สรุปความรู้..จากการอบรมครูแกนนำภาษาอังกฤษ


การสอนภาษาด้วยเทคนิคสมัยใหม่

เมื่อวันที่ 24-25 เมษายน 2551 ครูสุได้เข้ารับการอบรมครูแกนนำภาษาอังกฤษ ซึ่งจัดโดยศูนย์ Eric โรงเรียนแม่สาว สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 มีอาจารย์รัศนี  นามวงศ์ หรือพี่ใหญ่ เป็นหัวหน้าทีมวิทยากร โดยมีวิทยากรที่ไปต่างประเทศ จากโรงเรียนบ้านแม่สาว จากฝางชนูปถัมภ์ บ้านต้นผึ้ง ที่ได้ไปประเทศออสเตรเลีย  นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ มานำเสนอเทคนิคและประสบการณ์การเรียนการสอนภาษาอังกฤษต่างแดนถ่ายทอดให้ครูแกนนำและอาจจะต้องมีการขยายผล

วันนั้นได้เรียนรู้เกี่ยวกับ คำศัพท์ Idiom สำนวนภาษาอังกฤษ ในต่างประเทศ  เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบต่าง ๆ ประสบการณ์การไปเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศและการสังเกตการสอน โดยขอสรุปเป็น 3 หัวข้อนะครับ

1. ข้อคิดจากการได้รับเอกสารความรู้ ในด้านกิจกรรมใบงานภาษา เช่น

การโยงเส้นคำศัพท์กับรูปภาพ ซึ่งก็เหมือนกับที่เราทำ แต่ลักษณะจะต่างกัน คือ ของครูเราทั่ว ๆ ไป จะโยงเส้นซ้าย ขวาไปหากัน แต่ที่ได้เห็นคือ จะมีคำศัพท์อยู่ตรงกลาง แล้วมีรูปภาพล้อมรอบ เวลาทำแล้วรู้สึกว่าผู้เรียนจะต้องอาศัยการมองอย่างรอบด้าน ไม่ได้มองซ้ายที ขวาที เหมือนแบบฝึกหัดจับคู่ที่เคยทำ

การเปลี่ยนแบบฝึกหัดให้เป็นเกม ได้แก่ แบบฝึกหัดไวยากรณ์ ปกติเวลาทำ เติมคำตอบ หรือ แต่งประโยค หรือ ถูกหรือผิด แล้วก็ส่ง แต่ที่ได้เห็นคือ มีการให้คะแนนเดิมพันแต่ละข้อด้วยว่าถูกหรือผิดกี่เปอร์เซ็นต์  เช่นประโยค T or F บอกว่า  Bees make honey. จะมีช่องให้คะแนนว่าถ้าถูกหรือผิดจะให้คะแนนกี่คะแนน  เช่นครูสุให้คะแนนช่องนี้คือ ถูก T 80 คะแนน (จาก 100)  เวลาตรวจครูสุก็ได้คะแนน 80 คะแนน อีกข้อหนึ่งสมมุติ The women is shopping now. ครูสุให้ถูก T 50 แต่ตรวจข้อนี้ผิด ครูสุก็ถูกหักคะแนนออกจากข้อแรก 50 เหลือคะแนนเพียง 30 ทำให้การเรียนการสอนไวยากรณ์ยาก ๆ เกิดความสนุก ผู้เรียนก็อยากจะลุ้นคะแนนที่ตนเองวางเดิมพันเอาไว้ และลุ้นว่าใครจะได้คะแนนมากที่สุด

การใช้รูปภาพในใบงาน ค่อนข้างมาก ซึ่งทำให้เกิดการเรียนรู้จากการดูภาพแล้วเกิดความเข้าใจ Understanding ทำให้เกิดความเข้าใจในทันที และเป็นธรรมชาติ มากกว่าการแปล ซึ่งในใบงานของครูภาษาอังกฤษเรา มีรูปภาพน้อยมาก หรือไม่มีเลย

