียนไปหาข้อมูลตัวสินค้าของโครงการหลวงไปด้วย
ขอบพระคุณค่ะ
ขอบพระคุณที่มาเตือนสติค่ะ....ได้มาทบทวนบางอย่าง....
สีสรรสวยงาม Colorful มองดูแล้วก็สดชื่นดีนะคะ...แต่ดูลึกๆ ก็จะไปเห็นแยก เป็นผลไม้เฉพาะอย่าง อย่างเช่น สตรอเบอรี่
http://www.moac.go.th/builder/bhad/Strawberry.php
ดูต่อก็อดไม่ได้จะมองหา เค็ก http://www.archeep.com/bakery/lafraister_cake.htm
แล้วก็อยากรู้เรื่องความเชื่อ ระหว่างสตรอเบอรี่กับความรัก
http://variety.teenee.com/foodforbrain/585.html
อย่างเงี๊ยะค่ะ คือความวุ่นวายของตัวเอง...
ส่วนเรื่องเวลาไปจัดทำหรือร่วมโครงการอะไร...สิ่งที่ตัวเองปกป้อง(อาจจะผิดหรือถูกก็ไม่รู้ แต่มันคืออัตตาของตัวเอง...เป็นคนอัตตาสูงโดยไม่จำเป็นอยู่บ่อยๆค่ะ) ...คือเรื่องของข้อมูลที่ต้องให้แบบ fair game บางเรื่องไม่ต้องมีเงินสักบาท แต่ถ้าเห็นว่าทำได้ช่วยได้ก็ช่วยเต็มที่ แต่บางเรื่องเงินมากองแต่ดูท่าทีไม่สมเหตุสมผล ก็ลำบากใจมากที่จะมีส่วนร่วมน่ะค่ะ
ต่อไปตัวเองคงต้องไปฝึก.....เนียนๆ . ทวนนิ่งๆ ช้าๆ อย่างที่ ท่านผู้อำนวยการแนะนำ ...มองแล้ววางอย่างที่น้องเบิร์ดให้ข้อคิดเห็นเตือนสติ...และมองความรื่นรมย์ที่เป็นไปอย่างที่อาจารย์ umi บอกนะคะ
ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
(ระหว่างนี้ขอเชิญทานขนมเค๊กและสตรอเบอรี่สดๆ ก่อนค่ะ)
ขอบคุณค่ะ อาจารย์ ARAM
ขอบคุณอีกครั้ง ฝากขอบคุณพี่อึ่งที่โทรมาด้วยจ้า
พี่สร้อยครับ
สวัสดีค่ะ อาจารย์น้องหมอเต็มศักดิ์
ค่ะ ก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน
ซ้ำร้าย บางทีคนเราเดี๋ยวนี้ไม่สนใจซะด้วยว่า ผลที่กินอร่อยจนเติบใหญ่นั้น มีใครพรวนดินบ้าง...
ค่ะก็รำพึงไปตามสภาพ
อาจารย์สบายดีนะคะ..ลูกหมาโดยเฉพาะหนูเกี๋ยงสบายดีนะคะ