เคยรู้สึกไหมคะว่า คนที่อยู่ด้วยกันไปนานๆ หรือทำงานด้วยกันนานๆ หลายๆคู่ บางทีทะเลาะกันเรื่องไม่เป็นเรื่อง
บางทีเรื่องจบไปตั้งนาน ขุดขึ้นมาทะเลาะกันก็มี
ทะเลาะกันเสร็จ วันดีคืนร้ายเจอหาเหตุกระแหนะกระแหนกระทบกระเทียบ แล้วก็เลยทะเลาะกันใหม่ แบบงูเห็นนมไก่ ไก่เห็นตีนงู อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ยังไม่ทันพูดแค่เห็นหน้าก็ทะเลาะก็มี ดูแล้วเหมือนจะลอกเลียนแบบการอภิปราย
ถึงตรงนี้ นึกอยากรู้ว่ามีใครเคยทำวิจัยไหม ว่า มีความสัมพันธ์กันหรือเปล่าระหว่างการถ่ายทอดสดอภิปรายในสภากับระดับการพูดจากระแหนะกระแหนของคนไทย (...เอ..หรือว่าจริงๆ การพูดอ้อมๆ กระแหนะกระแหนคือวัฒนธรรมไทย??? ...)
เจอคนที่มีความหลังกันมานานทะเลาะกันนี่ ประสบการณ์บอกว่า ห้ามไปเป็นคนกลางเด็ดขาด เพราะว่าคนกลางจะพลอยฟ้าพลอยฝน ถูกลูกหลงเข้าไปด้วย
แต่บางทีก็เลี่ยงไม่พ้น ตกอยู่กลางวงโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นตัวถูกกระทบชิ่งของสองฝ่าย ถ้าวันไหนคุมสถานการณ์ใจตัวเองไม่ได้ ก็จะกลายเป็นกรรมการมวยที่ถูกต่อยล้มลงจากนักมวยทั้งสองฝ่าย พอกรรมการสลบแล้ว นักมวยเขาก็เลิกชก
เพื่อนคนหนึ่งแนะนำว่า ถ้าตกในวงล้อมอย่างนั้น ให้ยุส่งว่า เอาเลย เอาเลย เดี๋ยวคนที่เขาทะเลาะกันก็เหนื่อยหยุดทะเลาะกันไปเอง อิ อิ
คุณๆ ละคะ จะมีข้อแนะนำอะไรบ้างไหมคะ
ก็คงเป็นเพราะไม่วาง แล้วก็เนื่องจากอยู่ใกล้ ก็เลยได้เห็นสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบบ่อยๆ ก็เลยไปสะกิดความรู้สึกเดิมขึ้นมาอีก สรุปแล้ว ก็ยังไม่ได้วาง แล้วก็ยังต้องติดต่อ เจอ พบ ทำงานร่วมกัน อยู่ด้วยกัน ต่อไปอีก .. มันคงคล้ายๆ เป็นแผล คันๆ ตลอดมั้งคะ จริงๆ แผลสดหายไปแล้ว แต่บางทีมันคัน ก็เลยต้องเกาเรื่อยๆ เกาไปเกามา เป็นแผลสดขึ้นมาอีก รักษาไม่ถูกทางค่ะ อิอิ
สวัสดีค่ะ อาจารย์ กมลวัลย์
ขอบคุณค่ะ แผลเก่า ไม่เหมือนถ่านไฟเก่านะคะ ^^
แผลในใจของคนแก้ยาก อาจจะเหมือนกรรมเก่า??