การใช้ใบงาน ชุด A ชุด B เพื่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ในการเรียนรู้ และเป็น Active Learning  โดยใบงานที่ผู้เรียนได้รับ เป็นใบงานเดียวกันแต่ต่างที่รายละเอียดหรือข้อมูลหายไป โดยนักเรียนต้องเข้าหากันเพื่อซักถาม แลกเปลี่ยน (ภาษาอังกฤษ) เพื่อให้นักเรียนได้เกิดการเติมเต็มในใบงานร่วมกัน และเกิดการเรียนรู้ร่วมกัน cooperative Learning

2.เทคนิคการสอนของครูชาวต่างประเทศ (ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์)

การใช้เกมเพื่อฝึกทักษะทางภาษา เช่น เกม Find someone who... เป็นเกมที่ใช้บ่อยมาก แต่ก็ทำให้เกิดการสื่อสาร Interacitve Communication ได้ดี และเกมนี้ใช้ได้กับเนื้อหาหลากหลายได้ เช่น Find someone who is the youngest. (สอน Superlative) Find someone who was born on Sunday. (สอนเรื่องวันเกิด) นอกจากนี้ ยังมีเกม Messenger เกม Buzz off และอีกหลากหลาย ซึ่งสรุปได้ว่าเกมช่วยทำให้การสอนภาษาเป็นเรื่องง่าย เกิดการเรียนรู้ที่ไม่นั่งกับที่ ผู้เรียนได้ใช้ภาษาจริง และสนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ

การสอนให้น้กเรียนได้คิดวิเคราะห์ นั้นครูควรมีและสร้างสถานการณ์ที่น่าสนใจให้นักเรียนช่วยกันคิด (ไม่ใช่มาถึงชั่วโมง เอ้า พวกเธอคิดเรื่องนี้ ๆ แล้วออกมาพูด)โดยเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่นักเรียนสนใจ ใกล้ตัว เป็นประเด็นปัญหา เช่น คดีสืบสวนสอบสวนว่าเป็นฆาตกรรมหรือไม่ ใครเป็นคนฆ่า  ให้ดูภาพหรือเรื่องที่ให้ผู้เรียนเกิดความรู้สึกไปต่าง ๆ นานา เช่น วีดีโอเด็กน้อยที่เล่นกับงูเห่า แล้วงูเห่าก็ฉกเด็กหลายครั้ง  ผู้เรียนจะเกิดความรู้สึกอยากแสดงความคิด อยากพูด มาถึงตอนนี้สบโอกาสของครูพอดี ให้นักเรียนพูดหรือช่วยกันแสดงความคิดเห็นเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งจะเร้าให้เด็กอยากแสดงออก และได้ใช้ภาษาเป็นทักษะในการสื่อสาร 

เทคนิคการฝึกทักษะการสื่อสาร  เพื่อนก็เป็นบุคคลที่ช่วยให้เราได้ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจ ได้ดีกว่าไปพูดกับใครไม่รู้ โดยการจัดกิจกรรมเช่น ให้จับคู่สนทนากัน หรือถามข้อมูลซึ่งกันและกัน โดยให้ยืนห่างกันมาก ๆ หรืออาจมีเสียงเพลงหรืออื่น ๆ มารบกวนบ้าง จะทำให้ผู้เรียนต้องซักถามกันมากขึ้น (ได้ฝึกใช้คำถามนอกเหนือจากที่สนทนา) ได้ตะโกนพูดกันดัง ๆ เพราะไม่ค่อยได้ยินกัน (ทำให้ได้พูดภาษาอังกฤษออกมาอย่างมั่นใจมากขึ้น)

3. ครูต่างประเทศกับครูไทยสอนภาษาอังกฤษ  จากการได้สดับรับฟังวิทยากรเล่าประสบการณ์ของครูที่ต่างประเทศสรุปเชิงวิจารณ์ดังนี้ 

บรรยากาศในห้องเรียน เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เหมือนไม่ได้เรียนหลักภาษา แต่กำลังใช้ นักเรียนมีกิจกรรมให้ลุกขึ้นมาทำตลอด  แต่ครูจะไม่มีการหัวเราะ เยาะเย้ยเด็กให้เกิดความอาย เมื่อเด็กทำผิดพลาด และต้องควบคุมห้องเรียนให้ได้ นักเรียนผิด ครูต้องรีบแก้ไขทันที ไม่มีการดุด่าหรือล้อเลียนเด็กที่ใช้ภาษาไม่ถูก

เกม เกม เกม ในการเรียนภาษานั้น จะเห็นว่า (ในทัศนะครูสุเอง) เรียนกับฝรั่งทีไร ก็ให้เล่นแต่เกม ๆ ๆ ๆ ไม่เห็นได้เรียนเนื้อหาสาระอะไรเลย  เกม ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการใช้ภาษาในการสื่อสาร ซึ่งเป็นหัวใจในการเรียนภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริง และได้นำไปใช้จริงอย่างไม่รู้ตัวนั่นเอง 

สื่อและเทคโนโลยี ครูต่างประเทศเอง ทั้งที่เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่สื่อที่ใช้ในการเรียนภาษา ยังเป็นสื่อง่าย ๆ เช่น มือ ไม้ (ไม่ใช่ไม้เรียวนะ) กระดาน  เทป ภาพ (อันนี้จริง เวลาฝรั่งสอนทีไร ที่ขาดไม่ได้ คือ รูปภาพ) ไม่มีการใช้ high technology  เหมือนครูไทย ที่จัดการเรียนรู้ทีไร ที่สื่อวันนี้คือ E learning CAI ฯลฯ ไปสอนเด็ก ซึ่งผลออกมาก็คือ นักเรียนก็ไม่เห็นได้ภาษาอังกฤษซักที  เราเน้นการสอนโดยการใช้สื่อทันสมัย ซึ่งแตกต่างจากฝรั่งคือใช้สื่ออะไรก็ได้ ถ้าได้ผลก็ใช้ไปเรื่อย ๆ (ก็มันได้ผลดี จะเปลี่ยนสื่อทำไม) และเป็นสื่อง่าย ๆ ที่ผู้เรียนใช้ร่วมกัน และสื่อสารภาษาอังกฤษด้วยกันได้ ห้องเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หรือ สิงคโปร์ บางที่ ไม่มีเครื่องเล่น วีซีดี ไม่มีคอมพิวเตอร์ มีแต่บัตรคำ บัตรภาพ เทปเก่า ๆ อุปกรณ์ของเล่นให้นักเรียน แต่เด็กก็พูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่า สื่อเทคโนโลยีของเรา (อันนี้ก็น่าคิดนะ) ที่สังเกตอีกอย่างของครูสุ สิ่งที่อยู่รอบกายของเราคือสื่อทั้งนั้นเลย เช่น เวลาฝรั่งสอน เขาจะพูดเรื่องตึก เรื่องรถ เขาจะเอาหนังสือแถวนั้นมากองเป็นตึก เอายางลบมาทำเป็นรถยนต์ สาธิตให้ดู ซึ่งครูไทยที่สอนภาษาอังกฤษเราละเลยเรื่องนี้นะ (มีใครจะเถียงไหม)

     สรุปว่าความคิดเหล่านี้ บางเรื่องก็ใหม่ บางเรื่องก็เก่า ซึ่งเราไม่ใช้แล้ว (แต่เขาใช้อยู่นะ) เพราะเรากำลังเห่อวิธีการเรียนการสอนแบบใหม่ไปเรื่อย ๆ (และทิ้งของเก่าไปเรื่อย ๆ เช่นกัน)

    จากข้อคิดส่วนตัวของครูสุจากการไปอบรมครั้งนี้  เปิดเทอมจะต้องนำความต่างทางความคิดอันมีประโยชน์ในไปปรับใช้ในการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของตัวเองต่อไปครับผม



ความเห็น (19)

สวัสดีค่ะครูสุ

  • แวะมาทักทายและอ่านบันทึกค่ะ
  • พี่แจ๋วไม่เก่งภาษาอังกฤษเลย ตอนเด็กๆ ก็กลัววิชาภาษาอังกฤษมากที่สุด
  • โตขึ้นมาก็อายที่จะใช้ภาษาไปเลย แย่จัง
  • ถ้าย้อนเวลากลับไปได้(ฝันๆ เอานะคะ)
  • อยากกลับไปเป็นเด็กแล้วจะเรียนภาษาอังกฤษให้ดีกว่านี้
  • ตอนนี้กำลังหาวิธีเรียนรู้ให้ตัวเองใหม่ แบบนับหนึ่งกันใหม่เลยน่ะค่ะ