วันนี้เมืองไทยเลือก สว. กัน...นักศึกษาไทยที่อยู่ต่างประเทศได้เลือกไหมคะ
อิอิ พี่สร้อยขา
หนิงมายกมืออ่ะค่ะ ว่าตัวเองก็เป็น ไม่ใช่กับใครอื่นเลย ก็กับคุณแม่แหละค่ะ บาปจริงๆเนอะ จนไม่ต้องแปลกใจนะคะว่า ทำไม๊..ทำไม แม่ลูกที่รักกันมากคู่นี้ ไปไหนก็ไปด้วยกัน แต่ไม่ยอมอยู่บ้านเดียวกัน บ้านก็ห่างกันแค่ 14 กม.เองแต่ไม่ยอมนอนบ้าน ใครไม่รู้นึกว่าชีวิตพยาบาลอยู่หอพักจนชินนิ
คืออยู่ด้วยกันมากไป จะมีเรื่องอ่ะค่ะ เล็กๆน้อยๆ ก็บ่นอยู่เรื่อย บางทีก็แม่บ่น บางทีก็ลูกบ่น ก็รู้ว่ารักและหวังดีกันทั้งสองฝ่ายแหละ จะว่าไปแล้วเรื่องขี้หมาทั้งนั้นเลยอ่ะค่ะ
หนิงเลยได้วิธีชิ่งว่า กลับก่อนนะแม่ เดี๋ยวต้องเตรียมประชุมพรุ่งนี้ อิอิ นั่นแหละค่ะ...จะได้ยุติ
คิดว่าเป็นกรรมเก่าก็ได้เหมือนกันมั๊งคะ ^ ^ แต่คงไม่ใช่ถ่านไฟเก่า 5555
เรื่องเลือกตั้ง สว. เลือกต่างประเทศเขาเลือกล่วงหน้ากันไปแล้วค่ะ แต่ไม่เห็นน้องๆ เขาพูดอะไรกันเลยนะคะ เที่ยวนี้ตัวเองเดินทางตรงจังหวะไม่ดี เลือกล่วงหน้าไม่ได้ เพราะเดินทางออกมาก่อน เลือกที่นี่ก็ไม่ทัน เพราะส่งชื่อย้ายถิ่นเนี่ยเขาใช้เวลากันนาน แถามต้องย้ายกลับอีก แล้วเราก็อยู่แค่ ๔ เดือน สรุปแล้วเลยอด ทั้งๆ ที่อยากจะไปลงคะแนนกะเขาเหมือนกัน
ที่เชียงใหม่ไม่รู้คึกคักไหม ตอนนี้ก็ตามๆ ข่าวอยู่เหมือนกันค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้อ่านข่าวอีกทีคงรู้เรื่องเยอะขึ้นค่ะ ^ ^
อ้อ...ลืมไปค่ะ
น้องไปประชุมที่ Asia-Pacific Development Center on Disability มา ได้เจอน้องชายจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะน้องเก่ง asakuraค่ะ เขาสนใจ G2K หนิงเลยอำนวยไปแล้ว ขอฝากพี่สาวตางนู้นโตยเน้อ....
สวัสดีค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกว่าได้เพื่อนค่ะ ช่วงนี้ มีธุระเยอะ เข้ามาอ่านที่นี่น้อยลงเหมือนกัน ตอนนี้เปิดมาเห็นของคุณสร้อยพอดี
เรื่องคนอยู่ใกล้ชิดกัน ทะเลาะกัน เห็นบ่อยค่ะ บางทีก็เป็นพ่อแม่ลูกกันด้วย โดยเฉพาะแม่กับลูกสาว แต่ อีกไม่นานก็ดีกันค่ะ ไม่มีอะไรมากว่านี้
แต่ในวงการงาน น่าจะมีเหมือนกัน แต่กินใจกันไปนาน เพราะความขัดแย้งกลายเป็นตะกอนใจ พออยู่ใกล้กัน ตะกอนก็ถูกอารมณ์กวนให้ขุ่นขึ้นมาอีก