สวัสดีครับ คุณครูสุ

  • ช่วงนี้อบรมสัมนาเพียบเลยครับ
  • ครูข้างถนนก็จะเดินทางไปอบรมสัมนาเหมือนกันที่ แปดริ้วครับ
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีครับพี่แจ๋ว jaewjingjing

  • ขอบคุณมากครับ
  • ครูสุก็เคยกลัวภาษาอังกฤษเหมือนพี่แจ๋ว (เดี๋ยวนี้มีบ้าง) ครูสุเคยเป็นเด็กศิลป์มาก่อน แต่พลิกผันตัวเองมาเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเป็นครูภาษา เคยกลัวภาษาอังกฤษมาก ๆ
  • ถ้าพี่แจ๋วอยากเก่งภาษาอังกฤษ จะแนะนำสั้น ๆ ดังนี้ครับ
  • พกดิ๊กชันนารีภาษาอังกฤษ-ไทย (และเปิดด้วย) จากประสบการณ์ที่ตัวเองเรียน และสอนเด็ก พบว่า คนที่มีดิกซ์ จะเรียนเก่งกว่าคนที่ไม่มี
  • คบเพื่อน ชาวต่างประเทศ (ถ้าให้ดี แต่งงานกับคนต่างประเทศไปเลย) เก่งภาษาอังกฤษทันที เรื่องนี้ก็จริงเช่นกัน ลูกศิษย์ครูสุ เพื่อนครูสุที่ไปแต่งงานกับชาวต่างชาติ กลับมาพูดภาษาอังกฤษเก่งกว่าเราอีก (แต่มันก็เสี่ยงนะครับ)
  • หางานหรือกิจกรรมที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษมาก ๆ เช่น ใช้โปรแกรมที่เป็นภาษาอังกฤษในมือถือ หรือคอมพิวเตอร์ ฯลฯ เข้าเว็บของต่างประเทศ ฯลฯ รับรองว่าต้องเก่งแน่ ๆ ครับ 
  • สรุปว่า ภาษาจะเก่งหรือไม่ อยู่ที่การใช้ของเราครับ
  • ขอเป็นกำลังใจพี่แจ๋วเรียนภาษาด้วยครับ

สวัสดีครับ ครู ครูข้างถนน

  • ใช่ครับ โดยเฉพาะตอนนี้ มีนโยบายให้อบรมฯ พัฒนา กันตอนปิดเทอมและวันหยุดเสียด้วย
  • แล้วครูไปอบฯเรื่องอะไรครับ ไปไกลเชียว
  • แต่ก็ดี ได้ไปเที่ยวด้วย เป็นการชาร์ตแบตให้ตัวเองด้วยนะครับ
  • โชคดีในการเดินทางนะครับ
  • ตามมาขอบคุณเยี่ยมมากๆๆ
  • ใช้ Find someone who บ่อยๆๆครับ
  • แต่ อ รัศนี นามวงศ์ ชื่อนี้คุ้นๆๆเนอะ
  • อยากเห็นภาพ กิจกรรม ทำไงดีครับ

สวัสดีค่ะครูสุ

***อ่านแล้วสนุกตามไปด้วย

***ชอบแนวคิดการใช้สื่อของครูสุ....แม้ตอนสอนภาษาไทยก็เชื่อมโยงคำถามไปยังภาษาอังกฤษบ้างโดยเฉพาะเรื่องไวยกรณ์...เรื่องนี้ก็ใช้ภาอังกฤษเป็นสื่อให้ภาษาไทยได้ ทั้งยังเป็นการสร้างแรงจูงใจให้นักเรียนรักที่จะเรียนภาษาด้วย

***เคยใช้ซองขนมและบรรจุภัณฑ์ต่างๆที่ซื้อมาใช้เป็นสื่อสอนภาษาอังกฤษให้ลูกตอนที่เรียนอนุบาล...พบว่าลูกจำได้มากกว่าหนังสือที่มีภาพประกอบเสียอีก...เพราะสื่อขยะเป็นสื่อแวดล้อมที่มีสีสันสวยงามที่หาได้ง่ายในชีวิตประจำวัน...และเป็นสื่อที่ใกล้ชิดเด็กมากกว่าสื่อเทคโนโลยีอารมณ์เดียว...คิดสื่อการสอที่สร้างสรรค์ได้อีกอย่าลืมนำมาแบ่งปันนะคะ

***ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับอาจารย์ขจิต

  • มันเป็นเกมที่มีมานาน และปัจจุบันครูสุก็ใช้อยู่นะครับ และมันก็ได้ผลจริง ๆ ด้วยครับ
  • อ.รัศนี นามวงศ์ อยู่ที่โรงเรียนบ้านแม่สาว อำเภอแม่อาย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 ครับ ได้รับทุนไปออสเตรเลียเมื่อตุลาคมปีที่แล้วครับอาจารย์ ชื่อเล่นชื่อ พี่ใหญ่ครับ
  • อาจารย์ครับ กิจกรรมวันอบรม ไม่ได้มีการ action เท่าไหร่เลยครับอาจารย์  มีวิทยากรมาพูดแจกงานให้ทำ และแลกเปลี่ยนซักถามประสบการณ์การเป็นเรื่อง ๆ ไปครับ ครูสุก็ลืมถ่ายรูป ถ่ายมารูปเดียวเดียวครับ

สวัสดีครับอาจารย์กิติยา

  • ขอบคุณครับ
  • อยากให้อาจารย์เล่ารายละเอียดให้ฟังครับ  เผื่อครูสุจะนำไปใช้บ้างครับ  เพราะน่าสนใจมาก
  • เช่นเดียวกันครับ ถ้ามีวิธีการอะไรดี ๆ จะนำรายงานในสังคมแห่งการเรียนรู้นี้ครับ
  • ขอบคุณมากครับที่มาเยี่ยมครับ
P
34. ครูปู
เมื่อ อา. 27 เม.ย. 2551 @ 16:25
625818 [ลบ]

สวัสดีค่ะ  ครูสุ

  • นั่นซิคะ ครูปู ก็ว่าครูสุ หายไปไหน
  • แอบไปด้อม ๆ มอง ๆ ที่บล๊อกเหมือนกันค่ะ
  • มีอะไรสนุก ๆ กลับมาเล่ากันอีกนะคะ

สวัสดีครับ ท่านผอ.ประจักษ์

  • ขอบพระคุณครับที่มาเยี่ยมชม
  • การ์ตูนน่ารักครับ 
  • I'm fine. Thank you ครับ

สวัสดีครับครูปู

  • หายไปอบรม แต่ไม่ได้บอกใครเลย ต้องขออภัยด้วยครับ
  • ครับผม
  • ขอบคุณครับ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะครูสุ

แต่ข้อที่ให้มีแฟนชาวต่างชาติท่าทางจะยาก คนไทยยังยากเลยค่ะ ฮา

เอาเป็นว่าขอปฎิบัติตามข้ออื่นๆ นะคะ :)