แต่ก่อน ตัวเองก็มีตะกอนแบบนี้อยู่กับบางคน ในวงงาน แต่ใช้วิธี ละวางเสีย และอยู่กันห่างๆหน่อย ติดต่อกันเท่าที่จำเป็น ก็ไม่มีปัญหาค่ะ อย่างนี้เรียกว่า เคมีไม่ตรงกัน
แต่พอมาทำกิจการส่วนตัวแล้ว มีเรื่องแบบนี้น้อยมากๆ อาจจะเป็นเพราะ เราต้องรักลูกน้องทุกคน ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ต้องให้ความสำคัญกับทุกคน ทุกหน้าที่ ใช้เมตตาเป็นตัวนำในการ leadกลุ่มคน ทำให้ไม่มีปัญหากระทบกระทั่งกับใครค่ะ
จะมีบ้างกับลุกน้องบางคน ที่ไม่หวังดี กับกิจการเรา ตักเตือนแล้ว ไม่ฟัง จึงมีปัญหากัน ซึ่งเรื่องนี้ แก้ไม่ยากเลย เพียงแต่ ต้องให้ละมุนละม่อมหน่อยค่ะ
ส่วนเรื่องสมาชิกครอบครัว ต่างคนต่างคิดเหมือนกัน คือถ้าเห็นว่าเรื่องใด จะมีความขัดแย้งกัน เพราะต่างความคิดกัน ก็ละเว้นไม่พูดเสีย ก็ไม่มีเรื่อง และตัวเองจะไม่พยายามบ่นว่าอะไรเรื่อยเปื่อย ถ้าเห็นว่า ไม่ถูกต้อง จะตำหนิเลย แล้วจบ ไม่บ่น
มีความรู้สึกว่า ไม่มีใครชอบฟังใครบ่นค่ะ มันtoxic กับหูจริงๆ
อีกอย่าง อาจเป็นคนมีบุคคลิก ที่ใจดีเป็นปกติ แต่ถ้าไม่ชอบ จะดุเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย บรรยากาศในบ้าน ก็เลยไม่ค่อยเสียเท่าใด
ส่วนตัวคิดว่า ถ้าเอาเมตตานำ อย่าทำตัวให้เป็นคน ชอบเอาเรื่องกับอะไรหรือใครๆง่ายๆนัก และให้มีความคิดว่า เอาใจเขามาใส่ใจเรา ความขัดแย้งในหมู่คนก็น่าจะลดลงค่ะ
สวัสดีค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกว่าได้เพื่อนค่ะ ช่วงนี้ มีธุระเยอะ เข้ามาอ่านที่นี่น้อยลงเหมือนกัน ตอนนี้เปิดมาเห็นของคุณสร้อยพอดี
เรื่องคนอยู่ใกล้ชิดกัน ทะเลาะกัน เห็นบ่อยค่ะ บางทีก็เป็นพ่อแม่ลูกกันด้วย โดยเฉพาะแม่กับลูกสาว แต่ อีกไม่นานก็ดีกันค่ะ ไม่มีอะไรมากว่านี้
แต่ในวงการงาน น่าจะมีเหมือนกัน แต่กินใจกันไปนาน เพราะความขัดแย้งกลายเป็นตะกอนใจ พออยู่ใกล้กัน ตะกอนก็ถูกอารมณ์กวนให้ขุ่นขึ้นมาอีก
แต่ก่อน ตัวเองก็มีตะกอนแบบนี้อยู่กับบางคน ในวงงาน แต่ใช้วิธี ละวางเสีย และอยู่กันห่างๆหน่อย ติดต่อกันเท่าที่จำเป็น ก็ไม่มีปัญหาค่ะ อย่างนี้เรียกว่า เคมีไม่ตรงกัน
แต่พอมาทำกิจการส่วนตัวแล้ว มีเรื่องแบบนี้น้อยมากๆ อาจจะเป็นเพราะ เราต้องรักลูกน้องทุกคน ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ต้องให้ความสำคัญกับทุกคน ทุกหน้าที่ ใช้เมตตาเป็นตัวนำในการ leadกลุ่มคน ทำให้ไม่มีปัญหากระทบกระทั่งกับใครค่ะ
จะมีบ้างกับลุกน้องบางคน ที่ไม่หวังดี กับกิจการเรา ตักเตือนแล้ว ไม่ฟัง จึงมีปัญหากัน ซึ่งเรื่องนี้ แก้ไม่ยากเลย เพียงแต่ ต้องให้ละมุนละม่อมหน่อยค่ะ
ส่วนเรื่องสมาชิกครอบครัว ต่างคนต่างคิดเหมือนกัน คือถ้าเห็นว่าเรื่องใด จะมีความขัดแย้งกัน เพราะต่างความคิดกัน ก็ละเว้นไม่พูดเสีย ก็ไม่มีเรื่อง และตัวเองจะไม่พยายามบ่นว่าอะไรเรื่อยเปื่อย ถ้าเห็นว่า ไม่ถูกต้อง จะตำหนิเลย แล้วจบ ไม่บ่น
มีความรู้สึกว่า ไม่มีใครชอบฟังใครบ่นค่ะ มันtoxic กับหูจริงๆ
อีกอย่าง อาจเป็นคนมีบุคคลิก ที่ใจดีเป็นปกติ แต่ถ้าไม่ชอบ จะดุเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย บรรยากาศในบ้าน ก็เลยไม่ค่อยเสียเท่าใด
ส่วนตัวคิดว่า ถ้าเอาเมตตานำ อย่าทำตัวให้เป็นคน ชอบเอาเรื่องกับอะไรหรือใครๆง่ายๆนัก และให้มีความคิดว่า เอาใจเขามาใส่ใจเรา ความขัดแย้งในหมู่คนก็น่าจะลดลงค่ะ
สงสัยต้องลบออก 1 ความเห็นค่ะ มันซ้ำกัน
สวัสดีครับ
ถ้าไม่ทะเลาะกะคนใกล้ชิด ก็มีหวังได้แผล อิๆ
อีกอย่างหนึ่ง บางที่ก็มีเรื่องเก็บความชอกช้ำเอาไว้นาน เป็นตะกนอนในใจ อย่างที่คุณพี่ศศินันท์ว่า
ผมก็ไม่ได้ทะเลาะกับใครครับ นอกจากคนใกล้ชิด ;)
กราบขอบพระคุณทุกๆท่านที่มาเยือนค่ะ
คนอยู่ด้วยกันนานๆ ก็จะเห็นรายละเอียดของกันและกันมาก เลยเหมือนจู้จี้จุกจิกใส่กันนะคะ
แต่ก็อย่างที่คุณพี่Sasinanda บอกนั้นก็เห็นด้วยเลยค่ะว่า ใครก็ไม่อยากฟังใครบ่น ...
ตัวเองเป็นคนที่มักต้องฟังคนมาบ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้ค่ะ ....บางเรื่องเลยอย่างที่บอกว่า แหม! เรื่องเล็กๆ(เมื่อเทียบกับปัญหาที่เรามี) ..แต่ก็อย่างว่า..ระดับความรุนแรงของปัญหาของแต่ละคนมันต่างกันไปตามความรู้สึกรับรู้นะคะ
เคยมีพี่ที่ทำงาน เขาไม่ค่อยถูกกัน พอตอนจะย้าย ก็มีการเลี้ยงส่ง แล้วเขาก็ ร้องเพลง "ลุ่มเจ้าพระยา" พอถึงท่อนที่ร้องว่า .....เราเกิดมา ผูกใจรักกันดีกว่า เพราะว่าชีวาแสนสั้น เราอย่าได้กระเทือนหัวใจต่อกัน ทิ้งชีวิตอันสุดใจ อย่าแตกกันเลย รักไว้ชมเชย จงผูกพันรักกันด้วยใจ .... พี่เขาก็ร้องไห้ กอดกัน แล้วก็ดีกัน ต่างคนก็จากกันไป ด้วยดี ความกินแหนงแคลงใจก็หายไป เพราะไปทำงานกันคนละที่แล้ว กลายเป็นมาดีกัน