สวัสดีครับพี่แจ๋ว

  • พี่แจ๋วครับ ข้อนี้ครูสุก็ทำไม่ได้เหมือนกันครับ ฮา...
  • เดี๋ยวนี้ มีสารพัดวิธีที่จะทำให้เก่งภาษาอังกฤษ มันอยู่ที่ตัวเราเท่านั้นแหละครับ  ครูสุก็บอกตัวเองเหมือนกัน แต่ก็ขี้เกียจตลอดครับ
  • ขอบคุณครับ
  • สวัสดีค่ะน้องครูสุที่คิดถึง พี่อักษรอ่านบันทึกครูสุไปก็คิดไปว่า เอ ที่แคนาดาเขาสอนภาษาอังกฤษกันอย่างไรน้า
  • ปีที่แล้วน้องเจนอยู่ ป.หนึ่งที่นั่น ชอบไปโรงเรียนมากเพราะโรงเรียนที่แคนาดา เรียนไปเล่นไปเด็กชอบมาก ไม่มีการสอบประเมินผลทางวิชาการจนกว่าจะอยู่ประถมสี่ เขาไม่ต้องการให้เด็กแข่งขันและเครียดก่อนวัย ( มาอยู่เม็กซิโกนี่เครียดค่ะ สอบกันอยู่เรื่อย) 
  • ที่จำได้แม่นคือ จะให้เด็กเขียน Journal อย่างสม่ำเสมอมาก ทำตลอดปี และทำอย่างจริงจัง เด็กจะวาดรูป ระบายสี และเล่าเรื่องประกอบว่าวันหยุดทำอะไรมา หรือวันธรรมดานี่แหล่ะว่าสัปดาห์นั้นเรียนอะไรมา ได้เรียนรู้อะไรบ้าง เอามาสรุปใน journal เขียนผิดเขียนถูกไม่เป็นไร ให้เขียนออกมา ครูไม่แก้ แต่จะเขียนคอมเม้นท์โต้ตอบให้กำลังใจและแสดงความสนใจเรื่องที่นักเรียนเขียน บางครั้งก็จะสอดแทรกใช้คำที่นักเรียนเขียนผิดมาเขียนใหม่ให้ถูก แต่ก็ไม่ทุกครั้งไป พี่อักษรอ่านแล้วก็ขำที่ลูกสะกดผิดแต่เขาก็พยายามซาวด์เสียงเอาให้ใกล้ที่สุด อ่านบันทึกที่ครูโต้ตอบกับเด็กก็ขำเพราะครูจะแทรกอารมณ์ขันได้น่าเอ็นดู
  • กิจกรรมที่น่าสนใจอีกอย่างคือ บัดดี้จับคู่อ่านหนังสือ โดยจะให้เด็กชั้นโตกว่ามาอ่านหนังสือให้น้องฟัง
  • และห้องเรียนแต่ละห้องจะมีสเตชั่นที่ให้นั่งเรียนเลือกทำได้ตามความสนใจ โดยถ้าใครทำงานเร็วเสร็จก่อน ก็ลุกไปที่มุมนั้นได้ ไปอ่านหนังสือ ไปวาดรูป ไปฟังเพลง หรือไปเล่นคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่สองเครื่องในแต่ละห้องเรียน สรุปแล้วเด็กจะไม่ค่อยได้อยู่กับที่ ไม่น่าเบื่อ
  •  เปิดเทอมเมื่อไรครูสุถ่ายรูปห้องเรียนที่โรงเรียนมาให้พี่อักษรดูบ้างนะคะ

 

สวัสดีครับ พี่อักษร ทับแก้ว

  • ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่อักษรก่อนเลย เพราะเอาความรู้ที่มีประโยชน์มาให้
  • ดีครับ เด็กไม่ต้องมาแข่งขันและเครียดเลย เหมือนกับไปเล่น ไปเที่ยว ไปทำกิจกรรมที่สนุกที่โรงเรียน เด็กคงจะชอบมากนะครับ
  • Journal ครูสุก็เคยใช้ ตอนอบรมสองปีก่อน (ถูกบังคับให้เขียน ) แต่พอพี่อักษรมาให้ข้อคิดตรงนี้ ก็ทำให้ครูสุอยากเอาไปลองใช้กับเด็กแล้วสิครับ น่าสนใจมาก
  • ครับ เปิดเทอมนี้ อาจจะไปประจำชั้นป.4
  • ขอบคุณมากครับ พี่อักษร

มาเป็นกำลังใจให้ครูสุ สู้ๆๆค่ะ

       

สวัสดีครับมะขามอ่อน/ครูมิม

  • ขอบคุณครับ
  • เดี๋ยวเปิดเทอมก็จะไปสู้กับเด็ก ๆ ครับ
  • ขอบคุณมากครับ รูปดอกไม้สวยจัง

อ่านแล้ว รู้สึกดีจังค่ะ ได้แนวคิดไปจัดกิจกรรมเยอะเเยะเลยค่ะ ขอบคุณนะค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท